***นิยายเรื่อง 'สร้างรัก' เป็นผลงานการเขียนเรื่องแรกของคีตมินทร์ค่ะ ซึ่งเคยลงให้อ่านไปรอบหนึ่งแล้ว ช่วงปี 2559 ระหว่างที่กำลังเขียนเรื่องใหม่ ก็เลยนำมาลงให้ได้อ่านกันอีกรอบค่ะ
บทที่ 1
ติ๊ง!!!
เสียงเตือนลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์ขนส่งสินค้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังจะเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมง แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่าที่พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสีเข้มก้าวฉับๆ ออกมาอย่างมาดมั่น จนผมยาวสลวยที่รวบไว้เป็นหางม้าแกว่งไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน ร่างระหงหยุดตรงหน้าโต๊ะที่ตั้งอยู่ทางเข้าโครงการก่อสร้าง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่แลกบัตรสำหรับบุคคลที่จะเข้าออกโครงการ
“มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” รปภ. วัยกลางคนเอ่ยถามเสียงสุภาพเมื่อเห็นว่าเป็นบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า
“มาเริ่มทำงานกับบริษัท แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์ค่ะ” ตอบพร้อมระบายยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้
“ต้องรออีกสักครู่นะครับ เพราะบริษัทคุณยังไม่มีใครมาเลย”
พนักงานคนใหม่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะเจ็ดนาฬิกา เธอคงจะตื่นเต้นไปหน่อยกับการเริ่มทำงานวันแรก ประกอบกับยังไม่รู้ว่าจากบ้านพักมาที่ทำงานแห่งใหม่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เลยออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า ทำให้มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเข้างานตั้งหนึ่งชั่วโมง
“นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้ครับ อีกสักพักคงจะทยอยมากันแล้ว” รปภ.บอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้พลาสติกตัวที่ว่างอยู่มาให้
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนลากเก้าอี้มานั่งที่ข้างโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ระหว่างนั่งรอดวงตาสีนิลก็มองสำรวจพื้นที่โดยรอบไปด้วย โครงการนี้ตั้งอยู่บนชั้นห้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ซึ่งกำลังปรับปรุงเป็นเมืองจำลองสำหรับเด็ก และบริษัทที่เธอจะมาทำงานด้วยประมูลได้ในส่วนของงานตกแต่งภายใน
ปัถยาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพราะเส้นทางนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวเธอมาก่อนเลย เธอตั้งใจว่าเรียนจบจะกลับไปทำงานโรงงานแถวบ้าน เพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวที่เธอรัก แต่แล้วทุกอย่างมันก็ไม่เป็นดังที่วาดฝันไว้ เธอต้องระหกระเหินมาทำงานไกลบ้านเมื่อไม่มีทางไหนที่จะดีไปกว่านี้แล้ว คิดถึงตรงนี้ใบหน้ารูปไข่ก็ดูยับยุ่ง และก่อนที่คิ้วเรียวสวยทั้งสองจะผูกกันจนเป็นปม เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ดังขึ้นปลุกหญิงสาวออกจากภวังค์
“คุณครับ นายช่างบริษัทคุณมาแล้วครับ”
ปัถยาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี หน้าตาดุดันดูน่าเกรงขาม แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อตกับกางเกงยีนขากระบอก ไว้ผมเปิดข้างรองทรง กำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“น้องเขามาเริ่มงานวันแรกครับนายช่าง” รปภ.รีบรายงาน
ชายผู้มาใหม่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนเบนสายตาไปยังเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ที่รีบผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวทักทายเสียงสดใส ทั้งยังส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้
