แฉ กมธ.งบ 65 พปชร. ส่ง 'วิเชียร' นั่งประชุมคนเดียว จน 'อาคม' ต้องมาคุมเกม หวั่นองค์ประชุมล่มซ้ำรอย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2783300
แฉ กมธ.งบ 65 พปชร. ส่ง ‘วิเชียร’ นั่งประชุมคนเดียว จน ‘อาคม’ ต้องมาคุมเกม หวั่นองค์ประชุมล่มซ้ำรอย
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ระบุว่า ในการประชุมกมธฯวันนี้ (18 มิถุนายน) ที่มีนาย
วิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รองประธาน กมธ.คนที่ 5 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐที่เป็น กมธ. เข้าร่วมประชุมเพียงคนเดียวคือ นาย
วิเชียร ส่วนกมธ.คนอื่นๆ เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐที่ จ.ขอนแก่น ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ เพราะ กมธ.ฝั่งรัฐบาลมาน้อยกว่าการประชุมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่องค์ประชุมต้องล่มไป
ทั้งนี้ฝ่ายค้านโดยนาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษก กมธ. ได้ท้วงติงว่าองค์ประชุมอาจจะไม่ครบหากมีการประชุมต่ออาจทำให้ต้องมีการนับองค์ประชุมเหมือนวันที่ 17 มิถุนายน ถ้าจะประชุมต่ออาจผิดข้อบังคับได้ ทำให้นาย
วิเชียร ได้ขอว่า ขณะนี้มีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ 3 กรม คือกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มารอชี้แจงตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนแล้ว จึงขอให้พิจารณาจบทั้ง 3 กรมนี้ก่อน แล้วจึงเลิกการประชุม ทำให้การประชุมในวันนี้จบลงในเวลา 14.30 น. จากกำหนดเดิมคือเวลา 16.00 น.
อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้มี นาย
อาคม เติมวิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน กมธ.เดินทางมาร่วมประชุมด้วย ทำให้ฝ่ายค้านเกรงใจ และยอมร่วมประชุมจนเสร็จสิ้น
“กสศ.” เปิดข้อมูลคาดสิ้นปีเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาถึง 6.5 หมื่นคน เหตุผู้ปกครองจนเฉียบพลัน
https://www.matichon.co.th/education/news_2783317
“หมอแล็บ” ชี้การศึกษากำลังวิกฤต หลัง “กสศ.” เปิดข้อมูลคาดสิ้นปีเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาถึง 6.5 หมื่นคน เหตุผู้ปกครองจนเฉียบพลัน
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564
หมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์ข้อความเรื่องการศึกษากำลังวิกฤต โดยระบุว่า
“ตอนนี้เรื่องการศึกษาวิกฤติมากครับ”
ล่าสุด กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เขามีผลสำรวจเรื่องสถานการณ์เด็กหลุดออกนอกระบบหลังเปิดเทอมใหม่ออกมานะครับว่า มีเด็กชั้นรอยต่อหลุดออกจากระบบการศึกษาประมาณ 5,654 คน แต่อีกเดือนกว่าจะเพิ่มเป็นหมื่นคนและคาดการณ์ว่าสิ้นปีการศึกษานี้ จะมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาของบ้านเราถึง 65,000 คนเลยครับ
ตอนนี้ กสศ.ช่วยอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษอยู่ที่ ปีละ 3,000 บาทครับ ถึงจะมีเรื่องเรียนฟรี แต่ต้นทุนการศึกษานั้นมีค่าใช้จ่ายแฝงต่อปีอีกเยอะเลยครับ เหมือนที่หลายคนเคยเจอ อย่างค่าเดินทางไปเรียน ค่าอาหาร มันไม่พอครับ นโยบายการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวใช้อัตราเดิมมา 10 กว่าปี ไม่ได้มีการปรับเพิ่มท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยิ่งช่วงนี้ ผู้ปกครองรายได้ลด หนี้นอกระบบเพิ่ม ยิ่งวิกฤติครับ
