คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
อื่มมม โจทย์ยากค่ะ
เพราะเขาโตจนฝังความคิดบางอย่างไปมากแล้ว (นอกจากการเลี้ยงดูผิดทางในสมัยเด็ก คือ แทนที่จะสอน บอกกล่าว กลับกลบเกลื่อน และตามใจ น่าจะเป็นจากเพื่อนด้วยมั้ง เดานะคะ...เพราะคุณบอกว่าในบ้านไม่พูดคำหยาบ แต่น้องพูดหยาบมากกับเพื่อน อื่มมม แต่อย่าถึงกับห้ามเขาคบกันเด็ดขาดนะคะ วัยรุ่น...โดยเฉพาะที่มีทัศนคติอย่างน้องคุณ เลือกเพื่อนมากกว่าแน่)
แต่... ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอกค่ะ แต่ต้องค่อยๆ ตะล่อม คุณต้องอดทน และต้องเผื่อใจว่าเขาอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณต้องการ
เริ่มจากลองเปลี่ยนวิธีพูดสอนดู
ถ้า... คุณสอนสั่ง ในใจของเขาย่อมไม่อยากยอมรับฟังและอาจจะถึงกับต่อต้าน
คุณลองเปลี่ยนเป็น พูดคุย... ซักถามความคิดเห็น... แล้วรับฟัง... เพื่อชี้แจง
บางทีเขาอาจจะรับความคิดของคุณ ที่หวังดีต่อเขา เข้าไปในใจบ้าง
ลองบอกเขาว่า แม่ และคุณ (เน้นที่แม่ดีกว่านะ) ทำงานหนักเพื่อเขา อยากให้เขาช่วยบ้าง ในเมื่อเขามีกำลังที่จะช่วยได้
ส่วนเรื่องการเข้าสังคมและมารยาท คุณก็แนะนำน้องบ้างว่าควรพูด ขอบคุณ ขอโทษ การไหว้ การทักทายถ่ามไถ่ แต่อย่าไปว่าเขาว่าทำไมเขาไม่รู้จักพูด เพียงบอกว่าพูดแล้วจะเป็นที่ต้อนรับ...เป็นที่รัก...ของคนทั่วไป คนที่เขาได้ยินใครพูดคำหยาบ ย่อมไม่คิดยกย่องคนนั้น แล้วตบท้ายว่า ถ้าพูดในที่รโหฐานกับเพื่อนก็ทำได้ แต่ต้องระวังไม่พูดในที่สาธารณะ
บอกเขาด้วยว่า ไม่ควรใช้คำด่าแม่ เพราะไม่ดี บาป แม่อุ้มท้องเรามา ฟูมฟักเลี้ยงดูให้เติบโต ทั้งเป็นผู้ให้ชีวิต ร่างกายเลือดเนื้อเรา นับว่ามีพระคุณสูงยิ่ง ไม่ควรหลบหลู่
เรื่องการรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและรู้จักกาลเทศะ เข้าสังคมได้ ...ก็ค่อยๆ ยกตัวอย่างคนที่ทำดี เป็นคนดีให้เขาฟังเหมือนพูดคุยกันว่าคนในสังคมมีแบบนี้นะ ดีจังเลยว่าไหม
คือ ต้องค่อยๆ หาโอกาสพูดทีละเรื่องนะคะ คุณต้องต้องรอเวลาและจังหวะที่เหมาะสม ...ถ้าประดังประเดเข้าไป น้องคุณอาจเตลิดได้
คุณอาจจะต้องพยายามหาวิธีพูดคุยกับเขามากขึ้น ต้องลดวัยตัวเองลงเพื่อเข้าใจโลกของเขาบ้าง แต่แน่นอนว่าคุณยังต้องมีจุดยืนของตนเอง แต่การจะเข้าไปพูดคุยกับน้องได้ ถ้าเขานึกว่าคุณมาในมาดผู้สั่งสอน ผู้ต่อว่า เขาจะไม่ยอมพูดกับคุณค่ะ
ขอให้โชคดีค่ะ เอาไปปรับเปลี่ยนให้เขากับสถาณะการณืของคุณนะคะ มันอาจจะไม่พอเหมาะไปร้อยเปอร์เซนต์ค่ะ
