เรามีเรื่องกลุ้มใจมากๆมาปรึกษา ตอนนี้เครียดมากๆ ขอเกริ่นก่อนนะคะ อาจจะยาวหน่อย
ตอนนี้เราทำงานค้าขายกับแม่ เปิดร้านเล็กๆ แม่เป็นคนก่อตั้งร้าน และจัดการการเงินในร้านทั้งหมด เราเรียนจบมา ไม่ได้ออกไปหางานทำ เลยได้ไปช่วยแม่ ทำงานในฐานะลูกจ้าง เป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว รับค่าจ้างรายเดือน รายได้ที่แม่ให้แรกๆ พอๆกับเด็กจบใหม่
ตอนแรกยอดขายร้านก่อนที่เราจะมา วันนึงหลักไม่กี่ร้อย จนถึงพันต้นๆ หลังจากที่แม่มีเรามาช่วยนู่นนี่นั่น ก็ทำให้ยอดขายเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ กิจการอยู่ในช่วงขาขึ้นมากๆ ยอดขายค่อนข้างดีเกินคาดสำหรับร้านเล็กๆ ธรรมดา
แต่ปัญหาอยู่ที่สภาพคล่องทางการเงินของร้านเริ่มขาด ซึ่งมันสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น เรากลับโดนแม่ลดเงินเดือนค่อนข้างเยอะ 25% ทำให้ตอนนี้มีปัญหาเรื่องรายจ่าย (เราผ่อนรถ, ค่ากินอยู่ ฯลฯ) กลายเป็นว่าต้องใช้จ่ายเดือนชนเดือนและแต่ละเดือนไม่มีเงินเก็บสำรองให้อนาคตเลย
วันนึงเราทนไม่ไหว จึงถามแม่ว่ายอดขาย ขายดีขึ้นเรี่อยๆเงินไปไหนหมด ทั้งที่เรารู้สาเหตุ (เราเป็นคนคิดต้นทุน ยอดขาย กำไรของร้านแต่ละวัน ก็เลยรู้ยอด) แม่ตอบกลับมาแค่ว่าก็ฉันมีรายจ่ายเยอะ ยอดขายร้านมันเยอะขึ้นรายจ่ายก็ต้องเยอะขึ้นสิ แต่แม่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นหนี้นอกระบบ พอคุยเรื่องนี้ทีไรแม่จะโมโหตลอดและว่าเรา
คือแม่เป็นคนที่ไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ กระเป๋าตังร้านกับส่วนตัวไม่แยกกัน ไม่ทำบัญชีร้าน ทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ ไม่รู้ เราเห็นแม่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แม่เจ๊งมาหลายธุรกิจผ่านมา20 ปี แล้วยังเหมือนเดิม
และที่สำคัญ แม่ติดเป็นหนี้นอกระบบ และหนี้คนรู้จักมากมาย เวลาจ่าย แม่ชอบเลือกจ่ายแต่ดอก มีแต่ดอกล้วน เป็นที่โปรดปรานของเจ้าหนี้ แล้ว เจ้าหนี้เท่าที่รู้มาคือหลายเจ้าเยอะแยะ มีบ้านก็เคยเอาบ้านเข้า(แต่พ่อปิดหนี้ให้แล้ว ก่อนที่พ่อจะไปมีครอบครัวใหม่ ตอนนั้นบ้านเกือบโดนยึด) มีรถเอารถเข้า พวกเจ้าหนี้ติดล้อตอนนี้ก็ยังเห็นโทรศัพท์มาทุกวัน นอกจากนี้ก็มียืมเล็กยืมน้อย คนนั้นคนนี้ เราก็เลยพอจะรู้สาเหตุว่าจริงๆกำไรของร้านที่ขายๆมา หายไปไหนหมด