อย่างภูเก็ต เหตุการณ์ครั้งนี้หนักกว่าสึนามิมากเลยครับ เขาเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่า จนเฉียบพลัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เก็บข้อมูลตัวเลข บอกว่ารายได้ต่อเดือนของคนภูเก็ตเหลือแค่ 1,961 บาท ต่ำกว่าเกณฑ์คนจนทั่วประเทศไทยอีกครับ พ่อแม่ของเด็กที่เคยเป็นพนักงานโรงแรม แต่รายได้เป็นศูนย์ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ทำให้เด็กหลายคนที่สอบติดโรงเรียนรัฐ แล้วต้องวางเงิน 3,000 – 4,500 บาท เมื่อไม่มีต้องถูกลบชื่อออกให้เด็กคนอื่นๆเรียน
น้องๆที่ตั้งใจเรียน เคยเรียนกศน. เคยทำงานในโรงแรมส่งตัวเองเรียน หรือฝึกอาชีพเพิ่มเติม เมื่อถูกพักงาน ทำให้อัตราคนเรียนต่อกศน.น้อยลง จากเดิมปี 2562 สมัคร 1,800 คน วันนี้ เหลือแค่ 170 คนเองครับ หน่วยงานไหนสนใจเข้าไปช่วยตรงนี้ก็ลองดูครับ
มีบางครอบครัวต้องกู้หนี้นอกระบบมาซื้ออุปกรณ์การเรียนออนไลน์ให้ลูกด้วยนะครับ เพราะไม่มีจริงๆ
ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค จากสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เล่าให้ฟังว่าข้อมูลจากระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE พบว่าประเทศไทยมีนักเรียนยากจนพิเศษเป็นล้านคน หรือ 18% ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งกลุ่มยากจนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายการศึกษาสูงกว่ากลุ่มครอบครัวที่รวย 4 เท่า คือยิ่งจนยิ่งแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงครับ ซึ่งครอบครัวยากจนพิเศษ มีรายได้ทั้งครอบครัวเฉลี่ยแค่ 1,077 บาทต่อเดือนต่อคนเองครับ
เหตุผลที่เราควรช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ คือมีผลวิจัยออกมาว่าหากประเทศไทยไม่มีเด็กหลุดจากระบบจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 228,000 ล้านบาทต่อปีเลยครับ
ตอนนี้มีโมเดลของจังหวัดพิษณุโลก และภูเก็ตเป็นการทำงานเชิงรุก บูรณาการทำงานในพื้นที่ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดจากระบบร่วมกับ กสศ. อยู่นะครับ จังหวัดอื่นๆลองสอบถามดูได้เพื่อช่วยเหลือเด็กๆครับ
ใครอยากไปอ่านข้อมูลสัมมนา EEF Forum แบบเต็ม ลองดูที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/128543547179663/posts/4551826398184667/
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/346242066859262
คุมสื่อเข้ม! เวียดนามออกกฎใช้โซเชียลมีเดีย โพสต์ได้แต่เรื่อง 'ดี ๆ' ของประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6461342
พรรคคอมมิวนิสต์ เวียดนามออกกฎใช้โซเชียลมีเดีย โพสต์ได้แต่เรื่อง ‘ดี ๆ’ ของประเทศ เช่น เรื่องของคนดี-ทิวทัศน์สวยงาม ผู้ฝ่าฝืน โพสต์เรื่อง’ด้านลบ’ มีโทษจำคุก
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64 สำนักข่าว
รอยเตอร์ รายงานว่า เวียดนามได้เผยแนวทางระดับชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนโพสต์เนื้อหา ‘
เชิงบวก’ เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรายงาน “
ข้อมูลที่ขัดแย้ง”กับเรื่องเชิงบวก ต่อผู้บังคับบัญชาของตน กฎระเบียบนี้ห้ามการโพสต์ที่ละเมิดกฎหมายและห้ามการโพสต์ที่ “
ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐ” โดยองค์กรของรัฐ บริษัทโซเชียลมีเดีย และผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งหมดในเวียดนามต้องปฏิบัติตาม
ระเบียบดังกล่าว ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในมติของกระทรวงข้อมูลข่าวสาร เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ระบุว่า “ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจถูกสนับสนุนให้ส่งเสริมความงามของทิวทัศน์ ผู้คน และวัฒนธรรมของเวียดนาม และเผยแพร่เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับคนดี” โดยขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการตัดสินใจจะมีผลผูกพันทางกฎหมายเพียงใด หรือจะบังคับใช้อย่างไร
พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองเวียดนาม จะยอมรับคำวิจารณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยยังคงควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิวต์ได้เป็นผู้นำในการปราบปรามผู้เห็นต่าง เช่น นักเคลื่อนไหว-นักกิจกรรมอย่างเข้มข้น ทำให้มีนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งได้รับโทษจำคุกเป็นเวลานาน จากข้อหาการโพสต์บนโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก และ ยูทูบ
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่รายงานพิเศษว่า ทางการเวียดนาม ข่มขู่ว่าจะปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก โดยรัฐบาลเวียดนามได้กดดันให้เฟซบุ๊กเซ็นเซอร์ (ปิดกั้น) เนื้อหาทางการเมืองในประเทศของเวียดนาม
ชาวเวียดนามนิยมใช้โซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กอย่างยิ่ง โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กในเวียดนาม ประมาณ 60 ล้านคน ซึ่งสร้างรายได้เกือบ 1 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.1หมื่นล้านบาท) ต่อปี
กฎระเบียบดังกล่าวบังคับให้ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียในเวียดนาม “
จัดการกับผู้ใช้ตามกฎหมายเวียดนาม” เมื่อได้รับการร้องขอจากทางการให้ลบเนื้อหาออกจากแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียสร้างบัญชีโดยใช้ข้อมูลระบุตัวตนที่แท้จริง และเผยแพร่หรือแชร์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการ รวมถึงหลีกเลี่ยงการโพสต์เนื้อหาที่ละเมิดกฎหมาย การใช้ภาษาหยาบคาย หรือเผยแพร่โฆษณาสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย
โดยในเดือนมกราคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา เกิดกรณีที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียของเวียดนาม ใช้รายงานสภาพอากาศปลอมและคะแนนฟุตบอลปลอม แทนวิธีการสื่อสารเรื่องการเมืองโดยตรง เพื่อหารือและโต้เถียงกันทางการเมืองเกี่ยวกับผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์
JJNY : 4in1 แฉกมธ.งบ พปชร.ส่งประชุมคนเดียว│กสศ.คาดสิ้นปีเด็กหลุดการศึกษา6.5หมื่น│เวียดนามออกกฎใช้โซเชียล│จับตาเดลตาพลัส
https://www.matichon.co.th/politics/news_2783300
แฉ กมธ.งบ 65 พปชร. ส่ง ‘วิเชียร’ นั่งประชุมคนเดียว จน ‘อาคม’ ต้องมาคุมเกม หวั่นองค์ประชุมล่มซ้ำรอย
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ระบุว่า ในการประชุมกมธฯวันนี้ (18 มิถุนายน) ที่มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รองประธาน กมธ.คนที่ 5 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐที่เป็น กมธ. เข้าร่วมประชุมเพียงคนเดียวคือ นายวิเชียร ส่วนกมธ.คนอื่นๆ เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐที่ จ.ขอนแก่น ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ เพราะ กมธ.ฝั่งรัฐบาลมาน้อยกว่าการประชุมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่องค์ประชุมต้องล่มไป
ทั้งนี้ฝ่ายค้านโดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษก กมธ. ได้ท้วงติงว่าองค์ประชุมอาจจะไม่ครบหากมีการประชุมต่ออาจทำให้ต้องมีการนับองค์ประชุมเหมือนวันที่ 17 มิถุนายน ถ้าจะประชุมต่ออาจผิดข้อบังคับได้ ทำให้นายวิเชียร ได้ขอว่า ขณะนี้มีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ 3 กรม คือกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มารอชี้แจงตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนแล้ว จึงขอให้พิจารณาจบทั้ง 3 กรมนี้ก่อน แล้วจึงเลิกการประชุม ทำให้การประชุมในวันนี้จบลงในเวลา 14.30 น. จากกำหนดเดิมคือเวลา 16.00 น.
อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้มี นายอาคม เติมวิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน กมธ.เดินทางมาร่วมประชุมด้วย ทำให้ฝ่ายค้านเกรงใจ และยอมร่วมประชุมจนเสร็จสิ้น
“กสศ.” เปิดข้อมูลคาดสิ้นปีเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาถึง 6.5 หมื่นคน เหตุผู้ปกครองจนเฉียบพลัน
https://www.matichon.co.th/education/news_2783317
“หมอแล็บ” ชี้การศึกษากำลังวิกฤต หลัง “กสศ.” เปิดข้อมูลคาดสิ้นปีเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาถึง 6.5 หมื่นคน เหตุผู้ปกครองจนเฉียบพลัน
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 หมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์ข้อความเรื่องการศึกษากำลังวิกฤต โดยระบุว่า
“ตอนนี้เรื่องการศึกษาวิกฤติมากครับ”
ล่าสุด กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เขามีผลสำรวจเรื่องสถานการณ์เด็กหลุดออกนอกระบบหลังเปิดเทอมใหม่ออกมานะครับว่า มีเด็กชั้นรอยต่อหลุดออกจากระบบการศึกษาประมาณ 5,654 คน แต่อีกเดือนกว่าจะเพิ่มเป็นหมื่นคนและคาดการณ์ว่าสิ้นปีการศึกษานี้ จะมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาของบ้านเราถึง 65,000 คนเลยครับ
ตอนนี้ กสศ.ช่วยอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษอยู่ที่ ปีละ 3,000 บาทครับ ถึงจะมีเรื่องเรียนฟรี แต่ต้นทุนการศึกษานั้นมีค่าใช้จ่ายแฝงต่อปีอีกเยอะเลยครับ เหมือนที่หลายคนเคยเจอ อย่างค่าเดินทางไปเรียน ค่าอาหาร มันไม่พอครับ นโยบายการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวใช้อัตราเดิมมา 10 กว่าปี ไม่ได้มีการปรับเพิ่มท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยิ่งช่วงนี้ ผู้ปกครองรายได้ลด หนี้นอกระบบเพิ่ม ยิ่งวิกฤติครับ
อย่างภูเก็ต เหตุการณ์ครั้งนี้หนักกว่าสึนามิมากเลยครับ เขาเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่า จนเฉียบพลัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เก็บข้อมูลตัวเลข บอกว่ารายได้ต่อเดือนของคนภูเก็ตเหลือแค่ 1,961 บาท ต่ำกว่าเกณฑ์คนจนทั่วประเทศไทยอีกครับ พ่อแม่ของเด็กที่เคยเป็นพนักงานโรงแรม แต่รายได้เป็นศูนย์ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ทำให้เด็กหลายคนที่สอบติดโรงเรียนรัฐ แล้วต้องวางเงิน 3,000 – 4,500 บาท เมื่อไม่มีต้องถูกลบชื่อออกให้เด็กคนอื่นๆเรียน
น้องๆที่ตั้งใจเรียน เคยเรียนกศน. เคยทำงานในโรงแรมส่งตัวเองเรียน หรือฝึกอาชีพเพิ่มเติม เมื่อถูกพักงาน ทำให้อัตราคนเรียนต่อกศน.น้อยลง จากเดิมปี 2562 สมัคร 1,800 คน วันนี้ เหลือแค่ 170 คนเองครับ หน่วยงานไหนสนใจเข้าไปช่วยตรงนี้ก็ลองดูครับ
มีบางครอบครัวต้องกู้หนี้นอกระบบมาซื้ออุปกรณ์การเรียนออนไลน์ให้ลูกด้วยนะครับ เพราะไม่มีจริงๆ
ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค จากสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เล่าให้ฟังว่าข้อมูลจากระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE พบว่าประเทศไทยมีนักเรียนยากจนพิเศษเป็นล้านคน หรือ 18% ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งกลุ่มยากจนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายการศึกษาสูงกว่ากลุ่มครอบครัวที่รวย 4 เท่า คือยิ่งจนยิ่งแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงครับ ซึ่งครอบครัวยากจนพิเศษ มีรายได้ทั้งครอบครัวเฉลี่ยแค่ 1,077 บาทต่อเดือนต่อคนเองครับ
เหตุผลที่เราควรช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ คือมีผลวิจัยออกมาว่าหากประเทศไทยไม่มีเด็กหลุดจากระบบจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 228,000 ล้านบาทต่อปีเลยครับ
ตอนนี้มีโมเดลของจังหวัดพิษณุโลก และภูเก็ตเป็นการทำงานเชิงรุก บูรณาการทำงานในพื้นที่ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดจากระบบร่วมกับ กสศ. อยู่นะครับ จังหวัดอื่นๆลองสอบถามดูได้เพื่อช่วยเหลือเด็กๆครับ
