วัคซีนทางเลือกดีมานด์ทะลัก รุมจองโมเดอร์นา 10 ล้านโดส
https://www.prachachat.net/marketing/news-676941
(Photo by GUILLAUME SOUVANT / AFP)
รพ.เอกชนเด้งรับโมเดอร์นา-ซิโนฟาร์ม ทยอยสำรวจดีมานด์ เผยแผนหารือองค์การเภสัชฯ ขยายปริมาณการนำเข้าเป็น 10 ล้านโดส เตรียมเคาะราคา คาดถึงไทยเร็วสุดสิงหาคม “อนุทิน” ยันมิถุนายน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบตามแผน “ซิโนฟาร์ม-ไฟเซอร์” จ่อขึ้นทะเบียน
ความชัดเจนของการนำเข้าวัคซีนทางเลือกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากวัคซีนโมเดอร์นา ที่นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการเร่งจัดหาวัคชีนทางเลือกเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย รวมทั้งล่าสุดจากกระแสข่าวการมีวัคซีนตัวใหม่ ซิโนฟาร์ม โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ที่ได้ยื่นเอกสารและอยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียนจาก อย. ทำให้โรงพยาบาลเอกชนเริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
แห่สำรวจดีมานด์วัคซีนทางเลือก
แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาของวัคซีนโควิดโมเดอร์นา ที่นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา แล้วเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลาย ๆ แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เริ่มทยอยทำการสำรวจความต้องการในการฉีดซีนทางเลือก โมเดอร์นา ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ของกูเกิล โดยมีการเปิดสำรวจความต้องการทั้งกรณีที่เป็นบุคคลและบริษัท หรือองค์กร ด้วยการเปิดให้ลงทะเบียน ระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ (อีเมล์)
ซึ่งการสำรวจความเห็นดังกล่าวจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า แบบสำรวจนี้ทำเพื่อสำรวจจำนวนความต้องการในการจองวัคซีนเท่านั้น ไมใช้การจองวัคซีนจริง ไม่มีการเก็บเงินมัดจำหรือค่าวัคซีนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การนำเข้าวัคซีนทางเลือก หรือวัคซีนที่นอกเหนือจากการจัดการของภาครัฐ โดยหลักจะเป็นการนำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และองค์การเภสัชฯจะนำมากระจายต่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการจะนำไปฉีดให้ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปริมาณการนำเข้าอาจจะต้องขยายเป็น 10 ล้านโดส จากเบื้องต้นที่มีตัวเลขประมาณ 5 ล้านโดส ส่วนราคาขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปหรือกำหนด คาดว่าปลายสัปดาห์นี้ (24-28 พฤษภาคม) น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งโดยหลักจะเป็นการคิดจากต้นทุนวัคซีน บวกค่าบริการ บวกค่าประกัน และเวลาการนำเข้าคาดว่าอาจจะเป็นประมาณตุลาคมนี้ หรือหากเร็วสุดอาจจะเป็นเดือนสิงหาคม-กันยายน
“คำนวณคร่าว ๆ โมเดอร์นา ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 35-37 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อบวกค่าบริการ บวกประกัน ราคาต่อโดสน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท บวกลบนิดหน่อย และจะเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศ”
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า นอกจากโมเดอร์นาแล้ว หากซิโนฟาร์มที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ อย. ได้รับการขึ้นทะเบียนและมีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ โรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งก็พร้อมจะซื้อเพื่อนำมากระจายหรือเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน หรือบริษัทที่สนใจ โดยส่วนตัวเชื่อว่าขณะนี้ ประชาชนจำนวนมากต้องการมีตัวเลือกที่มากกว่าที่เป็นอยู่ และพร้อมที่จะเสียเงินจ่ายซื้อวัคซีนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากโรงพยาบาลเอกชนที่มีการสำรวจดีมานด์ อาทิ กลุ่มบางกอกเชน ฮอสปิทอล หรือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์, โรงพยาบาลวิมุต เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มีโรงพยาบาลเอกชนหลาย ๆ แห่งได้เริ่มได้มีความเคลื่อนไหวในการเน้นการให้ความรู้เรื่องวัคซีนทางเลือก ผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลพระราม 9 และโรงพยาบาลนนทเวช
รพ.เอกชนแห่จองโมเดอร์นา
นายแพย์
บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลเครือธนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้ติดต่อขอซื้อวัคซีนโมเดอร์นา จาก อภ. 5 ล้านโดส และจากการสำรวจความต้องการที่ผ่านมาพบว่า มีองค์กรใหญ่ ๆ ติดต่อมาเป็นจำนวนมาก และมีความต้องการเกินกว่า 2 ล้านโดส