เคยคุยเกริ่นๆดูแล้วว่า กางให้ดูหน่อย อยากรู้ว่าหนี้มีที่ไหนบ้าง เท่าไหร่ กู้ไปใช้อะไร ในใจคิดว่าเออ เผื่อจะได้ช่วยเหลือกันได้ ถ้ารับรู้ แล้วจะได้เลิกกู้ยืมสักที สรุปแกไม่ยอมรับและโดนด่าว่ากลับมาหนักหน่วง ลามปามไปเรี่องอื่น ทวงความเป็นแม่ ทวงบุญคุณเยอะแยะไปหมดจนไม่อยากคุย
กลับมาเรี่องธุรกิจ ตอนนี้เรามองเห็นอนาคตของร้าน ที่มันควรจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในฐานะลูกอยากจะช่วยทำให้มันโตขึ้น แต่ปัจจุบันเหมือนทำงานรับเงินไปวันๆในฐานะลูกจ้างธรรมดา ไม่สามารถออกความเห็นได้ แถมตัวเองไม่มีเงินเก็บ รายจ่ายเท่าตัว พอบอกว่าจะขอออกไปทำเงินเดือนหางาน เพราะได้เยอะกว่าตอนนี้ ก็หาว่าเนรคุณอีก เห็นแม่ลำบาก ไม่ช่วยแม่ (ตั้งแต่เราเข้ามาช่วย แม่ก็ทำร้านคนเดียวไม่ไหว จากที่เมี่อก่อนเคยทำคนเดียว ปัจจุบันถ้าวันไหนเราไม่ไปทำงาน คือแม่จะปิดร้านเลย)
ก็เคยถามว่าแม่กลับไปอยู่เฉยๆแล้วเราขอบริหารเองได้ไหม เพื่อที่ร้านจะได้โตขึ้น อนาคตจะได้สบายกัน โดยการเสนอแม่รับเงินเดือนไปชิลๆเลยทุกเดือน แม่กินนอนอยู่บ้านเฉยๆ เสนอไปเดือนนึง 4-5 หมื่น แกก็ยังไม่ยอมและโดนด่าเหมือนเดิม และคิดว่าจะเนรคุณฮุบกิจการไป
คิดว่าเหตุผลหลักที่ไม่ยอมคือเป็นหนี้เลยวางมือไม่ได้ และกลัวลูกให้เงินไม่พอใช้
ตอนนี้เราไม่ไหวแล้ว นึกถึงอนาคต เพราะมีภาระ เลยตัดสินใจว่าจะเลิกช่วยแม่ และคิดว่าจะออกมาทำของตัวเองใหม่เลย ไม่ต้องทำธุรกิจเดียวกันกับเขาก็ได้ เพราะแม่กับญาติพี่น้องคงด่าว่าเอาความคิดเขามาทำ
และคือถ้าเราออกมา แม่ทำร้านคนเดียวไม่ไหว แน่ และร้านเขาคงปิดแน่นอน
แต่ถ้าทนอยู่กับแม่ต่อไป คิดว่าโตยากและอนาคตพาลพากันลำบากหมดแน่ ทุกวันนี้เหมือนทำไปไม่ได้อะไร ขายไปวันๆ นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว แม่น่าจะเอาไปใช้หนี้หมด เพราะแม่หลักๆคือมีเรื่องหนี้สินที่แก้ไม่ตก และแม่คงไม่ยอมหยุดนิสัยยืมเงิน แถมเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาเอาไปใช้อะไรเพราะแกไม่ยอมปริปากบอก
การตัดสินใจอย่างนี้ถือว่าเป็นลูกอกตัญญู และเนรคุณ ไม่เห็นใจคนกำลังลำบาก ตามที่แม่บอกไหม? คนรอบข้าง รวมถึงพี่น้องแม่ ก็ดูเหมือนจะพาลด่าเราไปด้วย คำพูดที่เจอบ่อยๆคือ ยังไงเขาก็คือแม่ แม่ลำบาก ทำไมไม่คิดช่วยเขาบ้าง
เครียดมากตอนนี้ปวดหัวจนจะระเบิดแล้ว
ขออภัยหากแท็กผิดห้อง