เพราะเขาโตจนฝังความคิดบางอย่างไปมากแล้ว (นอกจากการเลี้ยงดูผิดทางในสมัยเด็ก คือ แทนที่จะสอน บอกกล่าว กลับกลบเกลื่อน และตามใจ น่าจะเป็นจากเพื่อนด้วยมั้ง เดานะคะ...เพราะคุณบอกว่าในบ้านไม่พูดคำหยาบ แต่น้องพูดหยาบมากกับเพื่อน อื่มมม แต่อย่าถึงกับห้ามเขาคบกันเด็ดขาดนะคะ วัยรุ่น...โดยเฉพาะที่มีทัศนคติอย่างน้องคุณ เลือกเพื่อนมากกว่าแน่)
แต่... ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอกค่ะ แต่ต้องค่อยๆ ตะล่อม คุณต้องอดทน และต้องเผื่อใจว่าเขาอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณต้องการ
เริ่มจากลองเปลี่ยนวิธีพูดสอนดู
ถ้า... คุณสอนสั่ง ในใจของเขาย่อมไม่อยากยอมรับฟังและอาจจะถึงกับต่อต้าน
คุณลองเปลี่ยนเป็น พูดคุย... ซักถามความคิดเห็น... แล้วรับฟัง... เพื่อชี้แจง
บางทีเขาอาจจะรับความคิดของคุณ ที่หวังดีต่อเขา เข้าไปในใจบ้าง
ลองบอกเขาว่า แม่ และคุณ (เน้นที่แม่ดีกว่านะ) ทำงานหนักเพื่อเขา อยากให้เขาช่วยบ้าง ในเมื่อเขามีกำลังที่จะช่วยได้
ส่วนเรื่องการเข้าสังคมและมารยาท คุณก็แนะนำน้องบ้างว่าควรพูด ขอบคุณ ขอโทษ การไหว้ การทักทายถ่ามไถ่ แต่อย่าไปว่าเขาว่าทำไมเขาไม่รู้จักพูด เพียงบอกว่าพูดแล้วจะเป็นที่ต้อนรับ...เป็นที่รัก...ของคนทั่วไป คนที่เขาได้ยินใครพูดคำหยาบ ย่อมไม่คิดยกย่องคนนั้น แล้วตบท้ายว่า ถ้าพูดในที่รโหฐานกับเพื่อนก็ทำได้ แต่ต้องระวังไม่พูดในที่สาธารณะ
บอกเขาด้วยว่า ไม่ควรใช้คำด่าแม่ เพราะไม่ดี บาป แม่อุ้มท้องเรามา ฟูมฟักเลี้ยงดูให้เติบโต ทั้งเป็นผู้ให้ชีวิต ร่างกายเลือดเนื้อเรา นับว่ามีพระคุณสูงยิ่ง ไม่ควรหลบหลู่
เรื่องการรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและรู้จักกาลเทศะ เข้าสังคมได้ ...ก็ค่อยๆ ยกตัวอย่างคนที่ทำดี เป็นคนดีให้เขาฟังเหมือนพูดคุยกันว่าคนในสังคมมีแบบนี้นะ ดีจังเลยว่าไหม
คือ ต้องค่อยๆ หาโอกาสพูดทีละเรื่องนะคะ คุณต้องต้องรอเวลาและจังหวะที่เหมาะสม ...ถ้าประดังประเดเข้าไป น้องคุณอาจเตลิดได้
คุณอาจจะต้องพยายามหาวิธีพูดคุยกับเขามากขึ้น ต้องลดวัยตัวเองลงเพื่อเข้าใจโลกของเขาบ้าง แต่แน่นอนว่าคุณยังต้องมีจุดยืนของตนเอง แต่การจะเข้าไปพูดคุยกับน้องได้ ถ้าเขานึกว่าคุณมาในมาดผู้สั่งสอน ผู้ต่อว่า เขาจะไม่ยอมพูดกับคุณค่ะ
ขอให้โชคดีค่ะ เอาไปปรับเปลี่ยนให้เขากับสถาณะการณืของคุณนะคะ มันอาจจะไม่พอเหมาะไปร้อยเปอร์เซนต์ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำปรึกษาเรื่องการดูแลน้องในช่วงวัยรุ่น
