มีทฤษฏีพิลึกพิลั่นว่า พระอภัยมณีเป็นวรรณกรรมต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น
https://www.matichon.co.th/columnists/news_185495 (มีการตัดทอนข้อความ)
"ก่อนหน้าสุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี อังกฤษส่งกองทัพยึดเมืองหงสาวดี เมื่อ พ.ศ. 2368 พม่ายอมสงบศึก เสียดินแดนด้านยะไข่
ลงมาถึงดินแดนตอนล่างด้านตะนาวศรีทั้งหมด ...อังกฤษยึดครองอินเดียตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา แล้วยึดครองลังกา....
ตั้งแต่ พ.ศ. 2338 ...ขณะนั้นสุนทรภู่อายุ 9 ขวบ
พฤติกรรมล่าเมืองขึ้นของอังกฤษด้วยการสงครามล้างผลาญอย่างรุนแรง ย่อมเป็นที่รับรู้ในหมู่คนชั้นนำของกรุงสยาม ตั้งแต่แรก
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงแผ่นดิน ร.3
สุนทรภู่ซึ่งเป็นปราชญ์ราชสำนักใน ร.2 มาก่อน ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เลยจินตนาการสร้างเป็นนิทานกลอนขึ้นมาชื่อพระอภัยมณี
ใช้ปี่เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาวิชาความรู้ให้แก้ปัญหาด้วยปัญญาและสันติภาพ"
------------
ข้อเสนอนี้ มีข้อบกพร่องมากมาย แม้จะอ้างสงครามพม่า-อังกฤษให้มีความน่าเชิ่อถีอ แต่กลับเป็นทฤษฎียัดเยียด นำสิ่ง
ใหม่ใส่ในอดีต เพราะสุจิตต์รู้จักสงครามล่าอาณานิคม แต่สุนทรภู่ไม่
บทความ ๓๖๐๐ กว่าคำนี้ กล่าวถึงการล่าเมืองขึ้นเพียง ๒๖๐ คำในตอนต้น จากนั้นก็ใช้ความรู้เรื่องประวัติ-ภูมิศาสตร์
ที่ขุนวิจิตรมาตราเขียนไว้ใน "ภูมิศาสตร์สุนทรภู่" เป็นเนื้อหา แล้วสรุปว่า
"เมื่อพระอภัยมณีกับนางละเวงวัณฬา make love เรียบร้อยแล้วก็ส่งผลยิ่งใหญ่คือ not war"
เรามาแก้ความเข้าใจผิดกัน
๑ "ขณะนั้นสุนทรภู่อายุ 9 ขวบ"
ในบทความที่ใหม่กว่า ท่านสุจิตต์เขียนว่า "สมเด็จฯ ไม่รู้จักสุนทรภู่" ย้ำว่า วันเดือนปีเกิดสุนทรภู่ เป็นเรื่อง “สมมุติ”
https://www.matichon.co.th/columnists/news_5076237
ดังนั้น ท่านจะอายุ ๙ ขวบเมื่อไร ไม่มีทางทราบ ข้อความนี้จึงใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
๒ "สุนทรภู่ซึ่งเป็นปราชญ์ราชสำนักใน ร.2 มาก่อน"
เมื่อไม่รู้อายุ ก็ยากจะบอกว่าในรัชกาลที่สอง ท่านเป็นนักปราชญ์หรือไม่
๓ "ย่อมรู้อยู่แก่ใจ"
คำเช่นนี้เป็นการเดาสุ่ม ไม่มีข้อมูลสนับสนุนเป็นประโยคเสียเปล่า ไร้ซึ่งสติปัญญา
๔ ในช่วงชีวิดของสุนทรภู่ สยามไม่เคยเผชิญกับการล่าอาณานิคม
สงครามล่าอาณานิคมนั้น เป็นรูปแบบการยึดครองประเทศแบบยุโรป หลักการสำคัญคือการบังคับให้เมืองในปกครองใชั
ภาษาและระบบการปกครองของผู้กดขี่ สยามเพิ่งมาตระหนักเมื่อพม่าเสียเมืองอย่างเด็ดขาดให้อังกฤษ ในปี ๒๔๒๘ จน
ราชสำนักรัชกาลที่ห้า ต้องสรุปปัญหาไว้เป็นบทเรียน
https://www.silpa-mag.com/history/article_40617
ตอนนั้นสุนทรภู่เสียชีวิตไปแล้ว
๕ ภัยจากการล่าอาณานิคม ไม่ได้มาจากอังกฤษ
อังกฤษมีสัมพันธ์กับราชสำนักตั้งแต่รัชกาลที่หนึ่งเรื่องการเช่าเกาะหมาก ถึงรัชกาลที่สามพ่อค้าใหญ่ในกรุงเทพ คือหันแตร
