###แนนโน๊ะ กับความซาตาน แบบไทยๆ###

อันดับแรกต้องบอกก่อนนะครับว่าบทความที่ผมนำมาลงในกระทู้นี้
เอามาจากงานเขียนใน FB ของคุณ Patison Benyasuta
ซึ่งเป็นเพื่อนในเฟซผมอีกที และได้ทำการขออนุญาตเจ้าตัว นำบทความดังกล่าวมาลงในพันทิป
ด้วยเป็นบทวิเคราะห์ซีรี่ย์เด็กใหม่ ss2 ในเชิงปรัชญา และศาสนา ได้เป็นอย่างดี
จนผมอยากให้บทความนี้ มีผู้อ่านที่มากกว่านี้ 
และอาจจะทำให้เราได้สัมผัสถึงแนนโน๊ะ มากขึ้นในอีกหลายแง่มุม ก็เป็นได้
บทความยาวไปหน่อย อาจเป็นเนื้อหาเชิงวิชาการ แต่ผมเชื่อว่าไม่ยากเกินความเข้าใจ
อ่านเพลินแน่นอน ขอบพระคุณมากครับ ^^

แนนโน๊ะกับความซาตานแบบไทย ๆ 
.
เพิ่งได้ดูแนนโน๊ะจบทั้งสองซีซั่น รู้สึกดีใจที่หนังไทยเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรม ความดี – ชั่ว สมัยนี้ หลุดออกจากคอนเซ็ปต์กฎแห่งกรรมไปได้บ้าง หลังจากพบเห็นคอนเซ็ปเรื่อง “กรรม” ในงานไทยเทรดิชั่นคลาสสิคมาหลายครั้งอย่างหนังพวกห้าแพร่ง แต่หันไปใช้คอนเซปต์ที่อาจตีความได้ว่าได้รับอิทธิพลจาก “ซาตาน” ในศาสนากลุ่มอับราฮัมมิกแทน (เชื่อว่า ผู้จัดคงอยากให้เป็นตามนี้ เพราะแนนโน๊ะเองก็ได้แรงบันดาลใจชัดมาก ๆ จากงานของโทมิเอะของอาจารย์จุนจิ อิโตะ อย่างโจ่งแจ้ง จะให้ปรับเป็นเรื่องกรรม มันไทยจ๋า คงจะเขินๆ จึงเลือกใช้คอนเซ็ปต์การวัดความดี-ชั่ว แบบสากลโลกอื่น ๆ ดูบ้าง)
.
ในหนังก็ไม่ได้บอกหรอกว่า แนนโนะเป็นตัวอะไร แต่ภาพลักษณ์ตอนแรกๆ ก็สื่อชัดว่าทำหน้าที่คล้าย ๆ ซาตานในศาสนาคริสต์ (ซึ่งในท้ายเรื่อง บทบาทของแนนโนะพัฒนาต่อไป จนก่อกวนความคิดของผู้ชมว่า ตกลงนางเป็นซาตานหรือพระเจ้ากันแน่ ก็เข้ากับคอนเซ็ปของลัทธิบูชาซาตานสมัยใหม่ ที่เปลี่ยนมุมมองซาตานไปอีกแบบหนึ่ง)
.
  ก่อนอื่นต้องเท้าความว่า ซาตาน (แบบคลาสสิค) ไม่ได้ทำหน้าที่แบบ “กรรม” ที่ตามสนองความชั่วของใครนะ แต่ซาตานมีบทบาทหลักคือ ต้องการให้มนุษย์พินาศยิ้ม ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและจิตใจ หน้าที่หลักของซาตานคือพยายามทำให้คนทำบาป และพินาศลงไปด้วยการกระทำของตัวเอง พร้อมลากคนรอบข้างที่บริสุทธิ์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้พินาศลงไปด้วย (เช่น พ่อมีชู้ ลูกรู้เข้าก็เสียใจวิ่งลงถนนรถชนตาย ในศาสนาพุทธเองอธิบายกรรมแบบนี้ในอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งไม่ขออธิบายจ้ะ) ความชั่วจึงเหมือนเชื้อโรคโควิทที่แพร่กระจายไปโดยไม่เลือกว่าใครทำผิดมาบ้าง แค่อยู่ใกล้ตัวคนชั่ว ก็ติดเชื้อความพินาศไปด้วย
.

 ความชั่วจึงเหมือน “ความโกลาหล” (Chaos) ในความคิดของพวกกรีกโบราณ เชื่อกันว่าโลกและจักรวาลมีระบบระเบียบ (order) ของมันอยู่ ในยุคก่อนวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ความชั่วคือการไปก่อกวนระเบียบของจักรวาล ทำให้จักรวาลโกลาหล (ซึ่งไม่ได้มองด้วยหลักฟิสิกส์แบบโลกสมัยใหม่ ที่โลกดำรงอยู่ได้ด้วยแรงต่าง ๆ ไม่ใช่ความดีและความชั่ว)  ดังนั้น แม้คนบริสุทธิ์ก็ต้องรับเชื้อความซวยจากคนชั่วไปด้วย อุปมาเหมือนคนขายยาบ้า คนอื่น ๆ ในชุมชนเดียวกันก็ซวยไปหมด ในศาสนาคริสต์เองก็รับอิทธิพลคอนเซ็ปต์ความโกลาหลแบบกรีกนี้มาเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมอดัมกินแอปเปิ้ลผลเดียวจึงเกิดผลรุนแรงมาก เพราะในสภาวะที่บริสุทธิ์ของสวนเอเดน การมีความผิดปกติจากระบบระเบียบนิดเดียวย่อมนำมาซึ่งความโกลาหล
.
 สำหรับซาตานนั้น ในศาสนาคริสต์ถือว่าเป็น “เจ้าแห่งโลกนี้” (Prince of the world) และเป็น “จอมโกหก” คือพูดอะไร ทำอะไรออกมาก็โกหกตลอดเวลา (เช่นในกลุ่มศาสนาอับราฮัมมิกจะเชื่อว่า ผีไม่มีในโลก แต่ผีปู่ย่าตายายที่เราเห็น เกิดจาก “ปีศาจประจำบ้าน” ในอิสลามคือ ญิน ที่สิงสู่ในตระกูลมานานจนจำได้หมดว่าทวดเราเป็นใคร ชื่ออะไร ชอบกินอะไร ความลับอะไรในบ้านรู้หมด จึงสามารถปลอมตัวเป็นบรรพบุรุษมาเข้าทรง หลอกให้ลูกหลานเอาอาหารมาเลี้ยงได้) 
.
แต่จะให้ซาตานโกหกแบบโต้งๆ หนังก็ไม่สนุก เพราะการทำให้คนชั่วพินาศยิ้มจริงๆ นั้น คนจะเลวต้องทำเลวด้วย “ความตั้งใจ” อันนี้ก็เข้าคอนเซ็ป “เจตจำนงเสรี” (Free will) ในศาสนาคริสต์ ซึ่งมนุษย์มีสิทธิ์เลือกในการทำความดีและชั่วได้ โดยอธิบายว่า “บาปหนัก” คือบาปที่มนุษย์ทำด้วยความเต็มใจ ตั้งใจทำ มีสติสมบูรณ์พร้อม เช่น ตั้งใจจะฆ่า วางแผนฆ่า และฆ่า หากไม่ตั้งใจฆ่า ไม่มีเจตนา ถึงตายไปจริง และจัดนับว่าเป็นบาปก็จริง แต่ไม่ใช่บาปหนักอันมีโทษถึงนรกนิรันดร และการหลอกให้มนุษย์ทำบาปโดยไม่ตั้งใจ เบลอๆ ทำนั้น ก็เหมือนหลอกขโมยขนมจากเด็ก ๆ มันช่างไร้ศักดิ์ศรีของพญามารเกินไป ดังนั้น เราจึงเห็นในหนังว่า ทุกครั้งที่แนนโนะเข้าหาคนชั่ว จะถามก่อนว่า ที่ทำแบบนี้น่ะดีแล้วหรอ “มีครอบครัวแล้วนะ จะมีชู้หรอ” “รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำมันผิด” เพราะการที่ซาตานจะทำให้คนพินาศยิ้มที่สุด ย่อมต้องเกิดจากเจตนารู้ตัวที่แท้จริง ไม่ใช่ทำเพราะเบลอ ทำเพราะหื่น ทำเพราะเมา
.
.
อย่างไรก็ตาม แนนโนะก็เป็นนางเอกหนังไทยที่คอนเซ็ปชั่วดีแบบเทา ๆ ยังยอมรับได้ยาก ดังนั้นการจะสร้างให้แนนโนะไปล่อลวงคนดี ๆ ให้ทำชั่วนั้น น่าจะเป็นอะไรที่คนดูยากจะยอมรับได้ ในฐานะนางเอกไทย ดังนั้นหนังจึงเริ่มด้วยการที่ แนนโนะเข้าไปหาคนที่มี “เชื้อชั่ว” อยู่แล้ว และกระตุ้นให้ทำชั่วมากขึ้นไปอีกและพินาศไปในตอนจบ (เหมือนกับว่ากำลังได้รับกรรม และทำให้หนังซอฟท์ลง เพราะคนดูจะรู้สึกอินในตอนจบที่คนชั่วจะรับกรรมเสมอ) 
.
แต่ไม่ได้อธิบายตั้งแต่ต้นว่า แล้วไอ้คนนั้นน่ะ มันเริ่มสตาร์ททำชั่วยังไง ใครไปดลใจหรือล่อลวงมัน จึงอาจตอบกำปั้นทุบดินได้สองแนวทางคือ 1. มนุษย์มีเชื้อชั่วเป็นธรรมชาติสันดานเดิมอยู่แล้ว  2. เป็น free will ของมนุษย์ที่เริ่มเลือกเริ่มทำดีหรือชั่ว “ครั้งแรก” ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องอาศัยการล่อลวงของซาตาน ซาตานจึงเป็นแต่ผู้รอซ้ำเติมเท่านั้น การเพาะเชื้อชั่วครั้งแรกจึงไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของซาตาน
.
หนังมาพลิกพลอตเอาตอนท้าย ๆ ของซีรีย์สอง ซึ่งก็เป็นคอนเซ็ปต์เดิม ๆ ของโลกสมัยใหม่ที่เกิดตั้งคำถามกันในลัทธิบูชาซาตานว่า ซาตานมันชั่วหรือพระเจ้าชั่วกันแน่ ตกลงว่าจักรวาลนี้ใครเป็นผู้ร้าย แล้วแนนโนะมีสิทธิ์ไปตัดสินบาปของชาวบ้านหรอ (ส่วนตัวของเรา เราไม่ได้มองว่าแนนโนะตัดสินใครเลย ทุกคนยิ้มเพราะการตัดสินใจทำชั่วมากขึ้นด้วยตนเองเท่านั้น ซาตานไม่ได้ทำให้ใครพินาศ แค่พาเข้าไปในสถานการณ์เหมาะๆ แล้วให้ตัดสินใจเอง)
.
.
 การทำตัวเป็นผู้ตัดสินใจโลกเทา ๆ ที่ความดีความชั่วมันคลุมเครือ มันจะตัดสินได้จริง ๆ หรอ – พลอตนี้คือเอาหนังฝรั่งบางเรื่องอย่าง “กระท่อมปาฏิหาริย์” มาตั้งคำถามกับหน้าที่ของ “พระเจ้า” ในฐานะผู้ตัดสินว่า โลกที่คลุมเครือ และทุกคนที่เป็นลูกที่รักของพระเจ้า ต่างมีเหตุผลในการทำชั่วกันทั้งนั้น 
.
แล้วพระเจ้า พระองค์จะตัดสินอย่างไร ในหนัง(ฝรั่ง)เอาไบเบิ้ลมากางแล้วตอบว่า “เพราะพระเจ้าไม่อยากตัดสินลูกของพระองค์ จึงลงมาในโลกแล้วตายบนไม้กางเขนรับโทษแทนมนุษย์” เราจึงเห็นว่าทำไมตอนสุดท้ายแนนโนะเลือกที่จะตายเอง เพื่อปกป้องไม่ให้แม่กับลูกฆ่ากันเอง เพราะเรื่องราวที่คลุมเครือก็เลยเถิดไปกันใหญ่จนแยกไม่ได้แล้วว่าอะไรดีอะไรชั่ว 
.
.
เรื่องนี้จึงย้อนกลับไปในไบเบิ้ล การที่อดัมกินผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว ไม่ใช่เพราะความดื้อด้านต่อต้านคำสั่งของพระเจ้าอย่างเดียว แต่มนุษย์ปรารถนาจะเป็นผู้ออกกฎ และเป็นผู้ตัดสินความดีความชั่วของผู้อื่นแทนพระเจ้า คือการแย่งชิงสถานะของพระเจ้าผู้ทรงเป็นตุลาการแต่เพียงพระองค์เดียวมาเป็นของตัว เราจึงเห็นว่าในฉากสุดท้ายว่า เมื่อแนนโนะตายแล้ว ยูริแบ่งเลือดของตนให้กับเด็กสาว เพื่อทำหน้าที่พิพากษาคนชั่วทั่วโลกกันตามใจชอบ “โลกก็ไม่ต้องการแนนโนะอีก” ซึ่งหนังมันสนุกตรงความคลุมเครือในสถานะของแนนโนะนี่แหละ ว่าเธอที่ดูเป็นซาตานในตอนต้นเรื่อง กลับสวมบทบาทของพระเจ้าในตอนท้าย ก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับมุมมองทางด้านลัทธิซาตานในปัจจุบัน  
.
.
ถ้าถามเราว่า  ตกลงแนนโนะเป็นพระเจ้าหรือปีศาจ เราก็ยังตอบว่านางเป็นปีศาจอยู่ดี เพราะหน้าที่ของพระเจ้าคือ “ช่วยปกป้องไม่ให้มนุษย์เข้าไปอยู่ในการล่อลวงของปีศาจ ในสถานการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะทำให้เกิดการทำบาป” และพร้อมจะให้อภัยคนบาปเสมอ ไม่ใช่การตัดสินลงโทษมนุษย์ในเวลาที่เขายังมีชีวิต เพราะชีวิตแต่ละวันของมนุษย์ คือโอกาสที่พระเจ้าหยิบยื่นให้เพื่อที่จะได้กลับใจจากความชั่วไปจนวันสุดท้าย เมื่อนั้น ในชีวิตหลังความตายการพิพากษาจึงจะตามมาภายหลัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่