จขกท.ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ เรามีน้องสาว1คน อายุห่างกันเกือบ18ปี ตอนนี้น้องอายุ15ปี เราอาศัยอยู่กับแม่และน้องรวม3คน
เริ่มเลยนะคะ ปัญหาคือเราจะดูแล สั่งสอนน้องยังไงในวัยนี้ให้มีความรับผิดชอบ รักและเห็นใจคนอื่นและคนในครอบครัวดีคะ
เราขออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเป็นข้อๆดังนี้
1. พ่อเราเสียตอนน้องอายุได้5ขวบ จากนั้นแม่ก็เลี้ยงดูน้องคนเดียวมา2ปีก่อนย้ายมาอยู่กับเราเมื่อเราเรียนจบและเริ่มทำงานโดยเราเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครอบครัว
2. แม่จะเป็นคนที่ถนัดการทำงานนอกบ้านเพราะเป็นหัวหน้าครอบครัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร (พ่อเราเป็นช้างเท้าหลัง) จึงไม่ถนัดเรื่องการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนลูก (เราโตมากับยาย แต่ยายแก่มากและตอนนี้เสียไปแล้วจึงไม่ได้ช่วยเลี้ยงน้อง)
3. น้องจะเป็นคนที่ไม่สนใจใคร ไม่ค่อยพูด แต่จะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนด้วยถ้อยคำหยาบคายมาก ขอเน้นว่ามากกก ทั้งๆที่ในครอบครัวไม่มีใครพูดหยาบคายเลย ถ้าปิดเทอมจะคุยตั้งแต่บ่าย3 จนถึงตี4 (นอนตี4 ตื่นบ่าย3) ถ้าเปิดเทอมก็จะนอนตี2-3 ตื่นตี5ครึ่งเตรียมตัวไปเรียน
4. น้องจะไม่ช่วยทำอะไร แม่เราขายของเล็กน้อยเป็นงานอดิเรก เราขอแม่ให้พาน้องไปด้วย ให้น้องไปช่วยเพื่อฝึกความรับผิดชอบและการเข้าสังคม น้องไปแต่ไม่ช่วยทำอะไร จ้องดูแต่โทรศัพท์ บอกให้ทำก็ทำบ้างหรือไม่ทำเลย ถ้าไม่บอกก็จะนั่งมองแม่ทำด้วยแววตาเย็นชา(แม่เล่าให้ฟัง) จนแม่บอกว่ารำคาญและไม่พาไปอีกเลย แต่น้องก็ยังช่วยทำงานบ้าน(กวาดและถูบ้านเท่านั้น) เพราะเป็นหน้าที่และจะไม่ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้(น้องพูด)
5. น้องมีความคิดแปลกๆ เช่น ก่อนยายจะเสีย ยายเป็นผู้ป่วยติดเตียงน้องจึงมีหน้าที่ชงอาหารเสริมให้ยายช่วงเย็นหลังกลับจากโรงเรียน อยู่มาวันนึงน้องก็ถามแม่ว่า เมื่อไหร่ยายจะตายสักที แม่ตกใจถามกลับว่า ทำไมถามแบบนี้น้องไม่มีความรักให้ยาย ให้แม่ ให้คนในครอบครัวเลยหรือ น้องตอบว่า "ความรักเป็นสิ่งที่เราอุปทานขึ้นมา เราอยู่แบบนี้ ทำแบบนี้เพราะหน้าที่"
6. แม่เป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบบ่น ไม่ชอบสอน ถ้าให้น้องทำอะไรแล้วน้องไม่ทำ แม่ก็จะทำเองโดยให้เหตุผลว่ารำคาญ บอกไปแล้วไม่ทำ ก็คือไม่ทำ หรือเวลาเราอบรมสั่งสอนน้อง น้องไม่พอใจก็เอาไปบ่นให้แม่ฟัง แม่ก็จะเงียบฟังเฉยๆโดยที่ไม่พูดอะไร น้องก็เข้าใจว่าสิ่งที่น้องคิดหรือกระทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราเคยทะเลาะกับแม่หลายครั้งว่าให้คอยสอนน้องบ้าง แม่ก็เอาแต่บอกว่า พูดแล้วไม่ทำแม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะพูดมากก็รำคาญ เหนื่อยไม่อยากพูดเมื่อพูดแล้วก็ไม่ฟัง
