JJNY : 5in1 เท้งแนะปธ.สภาเปิดประชุม 3 ก.ค.│93 ปี อภิวัฒน์ปชต.│กมธ.มั่นคงจ่อเชิญมาริษ-สมช.│สหัสวัตเปิดเอกสาร│ชายแดนระส่ำ

เท้ง จี้ รบ. ถอนร่าง ‘คอมเพล็กซ์’ แนะ ปธ.สภา เปิดประชุม 3 ก.ค. ถกแก้ปัญหาชายแดน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5244619
.
.
เท้ง วอน ปธ.สภา เปิดประชุม 3 ก.ค. สางสารพัดปัญหา จี้ รัฐบาล ถอน ร่าง ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ มอง ไม่เหมาะสมแก่สถานการณ์
.
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุข้อเสนอในการใช้กลไกสภาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน
.
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการนัดประชุมสภากันหรือไม่ในวันดังกล่าว​ประกอบด้วย​ ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายถาโถมมาทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ข้อพิพาทและความตึงเครียดไทย-กัมพูชา จากความตึงเครียดทางการทหารมาเป็นทางการค้าขายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ, ปัญหาแนวโน้มความขัดแย้งในตะวันออกกลางนำมาสู่ประเด็นความปลอดภัยของคนไทยในภูมิภาค รวมทั้งความผันผวนของอุปทานและราคาพลังงาน, ปัญหามลพิษน้ำกก-สาย จากการทำเหมืองในประเทศเมียนมา​ หรือแม้แต่สถานการณ์ทางการเมือง-กฎหมายของรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีเอง
.
ตนขอเสนอให้ประธานสภานัดประชุม 3 ก.ค.ทันที ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลใด​ๆ​ ที่จะไม่มีการเปิดประชุมสภาในวันดังกล่าว เพื่อใช้กลไกสภาในการพูดคุยและหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเร็วที่สุด ไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องรอเป็นสัปดาห์ถัดไปวันที่ 9 ก.ค. ประเด็นนี้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่มีนัยยะทางการเมือง เพราะเป็นการแสดงออกว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงสะท้อนในสภาผู้แทนราษฎร และมีความรับผิดรับชอบต่อสภา
.
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในวันที่ 9 ก.ค.มีวาระการพิจารณาร่างกฎหมาย “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งเป็นร่างกฎหมายของรัฐบาล ถูกดันเข้ามาพิจารณาเป็นวาระแรก ท่ามกลางสถานการณ์ปัญหารุมเร้า ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสมแก่สถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล ‘ถอน’ ร่างกฎหมายนี้ออกจากการพิจารณาของสภา สุดท้ายหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถใช้กลไกสภาในการแก้ไขปัญหา หรือร่วมกันหาทางออกของประเทศไทย แก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีวุฒิภาวะ มีหลักการเหตุผลและมีประสิทธิภาพสูงสุด
.

.
สถาบันปรีดี จัดครบรอบ 93 ปี อภิวัฒน์ประชาธิปไตย 24 มิถุนายน ‘ดร.อนุสรณ์’ แนะแนวทางสร้างประชาธิปไตย
https://www.matichon.co.th/local/news_5245518
.
อธิปไตยของประชาชนและราษฎรชาตินิยม: หัวใจประชาธิปไตยคณะราษฎร ใน วาระ 93 ปี อภิวัฒน์ประชาธิปไตย 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ที่ ณ. คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพฯ
.
เมื่อ 14.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพฯ  เนื่องด้วยวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เป็นวันครบรอบ 93 ปีของการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย 24 มิถุนายน ทาง “สถาบันปรีดี พนมยงค์” ได้จัดงานเสวนา PRIDI Talks#31 กล่าวนำโดย รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ ในหัวข้อ อธิปไตยของประชาชนและราษฎรชาตินิยม: หัวใจประชาธิปไตยคณะราษฎร” หลังจากนั้น มีการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “เอกราษฎร์ และ อธิปไตยยุคประชาธิปไตย 2475 ถูกท้าทาย” โดยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ศ. ดร. ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี พรรณิการ์ วานิช ผู้ดำเนินรายการ ธนกร วงษ์ปัญญา
.
รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้กล่าวนำในงานเสวนาทางวิชาการ ว่า การเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตยของสยามในวันที่ 24 มิถุนายน เดินทางมาไกลถึง 93 ปีแล้ว แต่ข้อถกเถียงยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้อย่างไร จนกระทั่งวันนี้ก็ยังมีข่าวลือเรื่องรัฐประหารอีกแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 เป็นต้นมา กองทัพไทยไม่เคยสูญเสียสมรรถนะและศักยภาพในการแทรกแซงทางการเมืองถึงขั้นทำรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อสังคมเห็นว่ามีความชอบธรรมที่กองทัพจะยึดอำนาจรัฐประหาร
.
