ปรึกษาเรื่องธุรกิจและเกี่ยวข้องกับครอบครัวค่ะ (เรื่องเงินนี่แหละ)

สวัสดีค่ะ เรากำลังเครียดอย่างมากกับเรื่องชีวิตตอนนี้ สามารถให้คำปรึกษาหรือแนวทางได้เลยนะคะ ส่วนตัวมีมุมที่คิดเองแล้วแต่ยังสับสนและลังเลใจค่ะ จะพยายามเล่าแบบรวบรัดเลยนะคะ

พอเราเรียนจบมาก็หางานหนักมากค่ะ ก็มีทั้งได้และไม่ได้ จบช่วงที่โควิดกำลังมารุนแรงมากเมื่อปีก่อน งานก็หายากมาก สุดท้ายก็ไม่ลงตัว ครอบครัวเลยบอกว่า จะอยู่ไปวันๆ แบบนี้ไม่ได้นะ (ตอนแรกจะไปแบบพวกเวิร์คแอนด์ทราเวล แต่ติดโควิดซะก่อน) เขาเลยถามว่าอยากเปิดร้านอะไรสักอย่างไหมจะลงทุนให้ อันนี้ต้องบอกว่าเราเองไม่มีประสบการณ์เลยที่บ้านก็ไม่มีคนทำธุรกิจค่ะครอบครัวเล็กๆ เราก็คิดทบทวนกันแล้วก็เปิดเป็นร้านๆ นึงขึ้นมา จริงๆ แล้วธุรกิจเราค่อนข้างไปได้เรื่อยๆ ค่ะ แบบอยู่ได้หมุนๆ เป็นวงกลม แต่มาแย่ตรงโควิดรอบนี้ คือหนักมากกก ด้วยความลงทุนร้านไปเยอะ แล้วค่าที่แพงมากค่ะ ทำเลตรงนั้นมันดีแต่เจ้าของที่ไม่ลดราคาให้เลยแม้จะวิกฤต มีคนย้ายออกไปเยอะมากแต่เราไม่สามารถย้ายได้เพราะครอบครัวบอกว่าเราหมดกับร้านไปเยอะ ซึ่งเงินนั้นเป็นเงินเก็บและเงินกู้อะไรทำนองนั้น แต่ปัญหาเริ่มมาจากการที่มันแย่ลงมากถึงมากที่สุดคือเข้าเนื้อนั่นแหละค่ะ ต่อเนื่องหลายเดือน เราเองก็ไม่มีจะเก็บจะกินเลย มันเลยทำให้เกิดความกดดันที่ส่งผลต่อจิตใจมากๆ เราเริ่มถูกด่าทุกวันๆ ประมาณว่า ไม่ใช้เงินคืนเค้า แล้วยังจะไม่พอต้องมาเอากับเค้าไปใส่อีก ปวดหัว เครียดจนจะตายอยู่แล้ว รู้ไหมว่าเป็นแบบนี้ก็เพราะเรา ที่ทุกอย่างมันแย่และเป็นหนี้ก็เพราะเรา (คือที่บ้านเป็นพวกไม่หวานค่ะ จะพูดจาแรงๆ ห้วนๆ ทำร้ายจิตใจอย่างนี้แหละคือปกติของเขา เพราะเขาค่อนข้างเครียดและหาเงินคนเดียวอันนี้เราเข้าใจผู้ปกครองเรานะ) แต่พอมันโดนหนักเข้าๆ ทุกวัน เราก็ไม่ได้ไม่พยายาม เราทำทุกอย่างเลยค่ะ ทำจนเก็บกด กดดัน เดินอยู่เฉยๆ ก็ร้องไห้อะไรแบบนั้นเลย เป็นอารมณ์แบบถ้ารู้ว่าจะกดดันขนาดนี้คงยอมไม่มีอะไรแล้วดิ้นรนหาเองไปแต่แรกคงดีกว่า แต่มันไม่สามารถย้อนเวลานั้นได้ เราเลยตัดสินใจที่จะหยุดทำ โดยเหตุผลของเราคือ แน่นอนการหยุดทำจะขาดทุนมาก แต่ก็ไม่ต้องควักเงินจ่ายหนี้อีก เรามีอะไรให้ทำที่เป็นการขายออนไลน์ตอนนี้ก็ทำอยู่ อาจจะอยู่ได้กว่าการมีร้านนี้ด้วยซ้ำเพราะรายจ่ายหลายหมื่นมาก แล้วถ้าเรื่องหนี้สินที่ติดค้าง วันนึงเราต้องหามาคืนจนได้แหละเพราะเรายังเด็กเอาเวลานี้ไปหาทางทำเงินที่มากกว่าจะดีกว่าไหม เราก็เชื่อใจตัวเองอยู่นะ แต่สำหรับผู้ปกครอง เค้าเอาแต่พูดว่าไม่ทำแล้วจะไปทำไร? ไปทำงานเงินเดือนหมื่นสองหรอ งั้นก็ทำอันนี้ต่อไปไม่ดีกว่าหรอ? และ เค้าเอาแต่เสียดายเงินที่ลงทุนทำร้านไป คือที่มันไม่ใช่ของเราค่ะเช่าเดือน 20k กว่าๆ เลย เขาก็เอาแต่พูดเรื่องร้านไม่เคยหยุด แต่ในความคิดเราคือ มันผ่านมาแล้วถ้ามัวแต่เสียดายเงินตรงนี้จนไม่ยอมออกไปสักที ก็มีแต่เสียไปหน้า เราทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยและไม่เคยได้ข้อสรุป พอเราดูจะไม่ไหวมากๆ เขาก็จะเหมือนใจเย็นลงแล้วบอกให้เราทำไป อยู่ไป จะดิ้นทำไมนักหนา แต่ใจเราตอนนี้คือเราไม่อยากทำ อันนี้พูดเลย เพราะทุกวันต้องมานั่งฟังคำพูดแรงๆ บั่นทอนจิตใจมันไม่ไหว แล้วเราก็พยายามมาก แล้วเราก็พอจะดูรู้ว่ากับตรงนี้คงไม่ไปไกลกว่านี้แล้วล่ะ มันกลายเป็นจะดึงรั้งไม่ให้เราก้าวไปไหน ตรงนี้เราทบทวนมานานแล้วนะถึงขั้นยอมเสียมันไปแล้วเราจะเป็นคนไม่มีอะไรเลย ตอนนี้เครียดมากจนหาหมอจิตแพทย์เลยค่ะแบบอึดอัดและไม่มีทางไป เข้าใจว่าเราก็ผิดแต่แรกด้วยแหละเลยพูดอะไรมากไม่ได้ ตอนนี้อยากได้ความเห็นว่าควรจะหยุดทำมั้ยแล้วไปเริ่มอะไรใหม่ๆ ซึ่งเรามีทางไปอยู่แล้ว หรือควรจะก้มหน้าสู้ต่อไปด้วยเหตุผลอย่างที่ผู้ปกครองพูด  แต่ถ้าเห็นด้วยว่าควรหยุดจริงๆ ควรเริ่มต้นพูดกับเค้ายังไงดีคะ เขาเป็นคนแบบพูดจากับลูกค่อนข้างแรงหน่อย และฉลาดมาก ถ้าพูดอะไรไปจะมีคำสวนกลับมาทันที และต้องตอบให้ได้ ตรงนี้เรารู้ซึ้งว่าเงินมันหายากและเค้าก็อุตส่าห์ลงทุนมาให้เรา แต่เราก็รู้ดีเหมือนกันว่ามันกำลังจะไม่รอด เพราะกราฟมันตกลงมาหลายเดือนต่อกันค่ะ ส่วนเราก็เครียดมากจนแบบบ้านไม่อยากจะเข้าอะไรอย่างนั้น โพสต์ยาวมากๆ เลย ขอบคุณคอมเม้นล่วงหน้านะคะ

*เพิ่มเติมค่ะ
เรามีพนักงานคนนึง คอยช่วยทุกอย่าง จัดของ ถ่ายรูป ขายของ ลงของ ส่งของ จะมีช่วงที่วุ่นวายอยู่บ่อยๆ เงินเดือนเค้าประมาณมาณ 9,000 บาท แต่ครอบครัวบอกให้เอาออกเลย เพราะตอนนี้ต้องตัดค่าใช้จ่าย แล้วเราก็ไปดูเองทุกวัน ควรทำแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ? ค่อนข้างลำบากใจต่อตัวเองนี่แหละ ว่าจะต้องทำทุกอย่าง 7 วันเลย เปิดร้านถึงค่ำแล้วจะมีเวลาไหนไปทำอย่างอื่น อย่างอื่นคือเรามีงานแยกที่ทำออนไลน์ด้วยค่ะ ต้องใช้เวลาทำมันขึ้นมาอีก อะไรแบบนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่