ทั้งนี้ หาก อภ.อนุญาตนำเข้าครบ 5 ล้านโดส ส่วนหนึ่งจะนำมาฉีดให้ผู้ที่สนใจในโรงพยาบาลธนบุรี อีกส่วนหนึ่งจะจำหน่ายต่อให้แก่โรงพยาบาลเอกชนรายอื่น ๆ ที่ต้องการเพื่อกระจายวัคซีนต่อไป
เช่นเดียวกับ พญ.ศิเรมอร ทองสิมา รองผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า ขณะนี้นครธนได้จองวัคซีนกับองค์การเภสัชกรรมจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ตามจำนวนที่ต้องการหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ความต้องการวัคซีนทั่วโลกยังมีสูง โควตาของไทยอาจต้องไปเบียดกับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้ได้วัคซีนจำนวนหนึ่งมา อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าวัคซีนทางเลือกนี้จะเข้ามาช่วงไตรมาส 4
ขณะที่ นาย
ธานี มณีนุตร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการสำรวจความต้องการของเครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ พบว่ามีบุคคลทั่วไปและกลุ่มองค์กรที่แจ้งความประสงค์เข้ามากว่า 25,000 ราย และยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง และคาดว่าวัคซีนจะเข้ามาได้ราวไตรมาส 4 ปีนี้
“ซิโนฟาร์ม” จ่อขึ้นทะเบียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายืนยันมีกำหนดส่งมอบในเดือนมิถุนายน โดยสัญญาระบุว่า กรมควบคุมโรค และแอสตร้าฯตกลงกันทุกเดือน ในการกำหนดวัคซีนที่ฉีดได้ในแต่ละเดือน กรมควบคุมโรคจะหารือกับแอสตร้าฯเพื่อวางแผนแต่ละเดือน
ส่วนตัวเลข 6 ล้านโดส 10 ล้านโดส เป็นไกด์ไลน์ ไม่ได้กำหนดในสัญญา และมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ตอนนี้กระทรวงแรงงานก็จะฉีดเอง สธ.ก็ต้องมาปรับ แต่วัคซีนต้องฉีดให้หมด ไม่มีเก็บ
นาย
อนุทินยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ไฟเซอร์ยื่นเอกสารเทอมชีตมาแล้ว และส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่ารับเงื่อนไขได้หรือไม่ มีเวลา 14 วัน ในการเซ็นลงนามโดยกรมควบคุมโรค หากเซ็นแล้ว ไฟเซอร์จะยื่นเอกสารมาจดทะเบียน หลังจากนั้น 30 วัน จะมาคุยกันเรื่องสัญญาจัดซื้อ จัดหา และการจัดส่ง จากนี้ถึงสิ้นปีทั้งหมด 20 ล้านโดส เงื่อนไขอะไรรับได้ก็รับ
“วันนี้วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ใคร ๆ ก็สามารถซื้อได้ มีหลายทางเลือก ตอนนี้มีซิโนแวก แอสตร้าเซนเนก้า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโมเดอร์นา ถ้าวันศุกร์นี้ (28 พ.ค.) ไม่มีอะไรผิดพลาด เอกสารซิโนฟาร์มครบ ก็น่าจะมีซิโนฟาร์มด้วย และถ้าไฟเซอร์ส่งเอกสารครบ ก็น่าจะมีไฟเซอร์ตามมา” นาย
อนุทินกล่าว
โควิดรอบ 3 กระทบจัดตั้งธุรกิจใหม่ หดตัว 32% ก่อสร้าง-อสังหาฯ มากสุด
https://www.prachachat.net/economy/news-677698
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนเมษายน 64 หดตัว 32% เมื่อเทียบเดือนที่ผ่านมา ผลกระทบจากโควิดรอบ 3 พบว่าก่อสร้าง-อสังหาฯ จดทะเบียนธุรกิจลดลง ย้ำทั้งปียังเชื่อมั่นหลังวัคซีนกระจายมากขึ้น
วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นาย
ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนเมษายน 2564 พบว่า มีจำนวน 5,972 ราย เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3,996 ราย แต่ลดลง 32% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 466 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 283 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 185 ราย คิดเป็น 3% ทั้งนี้ การจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่รวม 4 เดือน (มกราคม-เมษายน 2564) มีจำนวน 29,361 ราย เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 612 ราย ลดลง 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 817 ราย แต่ลดลง 23% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 54 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 42 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 25 ราย คิดเป็น 4% ขณะที่ธุรกิจที่เลิกกิจการรวม 4 เดือน (มกราคม-เมษายน 2564) มีจำนวน 3,090 ราย ลดลง 22% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนเมษายน 2564 มีจำนวน 795,160 ราย มูลค่าทุน 19.47 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 194,760 ราย คิดเป็น 24.49% บริษัทจำกัด จำนวน 599,109 ราย คิดเป็น 75.35% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,291 ราย คิดเป็น 0.16%