ผิดจากอินโดนีเซีย และ เกาหลีใต้ ที่กองทัพก็เคยมีบทบาทเช่นนั้น แต่เวลานี้ไม่มีการแทรกแซงแบบนั้นแล้ว รัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งสามารถกำกับควบคุม “กองทัพ” ได้ และ สามารถทำให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมและมีการเลือกตั้งตามวาระ ประชาธิปไตยมีความมั่นคง ทำให้ชาติบ้านเมืองก้าวกระโดดไปไกลกว่า “ไทย” มากทีเดียว
.
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียต้องยอมสละ “ติมอร์-เลสเต” อันเป็นดินแดนที่ยึดไว้โดยระบอบอำนาจนิยมเผด็จการซูฮาร์โต มองจากมุมอินโดนีเซีย คือ “การเสียดินแดน” อันเป็นความชอบธรรมเพียงพอที่กองทัพในอีกหลายประเทศจะยึดอำนาจรัฐประหารได้ทันที แต่กองทัพอินโดนีเซียหลังยุคซูฮาร์โต เลือกที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่โค่นล้มรัฐบาลพลเรือน รักษาระบอบประชาธิปไตย และ ดำรงรักษาสันติภาพให้เกิดขึ้นในอินโดนีเซียและ “ติมอร์-เลสเต” รัฐชาติแห่งใหม่
.
เปรียบเทียบกรณีพิพาทดินแดนไทยกัมพูชา ขณะนี้ยังไม่มีการเสียดินแดนใดๆ แต่ขัดแย้งกันอยู่เพราะอ้างแผนที่คนละฉบับ การยั่วยุให้ “รบกันก็ดี” การปั่นกระแสให้ “เกลียดชังกันก็ดี” ล้วนเป็นเชื้อไฟนำไปสู่สงครามได้ทั้งสิ้น ซึ่งจะสร้างความเสียหาย และ สูญเสียชีวิตของผู้คนอีกมากมายติดตามมา เราจึงควรหลีกเลี่ยง “สงคราม” อย่างถึงที่สุด การเจรจาหารือกันน่าจะเป็น ทางออกที่ดีที่สุด และ ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนทั้งสองฝากฝั่งชายแดน
.
จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย 2475 คือ อำนาจสูงสุดหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย เวลาเราพูดถึง ประเทศชาติภายใต้ระบอบประชาธิปไตย จึงหมายถึง ทุกๆคนตั้งแต่ชนชั้นสูง ผู้ปกครอง นักการเมือง ข้าราชการ ทหารในกองทัพทุกระดับชั้นยศ จนถึงประชาชนสามัญชน หมายถึง ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกความเชื่อ ทุกฐานะทางเศรษฐกิจ ทุกสถานภาพทางสังคม
.
รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ กล่าวอีกว่า การถือเอาประโยชน์ของกลุ่มพวกตัวเอง หรือ ชนชั้นของตัวเอง หรือ การเอาประโยชน์ของเชื้อชาติของตนเป็นใหญ่กว่าสังคมส่วนรวม ย่อมให้เกิดความขัดแย้ง ความรุนแรงในสังคมได้เสมอ เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในหลายประเทศ เป็น ชาตินิยมที่ไม่พึงปรารถนา เป็น “ชาตินิยม” ของกลุ่มคนเล็กๆที่เป็นชนชั้นนำเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไร
เมื่อ ยถึง ประชาชาติ ปัญหาจะเบาลงทันที ความรักชาติที่ถูกต้อง ต้องสัมพันธ์กับผลประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่อ้าง ความรักชาติ เพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
.
การอ้าง “ชาติ” หรือ ปลุกกระแส “คลั่งชาติ” เพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มย่อมนำมาสู่ความขัดแย้งภายในชาติและระหว่างประเทศได้ ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ จึงเต็มไปด้วยการอ้างผลประโยชน์แห่งชาติแต่แท้จริงแล้วเป็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มชนชั้นนำ และนำพา “ประชาชน” ไปตายในสนามรบจำนวนมาก สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
.