มีเรื่องกลุ้มใจมากๆมาปรึกษา ทำธุรกิจค้าขาย แม่เป็นหนี้นอกระบบ
ตอนนี้เราทำงานค้าขายกับแม่ เปิดร้านเล็กๆ แม่เป็นคนก่อตั้งร้าน และจัดการการเงินในร้านทั้งหมด เราเรียนจบมา ไม่ได้ออกไปหางานทำ เลยได้ไปช่วยแม่ ทำงานในฐานะลูกจ้าง เป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว รับค่าจ้างรายเดือน รายได้ที่แม่ให้แรกๆ พอๆกับเด็กจบใหม่
ตอนแรกยอดขายร้านก่อนที่เราจะมา วันนึงหลักไม่กี่ร้อย จนถึงพันต้นๆ หลังจากที่แม่มีเรามาช่วยนู่นนี่นั่น ก็ทำให้ยอดขายเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ กิจการอยู่ในช่วงขาขึ้นมากๆ ยอดขายค่อนข้างดีเกินคาดสำหรับร้านเล็กๆ ธรรมดา
แต่ปัญหาอยู่ที่สภาพคล่องทางการเงินของร้านเริ่มขาด ซึ่งมันสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น เรากลับโดนแม่ลดเงินเดือนค่อนข้างเยอะ 25% ทำให้ตอนนี้มีปัญหาเรื่องรายจ่าย (เราผ่อนรถ, ค่ากินอยู่ ฯลฯ) กลายเป็นว่าต้องใช้จ่ายเดือนชนเดือนและแต่ละเดือนไม่มีเงินเก็บสำรองให้อนาคตเลย
วันนึงเราทนไม่ไหว จึงถามแม่ว่ายอดขาย ขายดีขึ้นเรี่อยๆเงินไปไหนหมด ทั้งที่เรารู้สาเหตุ (เราเป็นคนคิดต้นทุน ยอดขาย กำไรของร้านแต่ละวัน ก็เลยรู้ยอด) แม่ตอบกลับมาแค่ว่าก็ฉันมีรายจ่ายเยอะ ยอดขายร้านมันเยอะขึ้นรายจ่ายก็ต้องเยอะขึ้นสิ แต่แม่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นหนี้นอกระบบ พอคุยเรื่องนี้ทีไรแม่จะโมโหตลอดและว่าเรา
คือแม่เป็นคนที่ไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ กระเป๋าตังร้านกับส่วนตัวไม่แยกกัน ไม่ทำบัญชีร้าน ทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ ไม่รู้ เราเห็นแม่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แม่เจ๊งมาหลายธุรกิจผ่านมา20 ปี แล้วยังเหมือนเดิม
และที่สำคัญ แม่ติดเป็นหนี้นอกระบบ และหนี้คนรู้จักมากมาย เวลาจ่าย แม่ชอบเลือกจ่ายแต่ดอก มีแต่ดอกล้วน เป็นที่โปรดปรานของเจ้าหนี้ แล้ว เจ้าหนี้เท่าที่รู้มาคือหลายเจ้าเยอะแยะ มีบ้านก็เคยเอาบ้านเข้า(แต่พ่อปิดหนี้ให้แล้ว ก่อนที่พ่อจะไปมีครอบครัวใหม่ ตอนนั้นบ้านเกือบโดนยึด) มีรถเอารถเข้า พวกเจ้าหนี้ติดล้อตอนนี้ก็ยังเห็นโทรศัพท์มาทุกวัน นอกจากนี้ก็มียืมเล็กยืมน้อย คนนั้นคนนี้ เราก็เลยพอจะรู้สาเหตุว่าจริงๆกำไรของร้านที่ขายๆมา หายไปไหนหมด