ก็เป็นร่มธงอังกฤษ เมื่อขอความสนับสนุนมาจึงโปรดให้เจ้าพระยามหาโยธานำทัพ ๑๐๐๐๐ จากกาญจนบุรีนำเสบียงตลอด
จนพาหนะไปช่วย เป็นการสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น การ "ล่าเมืองขึ้นของอังกฤษด้วยการสงครามล้างผลาญอย่างรุนแรง" ก็ต้องรวมราชสำนักไทยเข้าไปด้วย ไทยจึง
ไม่ได้มีเหตุให้กังวลอำนาจของอังกฤษ ตราบใดที่การค้าระหว่างกันดำเนินไปโดยไมตรีและความรุ่งเรือง
๖ ภัยจากการล่าอาณานิคม มาจากฝรั่งเศสต่างหาก
ฝรั่งเศสเข้ามาแผ่อิทธิพลเหนือกัมพูชาด้วยท่าทีก้าวร้าว อ้างสิทธิ์ว่าเขมรเคยเป็นประเทศราชของญวน จึงต้องเป็นของตน
ด้วย ในปีพ.ศ. ๒๔๐๗ ก็สถาปนาพระเจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ในอารักขา โดยมีเรือรบหนุนหลัง
แต่ความเดือดร้อนแสนสาหัส มาในปี ๒๔๓๖ เมื่อเรือรบ ๒ ลำบุกมาถีงปากคลองผดุงกรุงเกษม พร้อมจะระดมยิงพระบรม
มหาราชวัง เรียกกันว่า วิกฤติการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ สยามต้องจ่ายค่าเสียหาย ๓ ล้านฟรังก์ และดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ราช
สำนักเสียขวัญราวกับเสียกรุง เป็นความทรงจำตกค้างมาจนถึงปัจจุบัน
๗ สงครามในพระอภัยมณี มาจากจินตนาการ
จนถึงปี ๒๔๘๔ สมัยจอมพล ป. ไทยจึงเผชิญกับยุทธนาวีเป็นครั้งแรกที่เกาะช้าง การรบทางทะเลทั้งหมดในพระอภัยมณี
จึงเป็นเรื่องแต่ง ไม่ได้สะท้อนประสบการณ์ของการล่าอาณานิคม
๘ "ใช้ปี่เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาวิชาความรู้ให้แก้ปัญหาด้วยปัญญาและสันติภาพ"
การเป่าปี่ของพระอภัยมณี เพื่อตัวเองเกือบทุกครั้ง กว่าจะเป่าปี่ในสงคราม ก็ผ่านไปแล้ว ๒๗ ตอน เพื่อจับเจ้าละมานซึ่ง
เป็นแขกทมิฬจากชวา หาใช่อังกฤษไม่
จากนั้นมีเป่าเพื่อการศึกอีกครั้งในตอนที่ ๓๐ เพื่อแยกทัพสองฝ่ายที่นอนสลบนับแสน ออกจากกัน ที่เหลือล้วนเป่าเพื่อ
เหตุส่วนตัวทั้งสิ้น (ฝึก อวด เรียกลูก และเกี้ยวสาว) ดังนั้น ที่ว่า เพลงปี่ของพระอภัยมณี เป็นการ "แก้ปัญหาด้วยปัญญา
และสันติภาพ" จึงเป็นสาระที่เกินตัวบทไปมาก
๙ หลังการ make love กับนางละเวง สงครามก็ยังดำเนินต่อไป
พระอภัยมณีได้นางละเวงในตอนที่ ๓๖ แต่การรบยังดำเนินต่อไปอีก ๙๕ ตอนถึงรุ่นลูก จนได้ครองเมืองลังกา กลับกลาย
เป็นเจ้าอาณานิคมเสียเอง
๑๐ บทสรุปไม่ใช่ not war
เป้าหมายสุดท้ายของเรื่องไม่ใช่การยุติสงคราม แต่คือการออกบวชของพระอภัยมณีและชายาทั้งสอง
ดูเหมือนว่าท่านผู้เขียน จะอ่านหนังสือไม่แตกเอาเสึยเลย
สุนทรภู่แนวพิลึก
https://www.matichon.co.th/columnists/news_185495 (มีการตัดทอนข้อความ)
"ก่อนหน้าสุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี อังกฤษส่งกองทัพยึดเมืองหงสาวดี เมื่อ พ.ศ. 2368 พม่ายอมสงบศึก เสียดินแดนด้านยะไข่
ลงมาถึงดินแดนตอนล่างด้านตะนาวศรีทั้งหมด ...อังกฤษยึดครองอินเดียตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา แล้วยึดครองลังกา....