ทั้งนี้ การลดลงของจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ในเดือนเมษายน อาจมีผลมาจากการระบาดระลอกสามของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจลดลง รวมทั้งปัจจัยที่มีวันหยุดยาวในเดือนเมษายน เมื่อพิจารณาการลดลงของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในแต่ละภาคธุรกิจนั้น
ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง โดยธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจัดตั้งลดลง 202 ราย คิดเป็น 31% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จัดตั้งลดลง 83 ราย คิดเป็น 23% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ธุรกิจขายปลีกสินค้าอื่น ๆ ในร้านค้าทั่วไปจัดตั้งลดลง 68 ราย คิดเป็น 35% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการจัดตั้งลดลง 55 ราย คิดเป็น 36% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจัดตั้งลดลง 47 ราย คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสามที่มีแนวโน้มกระจายเป็นวงกว้าง เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม แผนการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น และจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูง รวมทั้งผู้สูงอายุเป็นอันดับแรกในเดือนมิถุนายนนั้น น่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ทั้งปี 2564 ตั้งเป้าตั้งนิติบุคคล จำนวน 67,000 – 69,000 ราย
นาย
ทศพล กล่าวอีกว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนเมษายน 2564 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 34 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 15 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 19 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,722 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด
ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 78 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 3,126 ล้านบาท และญี่ปุ่น จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 598 ล้านบาท ปี 2564 (มกราคม – เมษายน) คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 180 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 31,215 ล้านบาท
JJNY : รุมจองโมเดอร์นา10ล.โดส│จัดตั้งธุรกิจใหม่ หดตัว 32%│สมบัติทัวร์ ผดส.ใต้หาย│ที่ปรึกษานายกฯญี่ปุ่น ลาออกหลังทวีต
https://www.prachachat.net/marketing/news-676941
รพ.เอกชนเด้งรับโมเดอร์นา-ซิโนฟาร์ม ทยอยสำรวจดีมานด์ เผยแผนหารือองค์การเภสัชฯ ขยายปริมาณการนำเข้าเป็น 10 ล้านโดส เตรียมเคาะราคา คาดถึงไทยเร็วสุดสิงหาคม “อนุทิน” ยันมิถุนายน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบตามแผน “ซิโนฟาร์ม-ไฟเซอร์” จ่อขึ้นทะเบียน
ความชัดเจนของการนำเข้าวัคซีนทางเลือกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากวัคซีนโมเดอร์นา ที่นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการเร่งจัดหาวัคชีนทางเลือกเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย รวมทั้งล่าสุดจากกระแสข่าวการมีวัคซีนตัวใหม่ ซิโนฟาร์ม โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ที่ได้ยื่นเอกสารและอยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียนจาก อย. ทำให้โรงพยาบาลเอกชนเริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
แห่สำรวจดีมานด์วัคซีนทางเลือก
แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาของวัคซีนโควิดโมเดอร์นา ที่นำเข้าโดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา แล้วเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลาย ๆ แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เริ่มทยอยทำการสำรวจความต้องการในการฉีดซีนทางเลือก โมเดอร์นา ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ของกูเกิล โดยมีการเปิดสำรวจความต้องการทั้งกรณีที่เป็นบุคคลและบริษัท หรือองค์กร ด้วยการเปิดให้ลงทะเบียน ระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ (อีเมล์)