เคยคุยเกริ่นๆดูแล้วว่า กางให้ดูหน่อย อยากรู้ว่าหนี้มีที่ไหนบ้าง เท่าไหร่ กู้ไปใช้อะไร ในใจคิดว่าเออ เผื่อจะได้ช่วยเหลือกันได้ ถ้ารับรู้ แล้วจะได้เลิกกู้ยืมสักที สรุปแกไม่ยอมรับและโดนด่าว่ากลับมาหนักหน่วง ลามปามไปเรี่องอื่น ทวงความเป็นแม่ ทวงบุญคุณเยอะแยะไปหมดจนไม่อยากคุย
กลับมาเรี่องธุรกิจ ตอนนี้เรามองเห็นอนาคตของร้าน ที่มันควรจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในฐานะลูกอยากจะช่วยทำให้มันโตขึ้น แต่ปัจจุบันเหมือนทำงานรับเงินไปวันๆในฐานะลูกจ้างธรรมดา ไม่สามารถออกความเห็นได้ แถมตัวเองไม่มีเงินเก็บ รายจ่ายเท่าตัว พอบอกว่าจะขอออกไปทำเงินเดือนหางาน เพราะได้เยอะกว่าตอนนี้ ก็หาว่าเนรคุณอีก เห็นแม่ลำบาก ไม่ช่วยแม่ (ตั้งแต่เราเข้ามาช่วย แม่ก็ทำร้านคนเดียวไม่ไหว จากที่เมี่อก่อนเคยทำคนเดียว ปัจจุบันถ้าวันไหนเราไม่ไปทำงาน คือแม่จะปิดร้านเลย)
ก็เคยถามว่าแม่กลับไปอยู่เฉยๆแล้วเราขอบริหารเองได้ไหม เพื่อที่ร้านจะได้โตขึ้น อนาคตจะได้สบายกัน โดยการเสนอแม่รับเงินเดือนไปชิลๆเลยทุกเดือน แม่กินนอนอยู่บ้านเฉยๆ เสนอไปเดือนนึง 4-5 หมื่น แกก็ยังไม่ยอมและโดนด่าเหมือนเดิม และคิดว่าจะเนรคุณฮุบกิจการไป
คิดว่าเหตุผลหลักที่ไม่ยอมคือเป็นหนี้เลยวางมือไม่ได้ และกลัวลูกให้เงินไม่พอใช้
ตอนนี้เราไม่ไหวแล้ว นึกถึงอนาคต เพราะมีภาระ เลยตัดสินใจว่าจะเลิกช่วยแม่ และคิดว่าจะออกมาทำของตัวเองใหม่เลย ไม่ต้องทำธุรกิจเดียวกันกับเขาก็ได้ เพราะแม่กับญาติพี่น้องคงด่าว่าเอาความคิดเขามาทำ
และคือถ้าเราออกมา แม่ทำร้านคนเดียวไม่ไหว แน่ และร้านเขาคงปิดแน่นอน
แต่ถ้าทนอยู่กับแม่ต่อไป คิดว่าโตยากและอนาคตพาลพากันลำบากหมดแน่ ทุกวันนี้เหมือนทำไปไม่ได้อะไร ขายไปวันๆ นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว แม่น่าจะเอาไปใช้หนี้หมด เพราะแม่หลักๆคือมีเรื่องหนี้สินที่แก้ไม่ตก และแม่คงไม่ยอมหยุดนิสัยยืมเงิน แถมเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาเอาไปใช้อะไรเพราะแกไม่ยอมปริปากบอก
การตัดสินใจอย่างนี้ถือว่าเป็นลูกอกตัญญู และเนรคุณ ไม่เห็นใจคนกำลังลำบาก ตามที่แม่บอกไหม? คนรอบข้าง รวมถึงพี่น้องแม่ ก็ดูเหมือนจะพาลด่าเราไปด้วย คำพูดที่เจอบ่อยๆคือ ยังไงเขาก็คือแม่ แม่ลำบาก ทำไมไม่คิดช่วยเขาบ้าง
เครียดมากตอนนี้ปวดหัวจนจะระเบิดแล้ว
ขออภัยหากแท็กผิดห้อง