ตั้งแต่ พ.ศ. 2338 ...ขณะนั้นสุนทรภู่อายุ 9 ขวบ
พฤติกรรมล่าเมืองขึ้นของอังกฤษด้วยการสงครามล้างผลาญอย่างรุนแรง ย่อมเป็นที่รับรู้ในหมู่คนชั้นนำของกรุงสยาม ตั้งแต่แรก
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงแผ่นดิน ร.3
สุนทรภู่ซึ่งเป็นปราชญ์ราชสำนักใน ร.2 มาก่อน ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เลยจินตนาการสร้างเป็นนิทานกลอนขึ้นมาชื่อพระอภัยมณี
ใช้ปี่เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาวิชาความรู้ให้แก้ปัญหาด้วยปัญญาและสันติภาพ"
------------
ข้อเสนอนี้ มีข้อบกพร่องมากมาย แม้จะอ้างสงครามพม่า-อังกฤษให้มีความน่าเชิ่อถีอ แต่กลับเป็นทฤษฎียัดเยียด นำสิ่ง
ใหม่ใส่ในอดีต เพราะสุจิตต์รู้จักสงครามล่าอาณานิคม แต่สุนทรภู่ไม่
บทความ ๓๖๐๐ กว่าคำนี้ กล่าวถึงการล่าเมืองขึ้นเพียง ๒๖๐ คำในตอนต้น จากนั้นก็ใช้ความรู้เรื่องประวัติ-ภูมิศาสตร์
ที่ขุนวิจิตรมาตราเขียนไว้ใน "ภูมิศาสตร์สุนทรภู่" เป็นเนื้อหา แล้วสรุปว่า
"เมื่อพระอภัยมณีกับนางละเวงวัณฬา make love เรียบร้อยแล้วก็ส่งผลยิ่งใหญ่คือ not war"
เรามาแก้ความเข้าใจผิดกัน
๑ "ขณะนั้นสุนทรภู่อายุ 9 ขวบ"
ในบทความที่ใหม่กว่า ท่านสุจิตต์เขียนว่า "สมเด็จฯ ไม่รู้จักสุนทรภู่" ย้ำว่า วันเดือนปีเกิดสุนทรภู่ เป็นเรื่อง “สมมุติ”
https://www.matichon.co.th/columnists/news_5076237
ดังนั้น ท่านจะอายุ ๙ ขวบเมื่อไร ไม่มีทางทราบ ข้อความนี้จึงใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
๒ "สุนทรภู่ซึ่งเป็นปราชญ์ราชสำนักใน ร.2 มาก่อน"
เมื่อไม่รู้อายุ ก็ยากจะบอกว่าในรัชกาลที่สอง ท่านเป็นนักปราชญ์หรือไม่
๓ "ย่อมรู้อยู่แก่ใจ"
คำเช่นนี้เป็นการเดาสุ่ม ไม่มีข้อมูลสนับสนุนเป็นประโยคเสียเปล่า ไร้ซึ่งสติปัญญา
๔ ในช่วงชีวิดของสุนทรภู่ สยามไม่เคยเผชิญกับการล่าอาณานิคม
สงครามล่าอาณานิคมนั้น เป็นรูปแบบการยึดครองประเทศแบบยุโรป หลักการสำคัญคือการบังคับให้เมืองในปกครองใชั
ภาษาและระบบการปกครองของผู้กดขี่ สยามเพิ่งมาตระหนักเมื่อพม่าเสียเมืองอย่างเด็ดขาดให้อังกฤษ ในปี ๒๔๒๘ จน
ราชสำนักรัชกาลที่ห้า ต้องสรุปปัญหาไว้เป็นบทเรียน https://www.silpa-mag.com/history/article_40617
ตอนนั้นสุนทรภู่เสียชีวิตไปแล้ว
๕ ภัยจากการล่าอาณานิคม ไม่ได้มาจากอังกฤษ
อังกฤษมีสัมพันธ์กับราชสำนักตั้งแต่รัชกาลที่หนึ่งเรื่องการเช่าเกาะหมาก ถึงรัชกาลที่สามพ่อค้าใหญ่ในกรุงเทพ คือหันแตร
