สวัสดี เราแค่อยากจะมาเล่าเฉย ๆ
ตอนเด็กเราไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไรมาก ไม่ค่อยเก็บเรื่องต่าง ๆ มาคิด เป็นคนที่ชิว ๆใครว่าอะไรเราก็เห็นด้วย ไม่ค่อยเดือดร้อนใจอะไร ไม่ว่าเรื่องแบบนั้นคนอื่นจะคิดว่ามันเบาหรือรุนแรงอะไรยังไง พ่อแม่บังคับอะไรบอกให้ทำอะไรอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่มีเหตุผล บังคับลูกเกินไป เราก็เฉย ๆ โดนเพื่อนบูลลี่เราก็ไม่ได้ใส่ใจ โตขึ้นมา 3 เดือนแรกที่เรียนจบยังไม่มีงานประจำทำโดนที่บ้านบ่นกดดัน ก็เซงนะ แต่สุดท้ายก็รู้สึกเฉย ๆ เราสังเกตุมาว่าไม่นานมานี้ เราอารมณ์แปรปรวนมาก เราไม่เคยเป็นคนขี้หงุดหงิด ไม่เคยรู้สึกเก็บเรื่องอับอายหรือเสียใจมาคิดนาน ๆ แต่หลังจากครึ่งปีมานี้ทั้ง ๆ ที่ิอายุก็เริ่มเยอะ แต่ขี้หงุดหงิดมาก รอไม่ค่อยได้ รู้สึกไม่ดีที่เป็นแบบนี้ เพราะดูแล้วคนอื่นรอบตัวก็ดูจะอดทนอะไรได้ดีมาก ถ้าเราเจอคนที่มาเยอะหรือโวยวายเรานี่จะไม่ทนเลยช่วงนี้ ยิ่งเป็นที่ทำงาน เมื่อก่อนยอมรับเลยว่าเซง แต่เก็บอารมณ์ได้ ตอนนี้ทำใจและปรับตัวได้มากขึ้นกับโลกของการทำงาน แต่เดี๋ยวนี้น่ะเหรอ ถ้าวันนั้นมีปัญหา หรือโดนนินทา ทำให้อับอาย จะรู้สึกแย่แล้วกลับมาคิดมากทุกที ยิ่งเวลาจับได้ที่หลังว่าคนอื่นแอบนินทา หรือโยนงานมาให้ จะรู้สึกเฟลมาก กินข้าวไม่ลง จริงๆ ก็พอทำใจได้ในระดับนึง แต่รู้สึกมันแย่ ไม่เคยเป็นแบบนี้ เวลาจะเล่าอะไรให้ใครฟังก็รู้สึกอึดอัด จะเก็บไว้ก็อึดอัด จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันเป็นก็ต้องมากังวลว่าคนอื่นจะมาเดือดร้อนเพราะเรา
พ่อแม่ก็เริ่มแก่ ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงลูกอย่างสังเกตได้ ถ้าพ่อแม่ตอนกำลังมีสติ ก็จะคุยกันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงเวลาที่เขารู้สึกว่าต้องการอะไรมาก ๆ ก็จะเอาให้ได้ ทำให้เรารู้สึกผิดและดูเป็นคนไม่ทะเยอทะยานมากพอ ช่วงนี้ดีหน่อยที่ยังจับงานประจำไว้ได้ หนี้สินก็มีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กังวลใจมาก ถ้าเกิดต้องออกจากงานคงถูกตัดขาดจากครอบครัวแน่ เพราะไม่มีเงินให้ที่บ้าน ที่บ้านค่อนข้างให้ความสำคัญกับการทดแทนบุญคุณ และเลี้ยงดูบุผการี เราคิดถึงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เรื่องบ้าบอที่ทำงานจึงเป็นเรื่องรอง มันจะคุ้มไหมถ้าปรึกษาจิตแพทย์ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าจริง ๆแล้วยังโอเค แต่แบบมันอารมณ์แปรปรวานมาก แอบเจ็บใจนิดหน่อยเวลาที่ใครมาเล่าอะไรให้ฟังก็อ่านก็ฟังอย่างตั้งใจและมีเวลาให้ แต่พอเป็นเราแม่วกว่าจะตอบรอข้ามวัน
รู้สึกไม่อยากเสียเวลาแก้ไขคำให้มันดูน่าอ่านน่าติดตาม อยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ออกมาเลย อึดอัด