ซึ่งการสำรวจความเห็นดังกล่าวจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า แบบสำรวจนี้ทำเพื่อสำรวจจำนวนความต้องการในการจองวัคซีนเท่านั้น ไมใช้การจองวัคซีนจริง ไม่มีการเก็บเงินมัดจำหรือค่าวัคซีนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การนำเข้าวัคซีนทางเลือก หรือวัคซีนที่นอกเหนือจากการจัดการของภาครัฐ โดยหลักจะเป็นการนำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และองค์การเภสัชฯจะนำมากระจายต่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการจะนำไปฉีดให้ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปริมาณการนำเข้าอาจจะต้องขยายเป็น 10 ล้านโดส จากเบื้องต้นที่มีตัวเลขประมาณ 5 ล้านโดส ส่วนราคาขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปหรือกำหนด คาดว่าปลายสัปดาห์นี้ (24-28 พฤษภาคม) น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งโดยหลักจะเป็นการคิดจากต้นทุนวัคซีน บวกค่าบริการ บวกค่าประกัน และเวลาการนำเข้าคาดว่าอาจจะเป็นประมาณตุลาคมนี้ หรือหากเร็วสุดอาจจะเป็นเดือนสิงหาคม-กันยายน
“คำนวณคร่าว ๆ โมเดอร์นา ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 35-37 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อบวกค่าบริการ บวกประกัน ราคาต่อโดสน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท บวกลบนิดหน่อย และจะเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศ”
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า นอกจากโมเดอร์นาแล้ว หากซิโนฟาร์มที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ อย. ได้รับการขึ้นทะเบียนและมีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ โรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งก็พร้อมจะซื้อเพื่อนำมากระจายหรือเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน หรือบริษัทที่สนใจ โดยส่วนตัวเชื่อว่าขณะนี้ ประชาชนจำนวนมากต้องการมีตัวเลือกที่มากกว่าที่เป็นอยู่ และพร้อมที่จะเสียเงินจ่ายซื้อวัคซีนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากโรงพยาบาลเอกชนที่มีการสำรวจดีมานด์ อาทิ กลุ่มบางกอกเชน ฮอสปิทอล หรือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์, โรงพยาบาลวิมุต เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มีโรงพยาบาลเอกชนหลาย ๆ แห่งได้เริ่มได้มีความเคลื่อนไหวในการเน้นการให้ความรู้เรื่องวัคซีนทางเลือก ผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลพระราม 9 และโรงพยาบาลนนทเวช
รพ.เอกชนแห่จองโมเดอร์นา
นายแพย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลเครือธนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้ติดต่อขอซื้อวัคซีนโมเดอร์นา จาก อภ. 5 ล้านโดส และจากการสำรวจความต้องการที่ผ่านมาพบว่า มีองค์กรใหญ่ ๆ ติดต่อมาเป็นจำนวนมาก และมีความต้องการเกินกว่า 2 ล้านโดส
ทั้งนี้ หาก อภ.อนุญาตนำเข้าครบ 5 ล้านโดส ส่วนหนึ่งจะนำมาฉีดให้ผู้ที่สนใจในโรงพยาบาลธนบุรี อีกส่วนหนึ่งจะจำหน่ายต่อให้แก่โรงพยาบาลเอกชนรายอื่น ๆ ที่ต้องการเพื่อกระจายวัคซีนต่อไป
เช่นเดียวกับ พญ.ศิเรมอร ทองสิมา รองผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า ขณะนี้นครธนได้จองวัคซีนกับองค์การเภสัชกรรมจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ตามจำนวนที่ต้องการหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ความต้องการวัคซีนทั่วโลกยังมีสูง โควตาของไทยอาจต้องไปเบียดกับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้ได้วัคซีนจำนวนหนึ่งมา อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าวัคซีนทางเลือกนี้จะเข้ามาช่วงไตรมาส 4
ขณะที่ นายธานี มณีนุตร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการสำรวจความต้องการของเครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ พบว่ามีบุคคลทั่วไปและกลุ่มองค์กรที่แจ้งความประสงค์เข้ามากว่า 25,000 ราย และยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง และคาดว่าวัคซีนจะเข้ามาได้ราวไตรมาส 4 ปีนี้
“ซิโนฟาร์ม” จ่อขึ้นทะเบียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายืนยันมีกำหนดส่งมอบในเดือนมิถุนายน โดยสัญญาระบุว่า กรมควบคุมโรค และแอสตร้าฯตกลงกันทุกเดือน ในการกำหนดวัคซีนที่ฉีดได้ในแต่ละเดือน กรมควบคุมโรคจะหารือกับแอสตร้าฯเพื่อวางแผนแต่ละเดือน
ส่วนตัวเลข 6 ล้านโดส 10 ล้านโดส เป็นไกด์ไลน์ ไม่ได้กำหนดในสัญญา และมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ตอนนี้กระทรวงแรงงานก็จะฉีดเอง สธ.ก็ต้องมาปรับ แต่วัคซีนต้องฉีดให้หมด ไม่มีเก็บ
นายอนุทินยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ไฟเซอร์ยื่นเอกสารเทอมชีตมาแล้ว และส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่ารับเงื่อนไขได้หรือไม่ มีเวลา 14 วัน ในการเซ็นลงนามโดยกรมควบคุมโรค หากเซ็นแล้ว ไฟเซอร์จะยื่นเอกสารมาจดทะเบียน หลังจากนั้น 30 วัน จะมาคุยกันเรื่องสัญญาจัดซื้อ จัดหา และการจัดส่ง จากนี้ถึงสิ้นปีทั้งหมด 20 ล้านโดส เงื่อนไขอะไรรับได้ก็รับ