“สวัสดีค่ะนายช่าง”
“สวัสดีครับ” เขาทักทายกลับเสียงเรียบ ส่วนใบหน้านั้นเฉยเมยไร้ความรู้สึก ทำเอาปัถยาถึงกับหุบยิ้มทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“ขึ้นไปบนออฟฟิศกันเถอะ”
พูดจบนายช่างหนุ่มก็เดินนำพนักงานคนใหม่ตรงไปยังบันไดที่มุมด้านซ้ายของโครงการ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่รอช้า รีบเดินตามผู้นำทางไปยังบันไดชั่วคราวที่ทำด้วยเหล็กเชื่อมต่อกันทอดยาวขึ้นไปด้านบน มีชานพักบันไดเป็นระยะๆ และมีราวกันตกที่ทำด้วยเหล็กท่อกลมตลอดแนว
ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น มันเงียบจนชวนอึดอัด ปัถยาอยากจะชวนผู้ชายตรงหน้าคุย แต่ไม่แน่ใจว่าเขาอยากเสวนากับเธอหรือเปล่า ด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมของเขาบวกกับการเดินจ้ำพรวดๆ โดยไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนข้างหลังจะตามทันหรือเปล่า เธอจึงล้มเลิกความคิดที่จะชวนเขาคุยและรีบสาวเท้าเดินตามเขาไปเงียบๆ ไม่นานทั้งสองก็ถึงมาจุดหมายปลายทางซึ่งอยู่บนชั้นแปด
ชายผู้นำทางไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณห้าสิบตารางเมตร ที่ผนังกั้นด้วยยิปซั่มบอร์ดทุกด้าน แล้วจัดการเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
“คุณนั่งรอตรงนี้ไปก่อนละกัน” นายช่างหนุ่มบอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้มาให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่นั่งรอที่โต๊ะประชุมกลางห้อง ด้วยยังไม่รู้ว่าทางผู้จัดการโครงการจะให้หญิงสาวนั่งประจำที่โต๊ะไหน
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนั่งลงตามเขาบอกพร้อมมองสำรวจรอบๆ ห้อง
ภายในห้องมีโต๊ะทำงานอยู่สิบโต๊ะกระจายกันอยู่ทุกด้านของห้อง ส่วนมุมขวาของประตูจะเป็นที่ตั้งของเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่จำนวนสองเครื่อง กลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ตามผนังห้องเต็มไปด้วยแบบก่อสร้าง แผนงานของโครงการ บอร์ดสีขาวขนาดใหญ่ นอกจากนี้ตรงมุมด้านหลังห้องยังมีประตูเชื่อมไปยังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องครัวเพราะหลังจากนายช่างหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มาให้เธอแล้วเขาก็หายเข้าไปในห้องนั้น ไม่นานก็มีเสียงเปิดปิดตู้เย็น เสียงแก้วน้ำเล็ดลอดออกมาจากห้องดังกล่าว
ขณะปัถยากำลังสำรวจสภาพโดยรอบเพลินๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกเปิดออก ปรากฏร่างชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินคุยกันอย่างออกรสเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้านั่งอยู่ภายในห้อง ทั้งสองคนก็จบการสนทนาก่อนหน้านี้ แล้วหันมาให้ความสนใจกับหญิงสาวแปลกหน้าแทน
“น้อง จป.[1] ที่จะมาเริ่มงานวันนี้ใช่ไหม” ชายผู้มาใหม่ท่าทางภูมิฐานถามขึ้น
“ใช่ค่ะ” ปัถยาตอบรับพร้อมยกมือไหว้ชายหญิงทั้งสองอย่างนอบน้อมก่อนแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส “หนูชื่อปัถยา ชื่อเล่นรุ้งค่ะ”
ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคนรับไหว้พนักงานสาวคนใหม่พร้อมส่งยิ้มแบบเป็นมิตรตอบกลับไป ทำให้ปัถยาอดเปรียบเทียบกับอีกคนที่พาเธอขึ้นมาบนออฟฟิศไม่ได้ รายนั้นเอาแต่ทำหน้าดุราวกับยักษ์วัดแจ้ง
“ผมก้องภพนะ จะเรียกว่าพี่โจ้ก็ได้ เป็นผู้จัดการโครงการของที่นี่ ส่วนนั่นคุณศศิธร เรียกพี่จ๋าก็ได้ เป็นธุรการของโครงการ” ผู้จัดการหนุ่มแนะนำตัวพร้อมแนะนำหญิงสาวอีกคนที่นั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะด้านซ้ายของประตูห้อง
“แล้วใครเป็นคนพารุ้งขึ้นมาบนนี้จ๊ะ” ศศิธรเอ่ยถามน้องใหม่ เมื่อเห็นว่าเธอนั่งรออยู่ในห้องเพียงลำพัง