ทำไมยิ่งโตจิตใจถึงยิ่งเปราะบาง
ตอนเด็กเราไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไรมาก ไม่ค่อยเก็บเรื่องต่าง ๆ มาคิด เป็นคนที่ชิว ๆใครว่าอะไรเราก็เห็นด้วย ไม่ค่อยเดือดร้อนใจอะไร ไม่ว่าเรื่องแบบนั้นคนอื่นจะคิดว่ามันเบาหรือรุนแรงอะไรยังไง พ่อแม่บังคับอะไรบอกให้ทำอะไรอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่มีเหตุผล บังคับลูกเกินไป เราก็เฉย ๆ โดนเพื่อนบูลลี่เราก็ไม่ได้ใส่ใจ โตขึ้นมา 3 เดือนแรกที่เรียนจบยังไม่มีงานประจำทำโดนที่บ้านบ่นกดดัน ก็เซงนะ แต่สุดท้ายก็รู้สึกเฉย ๆ เราสังเกตุมาว่าไม่นานมานี้ เราอารมณ์แปรปรวนมาก เราไม่เคยเป็นคนขี้หงุดหงิด ไม่เคยรู้สึกเก็บเรื่องอับอายหรือเสียใจมาคิดนาน ๆ แต่หลังจากครึ่งปีมานี้ทั้ง ๆ ที่ิอายุก็เริ่มเยอะ แต่ขี้หงุดหงิดมาก รอไม่ค่อยได้ รู้สึกไม่ดีที่เป็นแบบนี้ เพราะดูแล้วคนอื่นรอบตัวก็ดูจะอดทนอะไรได้ดีมาก ถ้าเราเจอคนที่มาเยอะหรือโวยวายเรานี่จะไม่ทนเลยช่วงนี้ ยิ่งเป็นที่ทำงาน เมื่อก่อนยอมรับเลยว่าเซง แต่เก็บอารมณ์ได้ ตอนนี้ทำใจและปรับตัวได้มากขึ้นกับโลกของการทำงาน แต่เดี๋ยวนี้น่ะเหรอ ถ้าวันนั้นมีปัญหา หรือโดนนินทา ทำให้อับอาย จะรู้สึกแย่แล้วกลับมาคิดมากทุกที ยิ่งเวลาจับได้ที่หลังว่าคนอื่นแอบนินทา หรือโยนงานมาให้ จะรู้สึกเฟลมาก กินข้าวไม่ลง จริงๆ ก็พอทำใจได้ในระดับนึง แต่รู้สึกมันแย่ ไม่เคยเป็นแบบนี้ เวลาจะเล่าอะไรให้ใครฟังก็รู้สึกอึดอัด จะเก็บไว้ก็อึดอัด จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันเป็นก็ต้องมากังวลว่าคนอื่นจะมาเดือดร้อนเพราะเรา
พ่อแม่ก็เริ่มแก่ ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงลูกอย่างสังเกตได้ ถ้าพ่อแม่ตอนกำลังมีสติ ก็จะคุยกันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงเวลาที่เขารู้สึกว่าต้องการอะไรมาก ๆ ก็จะเอาให้ได้ ทำให้เรารู้สึกผิดและดูเป็นคนไม่ทะเยอทะยานมากพอ ช่วงนี้ดีหน่อยที่ยังจับงานประจำไว้ได้ หนี้สินก็มีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กังวลใจมาก ถ้าเกิดต้องออกจากงานคงถูกตัดขาดจากครอบครัวแน่ เพราะไม่มีเงินให้ที่บ้าน ที่บ้านค่อนข้างให้ความสำคัญกับการทดแทนบุญคุณ และเลี้ยงดูบุผการี เราคิดถึงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เรื่องบ้าบอที่ทำงานจึงเป็นเรื่องรอง มันจะคุ้มไหมถ้าปรึกษาจิตแพทย์ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าจริง ๆแล้วยังโอเค แต่แบบมันอารมณ์แปรปรวานมาก แอบเจ็บใจนิดหน่อยเวลาที่ใครมาเล่าอะไรให้ฟังก็อ่านก็ฟังอย่างตั้งใจและมีเวลาให้ แต่พอเป็นเราแม่วกว่าจะตอบรอข้ามวัน
รู้สึกไม่อยากเสียเวลาแก้ไขคำให้มันดูน่าอ่านน่าติดตาม อยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ออกมาเลย อึดอัด