“วันนี้วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ใคร ๆ ก็สามารถซื้อได้ มีหลายทางเลือก ตอนนี้มีซิโนแวก แอสตร้าเซนเนก้า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโมเดอร์นา ถ้าวันศุกร์นี้ (28 พ.ค.) ไม่มีอะไรผิดพลาด เอกสารซิโนฟาร์มครบ ก็น่าจะมีซิโนฟาร์มด้วย และถ้าไฟเซอร์ส่งเอกสารครบ ก็น่าจะมีไฟเซอร์ตามมา” นายอนุทินกล่าว
โควิดรอบ 3 กระทบจัดตั้งธุรกิจใหม่ หดตัว 32% ก่อสร้าง-อสังหาฯ มากสุด
https://www.prachachat.net/economy/news-677698
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนเมษายน 64 หดตัว 32% เมื่อเทียบเดือนที่ผ่านมา ผลกระทบจากโควิดรอบ 3 พบว่าก่อสร้าง-อสังหาฯ จดทะเบียนธุรกิจลดลง ย้ำทั้งปียังเชื่อมั่นหลังวัคซีนกระจายมากขึ้น
วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนเมษายน 2564 พบว่า มีจำนวน 5,972 ราย เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3,996 ราย แต่ลดลง 32% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 466 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 283 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจในภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 185 ราย คิดเป็น 3% ทั้งนี้ การจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่รวม 4 เดือน (มกราคม-เมษายน 2564) มีจำนวน 29,361 ราย เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 612 ราย ลดลง 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 817 ราย แต่ลดลง 23% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 54 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 42 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 25 ราย คิดเป็น 4% ขณะที่ธุรกิจที่เลิกกิจการรวม 4 เดือน (มกราคม-เมษายน 2564) มีจำนวน 3,090 ราย ลดลง 22% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนเมษายน 2564 มีจำนวน 795,160 ราย มูลค่าทุน 19.47 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 194,760 ราย คิดเป็น 24.49% บริษัทจำกัด จำนวน 599,109 ราย คิดเป็น 75.35% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,291 ราย คิดเป็น 0.16%
ทั้งนี้ การลดลงของจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ในเดือนเมษายน อาจมีผลมาจากการระบาดระลอกสามของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจลดลง รวมทั้งปัจจัยที่มีวันหยุดยาวในเดือนเมษายน เมื่อพิจารณาการลดลงของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในแต่ละภาคธุรกิจนั้น
ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง โดยธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจัดตั้งลดลง 202 ราย คิดเป็น 31% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จัดตั้งลดลง 83 ราย คิดเป็น 23% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ธุรกิจขายปลีกสินค้าอื่น ๆ ในร้านค้าทั่วไปจัดตั้งลดลง 68 ราย คิดเป็น 35% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการจัดตั้งลดลง 55 ราย คิดเป็น 36% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจัดตั้งลดลง 47 ราย คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสามที่มีแนวโน้มกระจายเป็นวงกว้าง เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม แผนการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น และจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูง รวมทั้งผู้สูงอายุเป็นอันดับแรกในเดือนมิถุนายนนั้น น่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ทั้งปี 2564 ตั้งเป้าตั้งนิติบุคคล จำนวน 67,000 – 69,000 ราย
นายทศพล กล่าวอีกว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนเมษายน 2564 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 34 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 15 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 19 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,722 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด
ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 78 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 3,126 ล้านบาท และญี่ปุ่น จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 598 ล้านบาท ปี 2564 (มกราคม – เมษายน) คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 180 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 31,215 ล้านบาท