ใครอยากไปอ่านข้อมูลสัมมนา EEF Forum แบบเต็ม ลองดูที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/128543547179663/posts/4551826398184667/
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/346242066859262
คุมสื่อเข้ม! เวียดนามออกกฎใช้โซเชียลมีเดีย โพสต์ได้แต่เรื่อง 'ดี ๆ' ของประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6461342
พรรคคอมมิวนิสต์ เวียดนามออกกฎใช้โซเชียลมีเดีย โพสต์ได้แต่เรื่อง ‘ดี ๆ’ ของประเทศ เช่น เรื่องของคนดี-ทิวทัศน์สวยงาม ผู้ฝ่าฝืน โพสต์เรื่อง’ด้านลบ’ มีโทษจำคุก
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า เวียดนามได้เผยแนวทางระดับชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนโพสต์เนื้อหา ‘เชิงบวก’ เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรายงาน “ข้อมูลที่ขัดแย้ง”กับเรื่องเชิงบวก ต่อผู้บังคับบัญชาของตน กฎระเบียบนี้ห้ามการโพสต์ที่ละเมิดกฎหมายและห้ามการโพสต์ที่ “ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐ” โดยองค์กรของรัฐ บริษัทโซเชียลมีเดีย และผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งหมดในเวียดนามต้องปฏิบัติตาม
ระเบียบดังกล่าว ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในมติของกระทรวงข้อมูลข่าวสาร เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ระบุว่า “ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจถูกสนับสนุนให้ส่งเสริมความงามของทิวทัศน์ ผู้คน และวัฒนธรรมของเวียดนาม และเผยแพร่เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับคนดี” โดยขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการตัดสินใจจะมีผลผูกพันทางกฎหมายเพียงใด หรือจะบังคับใช้อย่างไร
พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองเวียดนาม จะยอมรับคำวิจารณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยยังคงควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิวต์ได้เป็นผู้นำในการปราบปรามผู้เห็นต่าง เช่น นักเคลื่อนไหว-นักกิจกรรมอย่างเข้มข้น ทำให้มีนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งได้รับโทษจำคุกเป็นเวลานาน จากข้อหาการโพสต์บนโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก และ ยูทูบ
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่รายงานพิเศษว่า ทางการเวียดนาม ข่มขู่ว่าจะปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก โดยรัฐบาลเวียดนามได้กดดันให้เฟซบุ๊กเซ็นเซอร์ (ปิดกั้น) เนื้อหาทางการเมืองในประเทศของเวียดนาม
ชาวเวียดนามนิยมใช้โซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กอย่างยิ่ง โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กในเวียดนาม ประมาณ 60 ล้านคน ซึ่งสร้างรายได้เกือบ 1 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.1หมื่นล้านบาท) ต่อปี
กฎระเบียบดังกล่าวบังคับให้ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียในเวียดนาม “จัดการกับผู้ใช้ตามกฎหมายเวียดนาม” เมื่อได้รับการร้องขอจากทางการให้ลบเนื้อหาออกจากแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียสร้างบัญชีโดยใช้ข้อมูลระบุตัวตนที่แท้จริง และเผยแพร่หรือแชร์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการ รวมถึงหลีกเลี่ยงการโพสต์เนื้อหาที่ละเมิดกฎหมาย การใช้ภาษาหยาบคาย หรือเผยแพร่โฆษณาสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย
โดยในเดือนมกราคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา เกิดกรณีที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียของเวียดนาม ใช้รายงานสภาพอากาศปลอมและคะแนนฟุตบอลปลอม แทนวิธีการสื่อสารเรื่องการเมืองโดยตรง เพื่อหารือและโต้เถียงกันทางการเมืองเกี่ยวกับผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์