“นายช่างคนที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ พาขึ้นมาค่ะ” คนถูกถามตอบไปตามที่คิด เพราะยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังไม่รู้ตัวด้วยว่าคนที่ตนกำลังกล่าวถึงตอนนี้ได้มายืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ด้านหลังและทันได้ยินคำตอบเมื่อสักครู่ เพราะขณะพูดเธอหันหลังให้กับห้องครัว
เมื่อได้ยินคำตอบของน้องใหม่ทำเอาผู้จัดการหนุ่มและเจ้าของคำถามถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ยกเว้นคนที่ถูกกล่าวถึงที่ยังคงตีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และเหมือนหญิงสาวเพิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ไม่รอช้าปัถยารีบหันขวับไปมองข้างหลัง แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว พร้อมส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ด้านหลัง ยังไม่ทันที่นายช่างหนุ่มหน้าดุจะได้กล่าวอะไรก้องภพก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ยังไม่รู้จักกันใช่ไหม คนนี้ชื่อชวกร เป็นโฟร์แมนงานตกแต่งภายใน คนงานจะเรียกกันว่านายช่างตรี” ก้องภพแนะนำชวกรให้ปัถยารู้จัก ก่อนแนะนำหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ให้คนหน้าดุได้รู้จัก “ส่วนนั่นน้องรุ้ง เป็นเซฟตีคนใหม่ของบริษัทเรา”
ปัถยาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้งโดยหวังว่าคราวนี้เขาจะยิ้มตอบมาบ้าง แต่เปล่าเลย เขายังตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ผมลงไปดูหน้างานก่อนนะพี่” ชวกรบอกลูกพี่พร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมงานคนใหม่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“อย่าไปถือสาเจ้าตรีมันเลยนะน้องรุ้ง มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ พูดน้อย ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร คนไม่สนิทอาจจะมองว่าหยิ่ง แต่เห็นหน้าดุๆ นิ่งๆ แบบนั้นแต่มันใจดีมากเลยนะ” ก้องภพแก้ตัวให้คนหน้าดุ หลังจากลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว
“หน้าดุอย่างกับยักษ์เนี่ยนะ เป็นคนใจดี” ปัถยาได้แต่ขบคิดอยู่ในใจ
“รุ้งไม่ถือหรอกค่ะ แค่ยังไม่ชินน่ะค่ะ เลยอาจจะยังทำตัวไม่ถูก ปกติไม่ค่อยเจอคนแบบนี้เท่าไร”
“แล้วมายังไงนี่” ก้องภพชวนคุยเรื่องอื่นแทนการคุยเรื่องชวกร เพราะเกรงว่าเซฟตีสาวจะเครียดไปกับหน้าดุๆ ของลูกน้องคนสนิทของตัวเอง
“มารถไฟฟ้าค่ะ” ปัถยาดึงสติกลับมาจากเรื่องของโฟร์แมนหน้ายักษ์ เมื่อได้ยินคำถามจากก้องภพ
“แล้วน้องรุ้งพักอยู่แถวไหนเหรอ” ศศิธรที่เงียบมานานเอ่ยถามบ้าง
“อยู่แถวเจริญกรุงค่ะ”
คนถามพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะซักถามในเรื่องทั่วๆ ไปและไม่ลืมที่จะเล่ารายละเอียดของโครงการให้พนักงานคนใหม่ได้ทราบ ด้านก้องภพกำลังเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นก็มีพนักงานคนอื่นๆ ทยอยกันมาและศศิธรก็ทำหน้าที่แนะนำให้ปัถยารู้จักกับทุกคนทั้งโฟร์แมนงานระบบไฟฟ้าและประปา โฟร์แมนงานตกแต่งภายใน นายช่างเขียนแบบ และธุรการสาวอีกคน
[1] จป.ย่อมาจาก เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (Safety Officer) เป็นตำแหน่งที่กฎหมายบังคับให้สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจำเป็นต้องมี โดยจป.มีหน้าที่แนะนำ กำกับดูแลให้พนักงานในสถานประกอบการได้รับความปลอดภัยในการทำงาน และสำรวจตรวจสอบความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากเครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องมือ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทำงาน และเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการให้ได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนด
สร้างรัก...บทที่ 1 (1)
ติ๊ง!!!
เสียงเตือนลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์ขนส่งสินค้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังจะเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมง แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่าที่พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสีเข้มก้าวฉับๆ ออกมาอย่างมาดมั่น จนผมยาวสลวยที่รวบไว้เป็นหางม้าแกว่งไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน ร่างระหงหยุดตรงหน้าโต๊ะที่ตั้งอยู่ทางเข้าโครงการก่อสร้าง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่แลกบัตรสำหรับบุคคลที่จะเข้าออกโครงการ
“มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” รปภ. วัยกลางคนเอ่ยถามเสียงสุภาพเมื่อเห็นว่าเป็นบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า
“มาเริ่มทำงานกับบริษัท แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์ค่ะ” ตอบพร้อมระบายยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้
“ต้องรออีกสักครู่นะครับ เพราะบริษัทคุณยังไม่มีใครมาเลย”
พนักงานคนใหม่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะเจ็ดนาฬิกา เธอคงจะตื่นเต้นไปหน่อยกับการเริ่มทำงานวันแรก ประกอบกับยังไม่รู้ว่าจากบ้านพักมาที่ทำงานแห่งใหม่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เลยออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า ทำให้มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเข้างานตั้งหนึ่งชั่วโมง
“นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้ครับ อีกสักพักคงจะทยอยมากันแล้ว” รปภ.บอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้พลาสติกตัวที่ว่างอยู่มาให้
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนลากเก้าอี้มานั่งที่ข้างโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ระหว่างนั่งรอดวงตาสีนิลก็มองสำรวจพื้นที่โดยรอบไปด้วย โครงการนี้ตั้งอยู่บนชั้นห้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ซึ่งกำลังปรับปรุงเป็นเมืองจำลองสำหรับเด็ก และบริษัทที่เธอจะมาทำงานด้วยประมูลได้ในส่วนของงานตกแต่งภายใน
ปัถยาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพราะเส้นทางนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวเธอมาก่อนเลย เธอตั้งใจว่าเรียนจบจะกลับไปทำงานโรงงานแถวบ้าน เพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวที่เธอรัก แต่แล้วทุกอย่างมันก็ไม่เป็นดังที่วาดฝันไว้ เธอต้องระหกระเหินมาทำงานไกลบ้านเมื่อไม่มีทางไหนที่จะดีไปกว่านี้แล้ว คิดถึงตรงนี้ใบหน้ารูปไข่ก็ดูยับยุ่ง และก่อนที่คิ้วเรียวสวยทั้งสองจะผูกกันจนเป็นปม เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ดังขึ้นปลุกหญิงสาวออกจากภวังค์
“คุณครับ นายช่างบริษัทคุณมาแล้วครับ”
ปัถยาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี หน้าตาดุดันดูน่าเกรงขาม แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อตกับกางเกงยีนขากระบอก ไว้ผมเปิดข้างรองทรง กำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“น้องเขามาเริ่มงานวันแรกครับนายช่าง” รปภ.รีบรายงาน
ชายผู้มาใหม่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนเบนสายตาไปยังเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ที่รีบผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวทักทายเสียงสดใส ทั้งยังส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้
“สวัสดีค่ะนายช่าง”
“สวัสดีครับ” เขาทักทายกลับเสียงเรียบ ส่วนใบหน้านั้นเฉยเมยไร้ความรู้สึก ทำเอาปัถยาถึงกับหุบยิ้มทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“ขึ้นไปบนออฟฟิศกันเถอะ”
