อยากถามทุกคนครับว่าบทละครโทรทัศน์ของอ.ศัลยาในดวงใจของทุกคนคือเรื่องอะไร สำหรับผมตามดูละครเกือบทุกเรื่องที่ท่านเขียนบทเอาไว้เลย มีฉากในความทรงจำของผมที่น่าประทับใจแทบทุกเรื่อง พอเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นจะมีฉากที่ประทับใจที่อาจารย์เขียนบทเอาไว้ลอยมาในหัวเลย ซึ่งละครที่อ.ศัลยาเขียนบทไว้ก็เยอะอยู่เหมือนกันครับในช่วงเวลาตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา ผมทำคอลลาจรวบรวมประมาณนี้ครับ ที่ได้ตามดู แต่ยังมีอีกหลายเรื่องอยู่ที่ยังไม่ได้ดู

ผมจะลองเล่าฉากที่ผมประทับใจกับบทของอ.ศัลยาให้ฟังคร่าวๆครับ ไม่เล่าเกือบหมดเรื่องให้คนที่สนใจไปตามเอาเอง
อันดับ 1 ในใจของผมเลยคือเรื่อง ญาติกา >> เรื่องนี้ผมไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับนะ คือสนใจเลยไปย้อนดูตั้งแต่สายโลหิตเลย แล้วไปต่อจนถึงรัตนโกสินทร์ ซึ่ง 3 เรื่องนี้ผมชอบเรื่องญาติกาที่สุด องค์ประกอบมันกลมกล่อมมาก (เพลงประกอบละครเพราะมากครับคือเหมือนบอกความในใจของตัวละครได้เลย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"เมื่อสายน้ำสิ้นสุด จุดนัดพบคือห้วงทะเล แต่ใจฉันกลับยังว้าเหว่ รอเวลาได้มาพบเธอ" คือบทเล่าได้ชัดเจนเลยว่าดาวเรืองในภาคสายโลหิตกลับชาติมาเกิดเป็นสร้อยทอง ในขณะที่ขุนไกรเป็นวิญญาณรักษาดาบ พอทุกอย่างสิ้นสุด ญาติฝั่งพม่าได้นำดาบกลับมาคู่กัน หลวงเทพได้กลับมาพบลำดวนในชาติใหม่ แต่ดาวเรืองในชาตินี้ไม่ได้คู่กับขุนไกรเพราะขุนไกรไม่ยอมไปไหน (หวงดาบนั่นแหละ) สุดท้ายดาบได้กลับมาคู่กัน แต่ดาวเรือง (สร้อยทอง) ก็ยังต้องรอเวลาได้กลับมาพบพี่ไกรอีก (อาจจะตายแล้วเกิดใหม่ซึ่งละครไม่ได้กล่าวถึง) เหมือนในเนื้อเพลงเลยครับ
มาพูดถึงบทดีกว่า ฉากประทับใจที่ผมชอบมีอยู่หลายฉากเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้-ฉากแม่นวลตายในอ้อมกอดของพ่อบวร แต่แม่นวลมองการณ์ไกล บอกให้ส่งลูกกลับไปอยู่กับปู่ย่า เหมือนรู้ว่าพ่อบวรจะต้องมีเมียใหม่
-ฉากสร้อยทองเข้าโรงเรียนประจำแล้วไปวิ่งชนคุณหญิงแว่น (แม่สามีตอนโต) แล้วคุณหญิงก็สอนเรื่องการใช้ชีวิตในโรงเรียน
-ฉากสร้อยทองนอนกับพวงแสดแล้วบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา แล้วพี่สาวถามว่าแล้วที่ไหน สร้อยทองก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน ที่ไหนล่ะจะเป็นที่ของเรา" อารมณ์ตอนนั้นคือผมไม่รู้ว่าจะสื่ออะไรเหมือนกัน แต่มันมีหลายอารมณ์ไปหมดเลย