ราษฎรชาตินิยม จะช่วยหลอมรวมทุกคนให้อยู่ร่วมกันได้ และ ต่างจาก ชาตินิยมของชนชั้นนำ ที่เน้นไปที่การรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เวลา “รักชาติ” ต้อง “รักประชาชนผู้อยู่ในชาติ” ด้วย ต้องไม่ดำเนินการใดๆที่ทำให้ “ประชาชนในชาติ” เดือดร้อนทางเศรษฐกิจและการทำมาหากินจากการปิดด่าน หรือ บาดเจ็บล้มตายจากสงคราม ประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อย่างยุโรปเหนือ มักไม่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ และ สงครามภายใน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการสงคราม ต้องการสันติสุข สันติธรรม เมื่ออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง “กองทัพ” จะมีหน้าที่ปกป้อง “สันติภาพ” มีหน้าที่ปกป้องประเทศจากผู้รุกราน แต่จะไม่ไปรุกรานประเทศอื่น ไม่ก่อสงคราม หรือ กดปราบ ประชาชนของตัวเอง
.
ความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทางการเมืองในหลายประเทศที่นำไปสู่ สงครามกลางเมืองต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ หรือ สงครามระหว่างประเทศ มักเป็นผลมาจาก กองทัพไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อบุคคลหรือคณะบุคคลกลุ่มเล็กๆ ทั้งที่ ทหารทั้งหมดมาจากประชาชน การทำให้ กองทัพ เป็น ทหารอาชีพ จะลดความเสี่ยงของสงครามกลางเมืองที่ต่อสู้กันด้วยกำลังอาวุธ เราได้เห็นตัวอย่างความสูญเสีย ความเสียหาย ความย่อยยับ ความยากลำบากของประชาชนในหลายประเทศ เช่น เมียนมา ซีเรีย ซูดาน กาบอง และประเทศแอฟริกาอื่นๆ ระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงจะช่วยลดความเสี่ยงของสงครามระหว่างประเทศ เช่น สงครามระหว่างระบอบปูตินรัสเซีย กับ ระบอบซิรินสกี้ยูเครน สงครามระหว่างอิราเอลและอิหร่าน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการสงครามเลย แต่หลายกรณี ผู้นำที่ต้องการก่อสงครามเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก มักจะสร้างกระแสปลุกปั่นให้ “ประชาชน” สนับสนุนการทำสงคราม และ สร้างกระแสเกลียดชัง มนุษย์ที่ถูกสมมติว่า เป็น อีกชาติหนึ่ง เป็น อีกประเทศหนึ่ง เป็นชาติศัตรู ทั้งที่เมื่อเรามีจิตใจเปิดกว้าง และ พิจารณาทุกอย่างด้วยเหตุด้วยผล ด้วยหลักธรรมแล้ว “มนุษย์ทุกคน ล้วนเป็นพี่น้องกันหมด”
.
ในวาระ 93 ปีประชาธิปไตยไทย จะต้องช่วยกันคิดว่า จะสร้างประสิทธิภาพของรัฐประชาธิปไตยได้อย่างไร ต้องทำให้เห็นว่า รัฐบาลประชาธิปไตย รัฐบาลเลือกตั้งสามารถแก้ปัญหาวิกฤติของชาติได้ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ดีกว่า
.
หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็เปิดทางให้คนอื่นที่มาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยมาทำหน้าที่แทน เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ หรือ คืนอำนาจให้ประชาชน สิ่งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการฟื้นขึ้นของระบอบเผด็จการผ่านมารัฐประหาร หรือ ใช้นิติรัฐประหารซึ่งอาจสั่นคลอนระบบนิติรัฐและระบบการปกครองโดยกฎหมายได้
.

.
กมธ.มั่นคง จ่อเชิญ มาริษ-สมช. หารือกรณี กัมพูชา ฟ้องศาลโลก โรม หนุนกลไกทวิภาคี
https://www.matichon.co.th/politics/news_5244813
.
“กมธ.มั่นคง” จ่อเชิญ “มาริษ-สมช.” ถกปม “กัมพูชา” ฟ้องศาลโลก พฤ.นี้ ยันต้องรู้ทันความรุนแรงใดๆ ที่ทำให้กลไกทวิภาคีเกิดได้ยาก
.
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
.
“พฤหัสฯ นี้ กมธ.ความมั่นคง จะพิจารณาเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในประเด็นการฟ้องศาลโลก ผมได้เชิญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ – สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผมสนับสนุนกลไกทวิภาคี ความรุนแรงใดๆต่อ 2 ประเทศ จะทำให้กลไกแบบทวิภาคีเกิดขึ้นได้ยาก เราต้องรู้เท่าทันเรื่องนี้”.
.
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02wXKrKySTBKvxn2NZZANFfCELnfQpfB7tgZB9ZQHT7enWmrVh3WjuEv19wwgh4Ffsl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่