7. มีวันนึงน้องว่าเรา"ปากมาก" (เพราะมีแค่เราที่คอยบ่นคอยสอน) แม่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยแต่แม่เลือกที่จะเฉย และรีบพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อน กลัวว่าเราจะตำหนิน้อง และหลังจากนั้นเมื่อแม่อยู่กับน้อง2คน แม่จึงบอกน้องว่าถ้าไม่อยากให้เขาบ่นก็หลบหน้าเขาไปไม่ต้องเผชิญหน้า จากนั้นน้องก็หลบหน้ามาตลอดโดยอยู่แต่ในห้องนอนไม่ออกมาถ้าเราอยู่บ้าน โดยจะออกมาแต่ตอนกลางคืนหลังจากที่ทุกคนเข้านอนเพื่อมาหาอาหารทานและน้ำดื่ม (ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วเพราะเราจับมานั่งอบรม ทำความเข้าใจใหม่แต่ก็มีบ้างที่ยังหลบอยู่)
8. น้องจะเป็นคนเข้าสังคมไม่เป็น ไม่รู้จักว่าต้องพูดหรือปฎิบัติตัวอย่างไรเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ กลายเป็นเด็กที่ไม่มีมารยาท (สังเกตุจากเมื่อมีแขกของเราหรือของแม่มาที่บ้าน) ไม่รู้จักขอบคุณ ขอโทษ หรือยกมือไหว้สวัสดี/กล่าวลา
9. น้องหลุดด่าแม่ด้วยคำหยาบคาย3ครั้ง(เท่าที่แม่เล่าให้ฟัง) และน้องจะเถียงและตวาดแม่เสียงดังเสมอทุกครั้งเมื่อแม่พูดอะไรไม่ถูกใจ (แต่ไม่เคยทำกับเรา เมื่อเราพูดน้องจะเงียบและทำเป็นไม่สนใจแทน บางครั้งมีบ้างที่มองเราด้วยหางตา)
10. เราเป็นคนเจ้าระเบียบ เช่น กินข้าวต้องล้างจานเลยห้ามวางไว้ (น้องมักจะวางไว้ให้แม่ล้าง) หรือใช้ของเสร็จต้องเก็บไว้ที่เดิม เราจะบ่นทุกครั้งเมื่อน้องไม่ทำ คือเรามีความรู้สึกว่าเราไม่มีความสัมพันธ์แบบพี่น้องเหมือนบ้านอื่นๆ แต่เราจะรู้สึกว่าเราเป็นผู้ปกครองน้อง ต้องดูแล ปกป้อง ส่งเสียเลี้ยงดูให้การศึกษาให้มากที่สุดเพื่อให้เขาดูแลตัวเองได้ อาจจะเพราะตอนนี้เราเป็นหัวหน้าครอบครัว และอายุก็ห่างกันมาก
เราควรจะสอนน้องหรือปรับตัวเรายังไงดีคะ เราคิดว่าวิธีที่ทำอยู่ปัจจุบันอาจจะไม่เหมาะสม อาจจะทำให้น้องรู้สึกโดดเดี่ยว เก็บกด และเตลิดไป เพราะเป็นช่วงวัยรุ่นด้วย เราอยากให้เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและรู้จักกาลเทศะ เข้าสังคมได้ เพื่อตัวเขาเองในอนาคตค่ะ
ยาวมาก ขอบคุณนะคะที่ทนอ่านจนจบ พิมพ์ผิดบ้าง เว้นวรรคผิดบ้าง แท็กไม่ตรงบ้าง หรือผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