-ฉากที่เพื่อนสร้อยทอง (ชื่อเคลื่อนถ้าจำไม่ผิดมาหาสร้อยทองที่บ้าน) แล้วพูดคุยกัน สร้อยทองเล่าเรื่องบ้านให้ฟัง แล้วเล่าวิถีชีวิตของยาย (แม่ของแม่นวล) ที่อยู่ในเรือนแพสินค้า เล่าที่มาของพ่อแม่ แล้วเลยไปถึงเรื่องคลุมถุงชน นู่นนี่นั่น สร้อยทองมีความคิดที่ว่าผู้หญิงในอีกร้อยปีข้างหน้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายก็ได้ (มีฉากคล้ายๆกันในเรื่องรัตนโกสินทร์)
-ฉากคุณชวาลเขียนหนังสือ "แม่สมสมัย" ภาษาที่ใช้คือดูละมุนละไมมาก แต่ก็มีมุมไม่น่ารักเยอะอยู่ระหว่างคู่คุณชวาลกับสร้อยทอง
ต่อมาที่อันดับ 2 ครับ เป็นละครจักรๆวงศ์ๆ เรื่อง แก้วหน้าม้า ปี 2544 ครับ

ผมมาทันดูตอนรีรันช่องจ๊ะทิงจานานแล้ว แต่จำได้ไม่ค่อยมาก รู้แค่ว่าตอนจบเศร้า สงสารแก้วมณีมาก เรื่องนี้อารมณ์จะฮาก็ฮามาก บทที่ชวนอินเยอะอยู่ เหมือนกัน เรื่องนี้อาจไม่ได้เดินเรื่องตามพระนิพนธ์แบบเป๊ะๆ อ.ศัลยาน่าจะเขียนบทดัดแปลงตามดุลยพินิจเห็นสมควร ฉากที่ประทับใจก็
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้-ฉากที่เข้าวังใหม่ๆ แล้วคุณท้าวกับอรอุมาสองแม่ลูกสอนกิริยาชาววังให้ แล้วถูกคุณท้าวสอนให้ไปทำกิริยาแบบม้าๆ ตอนเข้าเฝ้าพ่อของพระปิ่นทองแล้วถูกด่าถูกว่า แล้วนางเอกนิ่งเงียบ คือเข้าใจอารมณ์นั้นเลย มีแต่สายตาคนทั้งวังมองมาแบบเป็นตัวประหลาด ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านป่ามีแต่คนรักเป็นหมอเทวดา
-ฉากที่ไปแก้เสน่ห์พระธิดาทัศมาลี แล้วขออภัยโทษให้ ทัศมาลีเดินเข้ามาไหว้ยอมรับเป็นพระชายาของปิ่นทอง ฟีลคือคนทั้งเมืองของทัศมาลียกย่องชื่นชูแก้วมณี ฉากนั้นดูอบอุ่นใจมาก
-ฉากที่ถูกจับใส่โซ่ตรวนล่ามไว้กลางเมืองตากน้ำค้าง คือถูกใส่ร้ายว่าฆ่าลูกตัวเอง แล้วขออุ้มลูก ฉากนั้นคือดูหดหู่จริงๆ กรรมเยอะจริงๆ (ดีที่ยังสู้คน มีมุมตลกๆ ไม่งั้นก็เหมือนนางเอกละครพื้นบ้านทั่วไป เอื้อยอ้าย โสนน้อย)
-บทคือมีเหตุผลมากว่าทำไมไม่ยอมถอดหน้าม้า จำไม่ได้แล่วว่าอธิบายว่ายังไง แต่เวอร์ชั่นนี้จะค่อยๆทำให้พระปิ่นทองยอมรับในตัวแก้วมณีเรื่อยๆ คือมีฉากมีอะไรกันแล้วแต่ปิ่นทองยังไม่ยอมรับ ยังสับสนอยู่ จนสุดท้ายพระปิ่นทองก็ยอมรับในที่สุด
-บทใส่ใจกับตัวละครเล็กๆน้อยๆด้วย มีคุณท้าวซึ่งแสดงโดยคุณยายน้ำเงิน บุญหนัก คือแก้วมณีรักและก็เคารพแม่ของปิ่นทองกับคุณท้าวมาก สองคนนี้คือเอ็นดูแก้วมณีมาตลอด มีฉากถอดหน้าม้าในคุณท้าวเห็นด้วย แต่ก็ขู่ไม่ให้บอกความจริงกับใคร แค่เผยหน้ามณีรัตนาให้เห็นและบอกว่าเมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะได้รู้