พูดจบนายช่างหนุ่มก็เดินนำพนักงานคนใหม่ตรงไปยังบันไดที่มุมด้านซ้ายของโครงการ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่รอช้า รีบเดินตามผู้นำทางไปยังบันไดชั่วคราวที่ทำด้วยเหล็กเชื่อมต่อกันทอดยาวขึ้นไปด้านบน มีชานพักบันไดเป็นระยะๆ และมีราวกันตกที่ทำด้วยเหล็กท่อกลมตลอดแนว
ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น มันเงียบจนชวนอึดอัด ปัถยาอยากจะชวนผู้ชายตรงหน้าคุย แต่ไม่แน่ใจว่าเขาอยากเสวนากับเธอหรือเปล่า ด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมของเขาบวกกับการเดินจ้ำพรวดๆ โดยไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนข้างหลังจะตามทันหรือเปล่า เธอจึงล้มเลิกความคิดที่จะชวนเขาคุยและรีบสาวเท้าเดินตามเขาไปเงียบๆ ไม่นานทั้งสองก็ถึงมาจุดหมายปลายทางซึ่งอยู่บนชั้นแปด
ชายผู้นำทางไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณห้าสิบตารางเมตร ที่ผนังกั้นด้วยยิปซั่มบอร์ดทุกด้าน แล้วจัดการเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
“คุณนั่งรอตรงนี้ไปก่อนละกัน” นายช่างหนุ่มบอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้มาให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่นั่งรอที่โต๊ะประชุมกลางห้อง ด้วยยังไม่รู้ว่าทางผู้จัดการโครงการจะให้หญิงสาวนั่งประจำที่โต๊ะไหน
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนั่งลงตามเขาบอกพร้อมมองสำรวจรอบๆ ห้อง
ภายในห้องมีโต๊ะทำงานอยู่สิบโต๊ะกระจายกันอยู่ทุกด้านของห้อง ส่วนมุมขวาของประตูจะเป็นที่ตั้งของเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่จำนวนสองเครื่อง กลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ตามผนังห้องเต็มไปด้วยแบบก่อสร้าง แผนงานของโครงการ บอร์ดสีขาวขนาดใหญ่ นอกจากนี้ตรงมุมด้านหลังห้องยังมีประตูเชื่อมไปยังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องครัวเพราะหลังจากนายช่างหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มาให้เธอแล้วเขาก็หายเข้าไปในห้องนั้น ไม่นานก็มีเสียงเปิดปิดตู้เย็น เสียงแก้วน้ำเล็ดลอดออกมาจากห้องดังกล่าว
ขณะปัถยากำลังสำรวจสภาพโดยรอบเพลินๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกเปิดออก ปรากฏร่างชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินคุยกันอย่างออกรสเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้านั่งอยู่ภายในห้อง ทั้งสองคนก็จบการสนทนาก่อนหน้านี้ แล้วหันมาให้ความสนใจกับหญิงสาวแปลกหน้าแทน
“น้อง จป.[1] ที่จะมาเริ่มงานวันนี้ใช่ไหม” ชายผู้มาใหม่ท่าทางภูมิฐานถามขึ้น
“ใช่ค่ะ” ปัถยาตอบรับพร้อมยกมือไหว้ชายหญิงทั้งสองอย่างนอบน้อมก่อนแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส “หนูชื่อปัถยา ชื่อเล่นรุ้งค่ะ”
ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคนรับไหว้พนักงานสาวคนใหม่พร้อมส่งยิ้มแบบเป็นมิตรตอบกลับไป ทำให้ปัถยาอดเปรียบเทียบกับอีกคนที่พาเธอขึ้นมาบนออฟฟิศไม่ได้ รายนั้นเอาแต่ทำหน้าดุราวกับยักษ์วัดแจ้ง
“ผมก้องภพนะ จะเรียกว่าพี่โจ้ก็ได้ เป็นผู้จัดการโครงการของที่นี่ ส่วนนั่นคุณศศิธร เรียกพี่จ๋าก็ได้ เป็นธุรการของโครงการ” ผู้จัดการหนุ่มแนะนำตัวพร้อมแนะนำหญิงสาวอีกคนที่นั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะด้านซ้ายของประตูห้อง
“แล้วใครเป็นคนพารุ้งขึ้นมาบนนี้จ๊ะ” ศศิธรเอ่ยถามน้องใหม่ เมื่อเห็นว่าเธอนั่งรออยู่ในห้องเพียงลำพัง