ก็เป็นร่มธงอังกฤษ เมื่อขอความสนับสนุนมาจึงโปรดให้เจ้าพระยามหาโยธานำทัพ ๑๐๐๐๐ จากกาญจนบุรีนำเสบียงตลอด
จนพาหนะไปช่วย เป็นการสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น การ "ล่าเมืองขึ้นของอังกฤษด้วยการสงครามล้างผลาญอย่างรุนแรง" ก็ต้องรวมราชสำนักไทยเข้าไปด้วย ไทยจึง
ไม่ได้มีเหตุให้กังวลอำนาจของอังกฤษ ตราบใดที่การค้าระหว่างกันดำเนินไปโดยไมตรีและความรุ่งเรือง
๖ ภัยจากการล่าอาณานิคม มาจากฝรั่งเศสต่างหาก
ฝรั่งเศสเข้ามาแผ่อิทธิพลเหนือกัมพูชาด้วยท่าทีก้าวร้าว อ้างสิทธิ์ว่าเขมรเคยเป็นประเทศราชของญวน จึงต้องเป็นของตน
ด้วย ในปีพ.ศ. ๒๔๐๗ ก็สถาปนาพระเจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ในอารักขา โดยมีเรือรบหนุนหลัง
แต่ความเดือดร้อนแสนสาหัส มาในปี ๒๔๓๖ เมื่อเรือรบ ๒ ลำบุกมาถีงปากคลองผดุงกรุงเกษม พร้อมจะระดมยิงพระบรม
มหาราชวัง เรียกกันว่า วิกฤติการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ สยามต้องจ่ายค่าเสียหาย ๓ ล้านฟรังก์ และดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ราช
สำนักเสียขวัญราวกับเสียกรุง เป็นความทรงจำตกค้างมาจนถึงปัจจุบัน
๗ สงครามในพระอภัยมณี มาจากจินตนาการ
จนถึงปี ๒๔๘๔ สมัยจอมพล ป. ไทยจึงเผชิญกับยุทธนาวีเป็นครั้งแรกที่เกาะช้าง การรบทางทะเลทั้งหมดในพระอภัยมณี
จึงเป็นเรื่องแต่ง ไม่ได้สะท้อนประสบการณ์ของการล่าอาณานิคม
๘ "ใช้ปี่เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาวิชาความรู้ให้แก้ปัญหาด้วยปัญญาและสันติภาพ"
การเป่าปี่ของพระอภัยมณี เพื่อตัวเองเกือบทุกครั้ง กว่าจะเป่าปี่ในสงคราม ก็ผ่านไปแล้ว ๒๗ ตอน เพื่อจับเจ้าละมานซึ่ง
เป็นแขกทมิฬจากชวา หาใช่อังกฤษไม่
จากนั้นมีเป่าเพื่อการศึกอีกครั้งในตอนที่ ๓๐ เพื่อแยกทัพสองฝ่ายที่นอนสลบนับแสน ออกจากกัน ที่เหลือล้วนเป่าเพื่อ
เหตุส่วนตัวทั้งสิ้น (ฝึก อวด เรียกลูก และเกี้ยวสาว) ดังนั้น ที่ว่า เพลงปี่ของพระอภัยมณี เป็นการ "แก้ปัญหาด้วยปัญญา
และสันติภาพ" จึงเป็นสาระที่เกินตัวบทไปมาก
๙ หลังการ make love กับนางละเวง สงครามก็ยังดำเนินต่อไป
พระอภัยมณีได้นางละเวงในตอนที่ ๓๖ แต่การรบยังดำเนินต่อไปอีก ๙๕ ตอนถึงรุ่นลูก จนได้ครองเมืองลังกา กลับกลาย
เป็นเจ้าอาณานิคมเสียเอง
๑๐ บทสรุปไม่ใช่ not war
เป้าหมายสุดท้ายของเรื่องไม่ใช่การยุติสงคราม แต่คือการออกบวชของพระอภัยมณีและชายาทั้งสอง
ดูเหมือนว่าท่านผู้เขียน จะอ่านหนังสือไม่แตกเอาเสึยเลย