อันดับ 3 ผมชอบมาก เป็นจักรๆวงศ์ๆเหมือนกัน >> นางสิบสอง-พระรถเมรี-พระสุธน มโนห์รา (เวอร์ชั่นปี 2543)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื้อเรื่องกระชับ มีฉากกินใจหลายฉากมากๆ ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่-รุ่นลูก
-ตัวร้ายของนางสิบสองเวอร์ชั่นนี้ พระนางสันธมาลา รับบทโดย แอน มรกต มณีฉาย เล่นบทแม่ได้ดีมาก เป็นตัวร้ายที่ดูมีมิติที่สุด มีฉากหลายฉากมากที่พระนางสันธมาลารู้สึกผิดจริงๆในสิ่งที่กระทำลงไป (แต่แปลกที่รู้สึกผิดแล้วไม่เอาดวงตามาคืน) ฉากที่คุกเข่าต่อหน้าผัน อี่ ปอง ฉากที่จะหนีกลับเมืองแต่รถเสนไม่ให้กลับ ขอแค่สัญญาว่าจะไม่ฆ่าแม่ไม่ฆ่าป้า ความรู้สึกคนเป็นแม่คือเข้าใจจริงๆ คือรักทั้งรถเสนและเมรี (แต่ไม่อยู่เมืองตัวเอง ส่งแต่ข้าวของมาให้ ไม่แปลกที่เมรีจะเป็นเด็กที่ดูมีปัญหา แต่ในบางมุมก็ก็มีความรู้สึกที่น้อยใจ) พระนางสันธมาลาเวอร์ชั่นนี้คือร้องไห้ท่วมวังตอนที่ต้องส่งรถเสนไปตาย (ไปเมืองทานตะวัน) คือยอมให้ตัวเองโดนขังคุกจนกว่ารถเสนจะกลับมา แต่สุดท้ายก็แหกคุกเพราะเข้าใจผิดคิดว่ารถเสนยังไม่ตายเพราะแปลงสาสน์ วินาทีสุดท้ายก่อนตายก็ยังเป็นห่วงถึงเมรี ลูกตัวเอง
-แม่ย่า ตัวละครที่ปั่นเรื่องให้ยุ่งไปหมด แต่เหตุผลที่ทำคือรักและห่วงเมรี (จนเกินเหตุ แต่เกินเหตุแต่รุ่นนางสิบสองแล้ว) แม่ย่าเวอร์ชั่นนี้คืออ่อนโยนกับพระธิดาเมรีมาก ทำทุกอย่าง แต่ก็พูดจาดีกับรถเสนด้วย รถเสนก็เคารพทั้งแม่ย่าทั้งสันธมาลา คือฟีลแบบคนที่หลานตัวเองรักก็พลอยเอ็นดูด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกหลานตัวเอง
-ตัวละครเล็กตัวละครน้อยมีมิติหมด สด ใส คือมีบทพูดที่ชวนอินเยอะจริงๆ ฉากที่เมรีปรับทุกข์ด้วย ฉากใกล้ตายที่เมรีนอนตักแล้วขอโทษ
-พระสุธนมโนห์ราคืออารมณ์ภาคต่อที่สมบูรณ์ ถึงจะตัดจากเวอร์ชั่น 2531 ไปมากแต่ก็ดูละมุนละไม
-มีฉากเด็กที่เป็นเพื่อนรถเสนในชาติก่อนอุ้มไก่ตาบอดมาให้พระสุธนตอนเย็นๆหลังออกเยี่ยมราษฎร แล้วพระสุธนร้องไห้ (เหมือนความรู้สึกในอดีตชาติมันย้อนมาที่ต้องเลี้ยงแม่ป้าตาบอด ชีวิตรันทดหดหู่)
-ฉากมโนห์ราฝันถึงพระสุธน และพระสุธนฝันถึงมโนห์รา คือบทบรรยายได้ดี พระสุธนพูดว่า "เหมือนเราหลุดไปอยู่ในเมืองเมืองหนึ่ง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ในความฝัน มโนห์ราจะเรียกเราว่ารถเสนอยู่บ่อย"
-ตัวละครพ่อแม่ฝั่งมโนห์ราคือให้อิสระ ยอมรับฟังความคิดเห็นลูกทุกคน
-ฉากจบตัดจบกระชับไปหน่อย แต่ก็ไม่น่าเกลียดอะไรมาก ทุกอย่างสมบูรณ์ ฉากบินกลับเมืองพระเอกตอนเช้าสวยมาก
ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีฉากประทับใจเยอะมากครับ แต่คงเล่าได้ไม่หมด บุพเพสันนิวาสกับคู่กรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่การันตีความสามารถจริงๆ ผมตามอ่านนิยายของรอมแพงหมดแล้วทั้งบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต ตัวพรหมลิขิตคือสนุกอยู่แล้ว เป็นภาคจบของบุพเพสันนิวาสที่สมบูรณ์แบบมาก เพิ่มปมของมนต์กฤษะกาลีจากภาคแรกได้ดี เล่าที่มาที่ไปชัดเจน ฉากจบอบอุ่นละมุนละไมมาก (ฟีลเหมือนญาติกาแต่อบอุ่นกว่า) เชื่อว่าอ.ศัลยาจะเพิ่มบทขยายจากหนังสือให้ละครออกมาสมบูรณ์ได้ดีที่สุด รอติดตามครับ
ทุกคนชอบบทละครโทรทัศน์เรื่องไหนของ อ.ศัลยา กันครับ?
ผมจะลองเล่าฉากที่ผมประทับใจกับบทของอ.ศัลยาให้ฟังคร่าวๆครับ ไม่เล่าเกือบหมดเรื่องให้คนที่สนใจไปตามเอาเอง
อันดับ 1 ในใจของผมเลยคือเรื่อง ญาติกา >> เรื่องนี้ผมไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับนะ คือสนใจเลยไปย้อนดูตั้งแต่สายโลหิตเลย แล้วไปต่อจนถึงรัตนโกสินทร์ ซึ่ง 3 เรื่องนี้ผมชอบเรื่องญาติกาที่สุด องค์ประกอบมันกลมกล่อมมาก (เพลงประกอบละครเพราะมากครับคือเหมือนบอกความในใจของตัวละครได้เลย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาพูดถึงบทดีกว่า ฉากประทับใจที่ผมชอบมีอยู่หลายฉากเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อมาที่อันดับ 2 ครับ เป็นละครจักรๆวงศ์ๆ เรื่อง แก้วหน้าม้า ปี 2544 ครับ
ผมมาทันดูตอนรีรันช่องจ๊ะทิงจานานแล้ว แต่จำได้ไม่ค่อยมาก รู้แค่ว่าตอนจบเศร้า สงสารแก้วมณีมาก เรื่องนี้อารมณ์จะฮาก็ฮามาก บทที่ชวนอินเยอะอยู่ เหมือนกัน เรื่องนี้อาจไม่ได้เดินเรื่องตามพระนิพนธ์แบบเป๊ะๆ อ.ศัลยาน่าจะเขียนบทดัดแปลงตามดุลยพินิจเห็นสมควร ฉากที่ประทับใจก็
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันดับ 3 ผมชอบมาก เป็นจักรๆวงศ์ๆเหมือนกัน >> นางสิบสอง-พระรถเมรี-พระสุธน มโนห์รา (เวอร์ชั่นปี 2543)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีฉากประทับใจเยอะมากครับ แต่คงเล่าได้ไม่หมด บุพเพสันนิวาสกับคู่กรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่การันตีความสามารถจริงๆ ผมตามอ่านนิยายของรอมแพงหมดแล้วทั้งบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต ตัวพรหมลิขิตคือสนุกอยู่แล้ว เป็นภาคจบของบุพเพสันนิวาสที่สมบูรณ์แบบมาก เพิ่มปมของมนต์กฤษะกาลีจากภาคแรกได้ดี เล่าที่มาที่ไปชัดเจน ฉากจบอบอุ่นละมุนละไมมาก (ฟีลเหมือนญาติกาแต่อบอุ่นกว่า) เชื่อว่าอ.ศัลยาจะเพิ่มบทขยายจากหนังสือให้ละครออกมาสมบูรณ์ได้ดีที่สุด รอติดตามครับ