หนี้เราไม่เยอะ เทียบกับความสามารถในการชำระหนี้ และสัญญาว่าจะไม่ก่อหนี้เพิ่มเกินเพดานนี้ ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ที่มีต่อคุณลดลง
ฉะนั้นไว้ใจผม ขอปล่อยกู้เยอะๆ ดอกต่ำๆ ความเสี่ยงคุณไม่มากและ ถูกจำกัดด้วยกฎหมายเพดานหนี้สาธารณะแล้ว ซึ่งจะแก้ทีต้อง เข้าคณะ รมต. ออก พรก.ใหม่เลย แหกยากมากระดับนึง การันตีได้
ความหมายของ กรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องผูกกับ หนี้สาธารณะต่อ GDP มันคือประมาณนี้ใช่มะครับ
ฉะนั้นถ้าใครเข้าใจง่ายๆว่า ตั้งไว้โก้ๆ ชนเพดานก็แก้กฎหมายขึ้นเป็น 70 % 80 % 100 % ได้เรื่อยๆจะได้ไม่ชน ถามว่าทำได้มั๊ย ก็ทำได้ กฎหมายอยู่ในมือรัฐอยู่แล้ว เจ้าหนี้จะว่ากระไรได้
แต่ในฐานะลูกหนี้ที่เคยสัญญากับเจ้าหนี้ว่าหนี้ผมมีแค่เนี้ย และจะไม่เกินแค่เนี้ย แต่ชำระหนี้เก่าไม่ทันหมด ก็ผิดสัญญาสร้างหนี้ใหม่เกินเพดานที่รับปากไว้
ก็น่าจะเสียเครดิตต่อเจ้าหนี้เก่าพอใช้ได้ แล้วเจ้าหนี้ใหม่จะมองหน้ายังไง แกเคยสัญญากับเจ้าหนี้เก่าไว้ ยังแหกเพดานมาขอกู้เพิ่ม จะมีหน้ามาขอดอกต่ำๆ เครดิตดีๆได้อีกมั๊ย ต้องคิดดอกเพิ่มนะเพราะคำการันตีเชื่อไม่ค่อยได้ละ
ก็นะ เทียบกับชีวิตจริงคนก็คงประมาณนี้
กรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องผูกกับ หนี้สาธารณะต่อ GDP <= 60% คือเครื่องมือปลอบใจเจ้าหนี้ว่า ?
ฉะนั้นไว้ใจผม ขอปล่อยกู้เยอะๆ ดอกต่ำๆ ความเสี่ยงคุณไม่มากและ ถูกจำกัดด้วยกฎหมายเพดานหนี้สาธารณะแล้ว ซึ่งจะแก้ทีต้อง เข้าคณะ รมต. ออก พรก.ใหม่เลย แหกยากมากระดับนึง การันตีได้
ความหมายของ กรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องผูกกับ หนี้สาธารณะต่อ GDP มันคือประมาณนี้ใช่มะครับ
ฉะนั้นถ้าใครเข้าใจง่ายๆว่า ตั้งไว้โก้ๆ ชนเพดานก็แก้กฎหมายขึ้นเป็น 70 % 80 % 100 % ได้เรื่อยๆจะได้ไม่ชน ถามว่าทำได้มั๊ย ก็ทำได้ กฎหมายอยู่ในมือรัฐอยู่แล้ว เจ้าหนี้จะว่ากระไรได้
แต่ในฐานะลูกหนี้ที่เคยสัญญากับเจ้าหนี้ว่าหนี้ผมมีแค่เนี้ย และจะไม่เกินแค่เนี้ย แต่ชำระหนี้เก่าไม่ทันหมด ก็ผิดสัญญาสร้างหนี้ใหม่เกินเพดานที่รับปากไว้
ก็น่าจะเสียเครดิตต่อเจ้าหนี้เก่าพอใช้ได้ แล้วเจ้าหนี้ใหม่จะมองหน้ายังไง แกเคยสัญญากับเจ้าหนี้เก่าไว้ ยังแหกเพดานมาขอกู้เพิ่ม จะมีหน้ามาขอดอกต่ำๆ เครดิตดีๆได้อีกมั๊ย ต้องคิดดอกเพิ่มนะเพราะคำการันตีเชื่อไม่ค่อยได้ละ
ก็นะ เทียบกับชีวิตจริงคนก็คงประมาณนี้