“นายช่างคนที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ พาขึ้นมาค่ะ” คนถูกถามตอบไปตามที่คิด เพราะยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังไม่รู้ตัวด้วยว่าคนที่ตนกำลังกล่าวถึงตอนนี้ได้มายืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ด้านหลังและทันได้ยินคำตอบเมื่อสักครู่ เพราะขณะพูดเธอหันหลังให้กับห้องครัว
เมื่อได้ยินคำตอบของน้องใหม่ทำเอาผู้จัดการหนุ่มและเจ้าของคำถามถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ยกเว้นคนที่ถูกกล่าวถึงที่ยังคงตีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และเหมือนหญิงสาวเพิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ไม่รอช้าปัถยารีบหันขวับไปมองข้างหลัง แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว พร้อมส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ด้านหลัง ยังไม่ทันที่นายช่างหนุ่มหน้าดุจะได้กล่าวอะไรก้องภพก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ยังไม่รู้จักกันใช่ไหม คนนี้ชื่อชวกร เป็นโฟร์แมนงานตกแต่งภายใน คนงานจะเรียกกันว่านายช่างตรี” ก้องภพแนะนำชวกรให้ปัถยารู้จัก ก่อนแนะนำหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ให้คนหน้าดุได้รู้จัก “ส่วนนั่นน้องรุ้ง เป็นเซฟตีคนใหม่ของบริษัทเรา”
ปัถยาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้งโดยหวังว่าคราวนี้เขาจะยิ้มตอบมาบ้าง แต่เปล่าเลย เขายังตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ผมลงไปดูหน้างานก่อนนะพี่” ชวกรบอกลูกพี่พร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมงานคนใหม่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“อย่าไปถือสาเจ้าตรีมันเลยนะน้องรุ้ง มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ พูดน้อย ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร คนไม่สนิทอาจจะมองว่าหยิ่ง แต่เห็นหน้าดุๆ นิ่งๆ แบบนั้นแต่มันใจดีมากเลยนะ” ก้องภพแก้ตัวให้คนหน้าดุ หลังจากลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว
“หน้าดุอย่างกับยักษ์เนี่ยนะ เป็นคนใจดี” ปัถยาได้แต่ขบคิดอยู่ในใจ
“รุ้งไม่ถือหรอกค่ะ แค่ยังไม่ชินน่ะค่ะ เลยอาจจะยังทำตัวไม่ถูก ปกติไม่ค่อยเจอคนแบบนี้เท่าไร”
“แล้วมายังไงนี่” ก้องภพชวนคุยเรื่องอื่นแทนการคุยเรื่องชวกร เพราะเกรงว่าเซฟตีสาวจะเครียดไปกับหน้าดุๆ ของลูกน้องคนสนิทของตัวเอง
“มารถไฟฟ้าค่ะ” ปัถยาดึงสติกลับมาจากเรื่องของโฟร์แมนหน้ายักษ์ เมื่อได้ยินคำถามจากก้องภพ
“แล้วน้องรุ้งพักอยู่แถวไหนเหรอ” ศศิธรที่เงียบมานานเอ่ยถามบ้าง
“อยู่แถวเจริญกรุงค่ะ”
คนถามพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะซักถามในเรื่องทั่วๆ ไปและไม่ลืมที่จะเล่ารายละเอียดของโครงการให้พนักงานคนใหม่ได้ทราบ ด้านก้องภพกำลังเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นก็มีพนักงานคนอื่นๆ ทยอยกันมาและศศิธรก็ทำหน้าที่แนะนำให้ปัถยารู้จักกับทุกคนทั้งโฟร์แมนงานระบบไฟฟ้าและประปา โฟร์แมนงานตกแต่งภายใน นายช่างเขียนแบบ และธุรการสาวอีกคน
[1] จป.ย่อมาจาก เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (Safety Officer) เป็นตำแหน่งที่กฎหมายบังคับให้สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจำเป็นต้องมี โดยจป.มีหน้าที่แนะนำ กำกับดูแลให้พนักงานในสถานประกอบการได้รับความปลอดภัยในการทำงาน และสำรวจตรวจสอบความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากเครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องมือ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทำงาน และเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการให้ได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนด