[CR] Akiyoshidai หินงอกหินย้อยแห่งชูโกกุ

กระทู้รีวิว

เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวญี่ปุ่น ท่องเที่ยว แผนการเดินทางและท่องเที่ยว บันทึกนักเดินทาง

สวัสดีค่ะ พี่น้องชาวพันทิปทุกท่าน
ช่วงนี้โควิดระบาด เดินทางไม่ได้ ต้องมานั่งเปิดดูรูปเก่าๆไปพลางๆให้หายคิดถึง
เลยไปเจอรูปจากทริปญี่ปุ่นเมื่อเดือนก.ค.ปี 2018 เรากับเพื่อนไปภูมิภาคชูโกกุกัน
(หลักๆคือจะไปพิพิธภัณฑ์โคนัน 5555) ชูโกกุเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจมาก
นักท่องเที่ยวต่างชาติน้อย สถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่ตามเมืองเล็กๆ ค่อนไปทางชนบท
ธรรมชาติมากๆ การเดินทางก็อาจจะต้องต่อหลายต่อนิดนึง แต่ประทับใจมากค่ะ
นี่คือรีวิวอันที่สองของเรา อันแรกคือ คิวชูเหนือใต้ จัดไป 14 วันเต็ม ค่ะ
หากมีข้อมูลใดผิดพลาดไป ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ

วันนี้เราไม่ได้รีวิวทั้งทริปนะคะ เราเลือกมาจุดหนึ่งซึ่งเราชอบมาก
และอยากให้ทุกคนได้แวะไปเที่ยวถ้ามีโอกาส นั่นคือถ้ำและที่ราบสูง Akiyoshi ค่ะ

ทั้งสองที่คือส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Akiyoshidai ในเมืองมิเนะ จังหวัดยามากุจิ
อุทยานแห่งชาตินี้มีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 45 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว
ไฮไลท์ของที่นี่คือถ้ำ Akiyoshi ถ้ำหินปูนที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม
ที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำทะเลตั้งแต่หลายร้อยล้านปีก่อนนู้น
และเป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความยาวเกือบ 9 กม.แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 1 กม.เท่านั้น
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 8.30-16.30 ค่าเข้า 1,300 เยน ชาวต่างชาติโชว์พาสปอร์ตได้ลดอีกนะคะ

วิธีการเดินทาง (จากเมืองฮิโรชิม่า)
- Shinkansen จากสถานี Hiroshima ลงสถานี Shin-Yamaguchi (ใช้เวลา 30-50 นาที)
- Bocho Bus จาก Shin-Yamaguchi ลงสถานี Akiyoshido Bus Center (45 นาที)

ทริปนี้เราใช้ Sanyo-Sanin Pass เลยใช้เบ่งขึ้นชินคันเซ็นได้
แต่สำหรับรถบัสไปถ้ำ ต้องซื้อตั๋วแยก 1,170 เยนต่อเที่ยว ซื้อได้ที่สถานีรถบัสด้านล่าง
ลงบันไดเลื่อนจากสถานีรถไฟมาก็จะเจอสถานีรถบัสเลย สถานีค่อนข้างใหญ่แต่คนน้อยมาก

รถบัสจะมีบริการชั่วโมงละคันเท่านั้น สอบถามตารางได้ที่สถานีนะคะ
เรารอกันประมาณ 20 นาที รถก็มา คนขึ้นค่อนข้างเยอะเลยแต่จะเป็นชาวบ้านมากกว่า
รถก็เหมือนรถทัวร์ค่ะไม่เหมือนรถเมล์ปกติที่เคยนั่ง สักพักก็มาถึงสถานีรถบัส Akiyoshido
จะเจอกับ Information Center ก่อนนะคะ มีโบรชัวร์ให้หยิบ มีห้องน้ำ ตู้กดน้ำ ที่นั่งพัก แอร์เย็นเฉียบ
ถ้าเดินออกมาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ก็จะเจอกับถนนคนเดินเงียบๆเล็กๆไปยังถ้ำค่ะ

รูปด้านขวาจะเป็นร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารชื่อ Yasutomiya ค่ะ มีเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ
นั่นคือ Kawara Soba โซบะเย็นที่เสิร์ฟบนจานกระเบื้องเหมาะกับหน้าร้อนตับแตกแบบนี้
แต่เราไม่ทันมองเลยไปสั่งข้าวหน้ากุ้งเทมปุระก่อน อดลองเลย
นอกจากจะทานที่ร้านแล้ว ยังสามารถซื้อเส้นกลับไปทำทานที่บ้านได้ด้วยนะคะ
จากถนนคนเดินเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตรจะเจอที่ซื้อตั๋ว จากตรงนี้ก็ต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยจึงจะเจอถ้ำ
แต่ยิ่งใกล้ถ้ำจะยิ่งร่มรื่น เขียวขจี และสัมผัสได้ถึงไอเย็นของธรรมชาติ

เดินสักพักก็มาถึงหน้าถ้ำจนได้ เราเรียกจุดนี้ว่าสระมรกต เพราะน้ำเขียว ใสสะอาดมาก
ตรงปากถ้ำมีน้ำตกด้วย แต่ไม่ต้องตกใจ เราไม่ต้องเดินทะลุม่านน้ำตกเพื่อเข้าถ้ำค่ะ 5555

เขาทำสะพานทอดยาวเข้าไปในถ้ำเลย ถึงน้ำตกจะตกแรงก็ไม่เปียกค่ะ
ขอแจ้งก่อนว่า ภายในถ้ำค่อนข้างมืด ถึงจะมีไฟติดตั้งไว้แต่ก็ไม่ได้สว่างจ้าตลอดทางเดิน
หลายครั้งที่เรากับเพื่อนต้องเปิดไฟมือถือเพราะมองไม่เห็น อีกทั้งทางเดินไม่ได้ราบเรียบ
บางส่วนเป็นสะพานไม้ บางส่วนก็เป็นพื้นถ้ำเลย มีปีนบ้างอะไรบ้าง
และตามทางเดินตรงส่วนที่เป็นพื้นถ้ำ อาจมีน้ำขังหรือเปียกจากน้ำที่หยดลงมาจากเพดานถ้ำ
เพราะฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการเดินนะคะ
ถ้าไม่ใช่รองเท้าผ้าใบต้องระวังกว่าเดิม ผู้สูงอายุอาจเดินได้เฉพาะช่วงแรกๆที่เป็นทางเรียบค่ะ

ไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะทางเดินที่ทำไว้ดีมาก แข็งแรงมาก มีป้ายบอกเป็นระยะๆ
หินงอกหินย้อยแต่ละจุดมีชื่อของมันด้วย มีออดิโอบรรยายหลายภาษาให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว
บางจุดก็เปิดไฟสาดไปที่หิน สวยงาม อลังการ อีกความพิเศษนึงของที่นี่คือ
อุณหภูมิภายในถ้ำเฉลี่ยที่ 17 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ดังนั้นเรามาหน้าร้อนเลยแฮปปี้สุดๆจ้า

ไฮไลท์แรกของถ้ำมีชื่อว่า The Hundred Plates

ของจริงอลังการมากแม่ เห็นช่วงเทศกาลมีการจัดแสงแสดงไฟเต็มรูปแบบ สวยอย่างเว่อร์

รูปล่างคือ Mount Fuji ของจริงจะมีฐานด้วยนะคะ เราถ่ายมาแค่ส่วนบน

จุดนี้ชื่อว่า The Thousand Rice Fields จะเป็นแอ่งกว้าง ตามมาด้วย The Lion Rock ด้านล่าง

ไลอ้อนก็ไลอ้อนจ้ะ ต่อกันที่ King Pillar เหมือนค้ำอะไรไว้อยู่

ส่วนอันนี้ชื่อเก๋ๆ Dry Fall น้ำตกแห้ง นึกถึงก๋วยเตี๋ยว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของถ้ำ Golden Pillar ของจริงสูงและใหญ่มากค่ะ

และอื่นๆอีกมากมายที่จำชื่อไม่ได้เพราะไม่ได้ถ่ายป้ายมา ก็ใช้จินตนาการเองละกันนะคะ
ท่านไหนทราบว่าชื่ออะไรก็เสริมได้เลยค่ะ
อันนี้ฉายไฟส่องเป็นเงาเหมือนผู้หญิงท้องกำลังนั่งอยู่

อันนี้เราว่าเหมือนหญิงชรานั่งสวดมนต์

และระหว่างนั่งหารูปประกอบรีวิวอยู่ ก็ไปเจอรูปด้านล่าง ตอนแรกดูผ่านๆไม่ได้สังเกต
แต่วันนี้ไม่รู้ยังไงตาดันไปสะดุดด้านล่างของรูปใกล้ๆไฟ

พอซูมดูก็...

หื่อฮื้อหื้อฮือ (เพลงชมรมขนหัวลุก) แสงกระทบหินแหละค่ะ 555555

หากเดินต่อไปสักระยะ จะเจอลิฟต์ขึ้นไปด้านบนเพื่อออกนอกถ้ำ
โผล่ขึ้นมาจะเจอกับที่ขายตั๋วอีกจุดนึง สามารถเข้าทางนี้ได้ด้วยนะคะหากใครขับรถมา
ตรงนี้มีห้องน้ำด้วย ลืมบอกว่าตั้งแต่จุดขายตั๋วแรกเป็นต้นมาจนถึงในถ้ำไม่มีห้องน้ำนะคะ
จากตรงนี้เราจะเดินไปที่ราบสูง Akiyoshi กัน เดินค่อนข้างไกล แถมอากาศร้อนมาก
ถ้าไม่มีน้ำนี่ เราอาจเป็นลมได้ ทางเดินตรงนี้จะเป็นถนน เดินง่าย ไม่มีรถ
สองข้างทางเป็นต้นไม้ มีเนิน ถึงจะร่มรื่นแต่เหนื่อยมากค่ะ
เมื่อมาถึง เราจะเจอกับหอสังเกตการณ์ ขึ้นได้ฟรีค่ะ รูปข้างล่างเราเอามาจากในเน็ต

Cr: y-view-navi.jp

วิวที่ถ่ายจากบนนั้นก็จะเป็นประมาณนี้

พื้นที่ตรงนี้เป็นหินปูนที่เกิดจากการคดโค้งของเปลือกโลกและการกัดเซาะของน้ำเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน
ทำให้มีแท่งหินปูนกระจายตัวอยู่ตามที่ราบสูงเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งใต้ดินยังมีถ้ำอีกเป็นร้อยๆแห่ง โดยถ้ำ Akiyoshido ที่เราเพิ่งไปมาก็คือหนึ่งในนั้น
สามารถขับรถผ่านทุ่งได้นะคะ เขาทำถนนไว้รอบเลย จะได้เห็นหลายๆโซนด้วย
รูปด้านล่างจากในเน็ตคืออีกมุมของที่ราบสูง กว้างสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

Cr: japan-guide

ไม่ไกลจากหอสังเกตการณ์จะมีจุดพักที่มีร้านกาแฟและห้องน้ำ
ขายอาหารแบบเบาๆ พวกแซนด์วิช ขนมปัง ไอศกรีมอะไรแบบนี้ค่ะ เราก็เข้าไปตากแอร์
ขากลับเรากลับทางเดิมนะคะ คือเดินกลับไปที่ลิฟต์ เข้าถ้ำและออกมาทางน้ำตก
จากนั้นก็กลับไปรอรถบัสไปสถานี Shin-Yamaguchi ค่ะ ซึ่งทั้งคันมีแต่เรากับเพื่อนตลอดทาง

ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะรีวิว เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะอีกทั้งอากาศก็ร้อน ปวดท้อง
เลยไม่มีอารมณ์จะถ่ายเท่าไหร่ แต่หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับพี่น้อง
เผื่อหมดโควิด ใครอยากไปเที่ยวภูมิภาคชูโกกุ แบบไปเช้าเย็นกลับจากฮิโรชิม่าได้
สไตล์ adventure, nature lover, หรือชอบอะไรเก่าๆแบบเรา แนะนำที่นี่เลยค่ะ
ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณที่ติดตามค่ะ