สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อ่านแล้วเข้าใจน้องเลยครับ
มันมีบางจุดที่เครียดมากและไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่รู้ว่าอะไรคือปัญหาก่อน-หลัง มันถาโถม มันเอาทุกอย่างมาปนกันมาคิดรวมกันจนเหนื่อย
แนะนำพบจิตแพทย์ครับ น้องไม่ได้บ้า การพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายถึงเป็นคนบ้า แต่เค้าสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ด้วยยาและกระบวนการบำบัดทางจิตใจ
สู้ๆ นะครับน้อง พี่เป็นกำลังใจให้นะครับ
มันมีบางจุดที่เครียดมากและไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่รู้ว่าอะไรคือปัญหาก่อน-หลัง มันถาโถม มันเอาทุกอย่างมาปนกันมาคิดรวมกันจนเหนื่อย
แนะนำพบจิตแพทย์ครับ น้องไม่ได้บ้า การพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายถึงเป็นคนบ้า แต่เค้าสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ด้วยยาและกระบวนการบำบัดทางจิตใจ
สู้ๆ นะครับน้อง พี่เป็นกำลังใจให้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 14
อ่านจบแล้วครับ อึดอัดแทน แต่ทุกอย่างคือ จขกท. ทำตัวเองหมดเลยนะ อ่านมาแล้วก็ไม่เห็นมีใครพยายามจำทำร้ายอะไรเลย ทั้งร่างกายและจิตใจ มีแต่ จขกท. เอาตัวเองเข้าไป้กี่ยวเองทั้งนั้น ทั้งการเมาแล้วเสียตัว ทั้งไปอยู่กับอาจารย์สองต่อสอง รู้ทั้งรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็ยังจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดๆนั้น
ทั้งเรื่องเพื่อน เป็นผมก็ตีตัวออกห่างนะ คือกลัว กลัวว่าตัวเองจะดาวน์ตามเพื่อน
ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องการเรียนอีก ดร๊อปเก่งมาก ขาดเรียนบ่อย จะติดเอฟก็ไม่แปลก คือไม่พยายามจะพัฒนาตัวเองในด้านไหนเลย หวังแต่จะให้คนรอบข้างหยิบยื่นความรัก ความเมตตาให้ แต่ตัวเองก็ไม่รู้จักแสวงหา คิดแต่จะหนี หนี หนี แล้วก็คิดว่าคนอื่นเป็นภัยต่อตัวเอง
อย่างไงแล้วก็ขอให้คิดได้ ปรับปรุงตัว ย้ายที่เรียนใหม่ไปเลย ไปเริ่มกับสังคมใหม่ๆ
ทั้งเรื่องเพื่อน เป็นผมก็ตีตัวออกห่างนะ คือกลัว กลัวว่าตัวเองจะดาวน์ตามเพื่อน
ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องการเรียนอีก ดร๊อปเก่งมาก ขาดเรียนบ่อย จะติดเอฟก็ไม่แปลก คือไม่พยายามจะพัฒนาตัวเองในด้านไหนเลย หวังแต่จะให้คนรอบข้างหยิบยื่นความรัก ความเมตตาให้ แต่ตัวเองก็ไม่รู้จักแสวงหา คิดแต่จะหนี หนี หนี แล้วก็คิดว่าคนอื่นเป็นภัยต่อตัวเอง
อย่างไงแล้วก็ขอให้คิดได้ ปรับปรุงตัว ย้ายที่เรียนใหม่ไปเลย ไปเริ่มกับสังคมใหม่ๆ
ความคิดเห็นที่ 26
เจ้าของกระทู้น่าจะเป็นคนที่มีทักษะการเรียบเรียง การเขียนบรรยายดีนะคะ ซึ่งคุณคงจะเก่งจริงๆตามที่ได้บอกไว้
เพราะในความเครียด การพยายามฝีนตัวเองในแทบทุกวัน การยืด failure point
เจ้าของกระทู้ยังสามารถเรียงลำดับออกมาได้ดีมากค่ะ ซึ่งตรงนี้ทำให้คนอ่านคนอื่นๆน่าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าของกระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในเมื่อตอนนี้อยู่ปี 4 ซึ่งก็ควรจะเป็นปี 4 เทอม 2 แล้วและหมายความว่าใกล้สำเร็จการศึกษา(ถ้าเรียนในสายที่ใช้เวลาเรียนปกติ 4 ปี)
ดังนั้น
1) นรกขุมที่ 1 ที่ว่า ต้องเรียนในคณะที่ไม่ชอบ
---> ที่สุดคุณก็ผ่านพ้นมาไกลมากแล้ว เรียนเกือบจบแล้วนะคะ นรกขุมนี้ทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว
2) นรกขุมที่ 2 ที่ว่า การอยู่ที่ๆ มันไม่ใช่ที่ของฉัน เพราะ ฉันเป็นคนชอบแต่งตัวเยอะ แต่งหน้าเยอะ ติดอนิเมะ ฉันเลยตัดสินใจ
พักการเรียน ปี 1 เทอม 2 (พัก 1 เทอม) แล้วฉันก็กลับมาเรียน เพราะฉันเชื่อว่าฉันเก่ง สามารถปรับตัวได้
---> เพราะคุณเก่งจริงๆ ถึงตอนนี้เรียนปี 4 เทอม 2 แล้ว และคงใกล้สอบปลายภาค ใกล้สอบโปรเจ็คหรือสอบผ่านแล้วก็ไม่ทราบได้
และก็ไม่ทราบว่าความต้องการแต่งหน้าแต่งตัวของคุณได้รับการตอบสนอง(โดยคุณ)มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดีนรกขุมนี้คุณก็ผ่านมัน
ไปไกลแล้วอีกเหมือนกัน
** สำหรับเรื่องการแต่งคอสเพลย์ (รึเปล่า) หรือจะแบบแนวพั้งค์ หรือสาวบู(บูติค) ดิฉันก็ไม่ทราบนะว่าเดี๋ยวนี้มันมีมหาวิทยาลัยไหนที่อนุญาตให้แต่งตัวเยอะขนาดคอสเพลย์/พั้งค์ จัดเต็ม ต่อให้เป็นสาวสายบู คุณจะแต่งหน้าทำผมประหนึ่งจะเดินรอบสุดท้ายบนแคทวอล์ค มันคงต้องมี
กาลเทศะ อยู่บ้างกระมัง ใจคุณอยากแต่ง 100 แต่ต้องลด % ในความเป็นจริง(ในทางปฏิบัติ) ได้แค่พอหอมปากหอมคอ
และถ้าเรียนจบแล้ว มีงานทำ รูปแบบบริษัท หน่วยงาน สายงานที่คุณทำ ระเบียบการของเขาจะเอื้อให้คุณทำข้อนี้(แต่งตัวแต่งหน้าเยอะ) หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ **
3) นรกขุมที่ 3 กับ 4 ในแง่การถูกข่มขืน การถูกล่วงละเมิด การถูกคุกคามทางเพศ ขอรวบเลยนะคะ
ทั้ง 2 เหตุการณ์ -- ถ้าคุณปล่อยผ่าน ก็ให้ผ่านไปเถอะค่ะ แต่ถ้ายังติดค้างอยู่ในใจ ก็ต้องพึ่งตำรวจ พึ่งกฎหมาย เอาผิดคนๆนั้นอย่างถึงที่สุดไปเลย
เหตุการณ์ที่ 3 และ 4 น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดลูกโซ่ต่างๆตามมาและทำให้คุณวนเวียนกับลูกโซ่เหล่านี้
ภาวะอาการต่างๆที่เกิดขึ้น เรื่องนี้คุณต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์นะคะ
ตอนนี้ขอให้หายจากอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนไวๆค่ะ
เพราะในความเครียด การพยายามฝีนตัวเองในแทบทุกวัน การยืด failure point
เจ้าของกระทู้ยังสามารถเรียงลำดับออกมาได้ดีมากค่ะ ซึ่งตรงนี้ทำให้คนอ่านคนอื่นๆน่าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าของกระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในเมื่อตอนนี้อยู่ปี 4 ซึ่งก็ควรจะเป็นปี 4 เทอม 2 แล้วและหมายความว่าใกล้สำเร็จการศึกษา(ถ้าเรียนในสายที่ใช้เวลาเรียนปกติ 4 ปี)
ดังนั้น
1) นรกขุมที่ 1 ที่ว่า ต้องเรียนในคณะที่ไม่ชอบ
---> ที่สุดคุณก็ผ่านพ้นมาไกลมากแล้ว เรียนเกือบจบแล้วนะคะ นรกขุมนี้ทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว
2) นรกขุมที่ 2 ที่ว่า การอยู่ที่ๆ มันไม่ใช่ที่ของฉัน เพราะ ฉันเป็นคนชอบแต่งตัวเยอะ แต่งหน้าเยอะ ติดอนิเมะ ฉันเลยตัดสินใจ
พักการเรียน ปี 1 เทอม 2 (พัก 1 เทอม) แล้วฉันก็กลับมาเรียน เพราะฉันเชื่อว่าฉันเก่ง สามารถปรับตัวได้
---> เพราะคุณเก่งจริงๆ ถึงตอนนี้เรียนปี 4 เทอม 2 แล้ว และคงใกล้สอบปลายภาค ใกล้สอบโปรเจ็คหรือสอบผ่านแล้วก็ไม่ทราบได้
และก็ไม่ทราบว่าความต้องการแต่งหน้าแต่งตัวของคุณได้รับการตอบสนอง(โดยคุณ)มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดีนรกขุมนี้คุณก็ผ่านมัน
ไปไกลแล้วอีกเหมือนกัน
** สำหรับเรื่องการแต่งคอสเพลย์ (รึเปล่า) หรือจะแบบแนวพั้งค์ หรือสาวบู(บูติค) ดิฉันก็ไม่ทราบนะว่าเดี๋ยวนี้มันมีมหาวิทยาลัยไหนที่อนุญาตให้แต่งตัวเยอะขนาดคอสเพลย์/พั้งค์ จัดเต็ม ต่อให้เป็นสาวสายบู คุณจะแต่งหน้าทำผมประหนึ่งจะเดินรอบสุดท้ายบนแคทวอล์ค มันคงต้องมี
กาลเทศะ อยู่บ้างกระมัง ใจคุณอยากแต่ง 100 แต่ต้องลด % ในความเป็นจริง(ในทางปฏิบัติ) ได้แค่พอหอมปากหอมคอ
และถ้าเรียนจบแล้ว มีงานทำ รูปแบบบริษัท หน่วยงาน สายงานที่คุณทำ ระเบียบการของเขาจะเอื้อให้คุณทำข้อนี้(แต่งตัวแต่งหน้าเยอะ) หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ **
3) นรกขุมที่ 3 กับ 4 ในแง่การถูกข่มขืน การถูกล่วงละเมิด การถูกคุกคามทางเพศ ขอรวบเลยนะคะ
ทั้ง 2 เหตุการณ์ -- ถ้าคุณปล่อยผ่าน ก็ให้ผ่านไปเถอะค่ะ แต่ถ้ายังติดค้างอยู่ในใจ ก็ต้องพึ่งตำรวจ พึ่งกฎหมาย เอาผิดคนๆนั้นอย่างถึงที่สุดไปเลย
เหตุการณ์ที่ 3 และ 4 น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดลูกโซ่ต่างๆตามมาและทำให้คุณวนเวียนกับลูกโซ่เหล่านี้
ภาวะอาการต่างๆที่เกิดขึ้น เรื่องนี้คุณต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์นะคะ
ตอนนี้ขอให้หายจากอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนไวๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
นรกในรั้วมหาลัย
ฉันเป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 ของมหาลัยแห่งหนึ่ง
หนทางชีวิตในมหาลัยของฉันเหลืออีกแค่นิดเดียว
แต่ชีวิตก็มาถึงทางตัน ฉันไม่รู้ควรไปต่อหรือพอแค่นี้
ชีวิตในมหาลัยสำหรับฉัน เหมือนตกนรกทั้งเป็น
นรกที่ 1 คือการที่ฉันเลือกเรียนสาขาที่ตัวเองไม่ชอบที่สุด
เพียงเพราะไม่อยากไปวิ่งสอบ และเป็นมหาลัยใกล้บ้าน
แต่ไม่เป็นไร ฉันสามารถเรียนมันได้
นรกที่ 2 คือการอยู่ที่ๆ มันไม่ใช่ที่ของฉัน
เพราะฉันเป็นคนชอบแต่งตัวเยอะ แต่งหน้าเยอะ ติดอนิเมะ
แต่ที่นี่ไม่ใช่!!! ฉันเลยตัดสินใจพักการเรียน ปี 1 เทอม 2 (พัก 1 เทอม)
แล้วฉันก็กลับมาเรียน เพราะฉันเชื่อว่าฉันเก่ง สามารถปรับตัวได้
นรกที่ 3 คือการเสียตัวครั้งแรกของฉัน มันเกิดจากความเมา
จนทำให้ฉันโดนเพื่อนในสาขาหิ้วไปแบบไม่รู้ตัว นี่มันเป็นนรกจริง
มันเป็นความผิดพลาดของฉัน ฉันพยายามลืมมันไป
แต่เรื่องของฉันมันกลับแพร่กระจายไปในกลุ่มผู้ชาย (ซึ่งสาขาฉันผู้ชายเยอะมาก)
เพื่อนผู้ชายหลายคนจึงพยายามเข้ามาคุกคาม ทั้งคำพูด สายตา และการกระทำ
รวมทั้งเอาไปเล่าต่อรุ่นน้อง ใครๆก็คิดว่าฉันง่าย
แต่นั่นไม่เท่าไหร่ หนักสุดคือ มีคนนึงพยายามมาเคาะห้อง
คุกคามฉันทุกคืน จนทำให้ผลการเรียนฉันตกต่ำ
จนฉันทำร้ายตัวเอง และพยายามฆ่าตัวตาย
ฉันเลยตัดสินใจพักการเรียนอีกครั้ง (พัก 1เทอม)
นรกที่ 4 ฉันกลับมาเรียนอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันจะทำให้ดีที่สุด
การกลับมาเรียนครั้งนี้ ฉันได้เจออาจารย์ผู้ชายที่พึ่งมาใหม่
เขาเข้ามาคุยกับฉัน เรา 2 คนสนิทกันเร็วมาก
เพราะเขาเป็นลูกชายของคุณครูที่คอยช่วยเหลือฉันสมัยมัธยม
ฉันไปช่วยเขาทำงานในห้องหลายต่อหลายครั้ง
เขาแตะเนื้อต้องตัวฉัน ฉันคิดว่ามันก็ปกติ
เพราะฉันไม่ได้อยู่กับเขาแค่ 2 ต่อ 2 มีอาจารย์ท่านอื่นอยู่ด้วย
แต่มีวันนึงเขาเรียกให้ฉันไปช่วยงาน ฉันก็ไปตามปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ คือ ไม่มีอาจารย์ท่านอื่นอยู่ด้วย ฉันก็ไม่เอะใจอะไร
ก็ช่วยทำงานตามปกติ แล้วอยู่ดีๆ เขาก็เข้ามาใกล้ๆ
พยายามกอด พยายามหอมแก้ม เข้ามาคุกคามฉัน
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ปวดหัวใจ เหมือนตายทั้งเป็น เพราะเป็นครั้งที่ฉันรู้สึกตัว
เวลาฉันดูหนังฉัน ฉันเคยสงสัยว่าทำไมผู้หญิงที่เจอเรื่องแบบนี้
ทำไมพวกเธอไม่ผลักออกไป พอเจอกับตัวมันทำให้รู้ว่า
ต่อให้ผู้หญิงจะแข็งแรงแค่ไหน ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้อยู่ดี
แต่ฉันก็พยายามดิ้นสุดแรง จนออกมาได้ โดยที่ไม่โดนอะไรไปมากกว่านี้
แต่ฉันก็หวาดกลัวเกินกว่าที่จะเข้าเรียน
เรื่องนี้เกิดตอน ปี 3 เทอม 1 มันอีกแค่นิดเดียว จะจบเทอมแล้ว
แต่ฉันก็ไม่ยอมเข้าเรียน จนเกรดออกมาว่าฉันติด F เกือบทุกวิชาที่เรียนเทอมนี้
เกรดส่งไปถึงบ้าน แบบที่แม่ไม่รู้ว่าฉันไม่ได้เข้าเรียน เลยตำหนิฉันหนักมาก
ฉันเครียด ฉันเหนื่อย ฉันเลยพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง
แต่มันก็ไม่สำเร็จ..
ฉันเป็นมนุษย์เงียบ เวลาฉันมีปัญหาอะไร ก็ไม่เคยเล่าให้คนรอบข้างฟัง
พอพยายามฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ ฉันก็กลับมาเรียน ยิ้มแย้ม
ใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอกลับมาเรียนอีกครั้ง อาจารย์คนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว
แต่ฉันก็กลัว และหวาดระแวงตลอดเวลา
ถึงภายนอกฉันจะแสดงออกว่าไม่เป็นอะไร
แต่ฉันก็นอนร้องไห้ทุกคืน ใช้ของมีคมกรีดทั่วร่างกาย
นอนคิดถึงแต่ความตายทุกวัน คิดว่าพรุ่งนี้จะตายยังไง
เวลาที่ผู้ชายมาโดนตัว ฉันก็สั่นไปทั้งตัว แน่นหน้าอก
ทุกครั้งที่ต้องออกไปเจอผู้คน มันเหนื่อยที่สุด ที่ต้องออกไปฝืนยิ้ม
แล้วกลับมานอนจมน้ำตา
เหมือนนจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น
ถ้าถามว่าฉันได้ไปหาหมอมั้ย?
ฉันเคยไปหาหมอก่อนที่ฉันจะพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรก
แต่เพื่อนในกลุ่มฉันตอนนั้น บอกว่า
'ไม่ต้องไปหรอก จะไปทำไม แกไม่ได้บ้า แกแค่เครียด แล้วก็แค่คิดสั้น'
ฉันเลยเลิกไปหาหมอ และเพื่อนก็พาฉันไปทำกิจกรรมนู่นั่นนี่
จนกระทั่งฉันทำร้ายตัวเองหนักขึ้นทุกวัน
เพื่อนในกลุ่มก็ตัดสินใจลอยแพฉัน แล้วบอกว่ากลัว
จนตอนนี้มีเพื่อนคนนึงมาเล่นกับฉัน เพราะฉันคอยช่วยเหลือเขา
แต่ฉันก็ไม่กล้าเล่าปัญหาตัวเอง หรือพูดเรื่องแย่ๆให้เพื่อนได้ยิน
ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ แต่เพราะกลัวโดนทิ้ง
แถมฉันก็กลัวการไปหาหมอ
เพราะฉันจำได้ว่าตอนนั้นมีแต่คนพยายามบอกว่าฉัน ปกติ
---> สิ่งที่แย่ที่สุดของการป่วยทางจิตก็คือ ผู้คนคาดหวังให้คุณทำเหมือนไม่ได้ป่วย - Joker <---
ที่จริงฉันตั้งใจจะมาปรึกษาปัญหาเรื่องการเรียนในอนาคต
เพราะฉันรถชนจนต้องเข้าเฝือก จึงไม่สามารถไปเรียนได้ แล้วอีกหลายๆอย่าง
แต่เอาไว้กระทู้หน้าล่ะกัน
ไม่ได้ตั้งใจมาระบายปัญหาเรื่องนี้
แต่ฉันรู้สึกเหนื่อยจริงๆ เวลาอาจารย์ถามว่า เธอมีปัญหาอะไรนักหนา
ความรู้สึกมันจุกอยู่ที่คอ
ฉันเกลียดตัวเองที่กลัว และระแวงทุกคน
เกลียดตัวเองที่ไม่กล้าพอจะขอความช่วยเหลือจากใครได้
เกลียดเวลาเป็นมนุษย์เงียบ ไม่กล้าปรึกษาใคร
ถ้าใครที่ผ่านมาอ่านจนจบ
แล้วรู้สึกขัดใจ จนอยากจะตำหนิด้วยคำพูดแรงๆ ขอให้เก็บไว้ก่อนนะ
แค่ในชีวิตจริงเราเจอคำพูดแรงๆ จนเป็นเหตุให้เราไม่กล้าปรึกษาใครแล้ว
แล้วใครที่จะบอกให้คิดถึงครอบครัว เพราะคิดถึงครอบครัว ถึงได้ยังทนอยู่
กระทู้นี้เราแค่อยากระบายทุกคำพูดที่มันจุกอยู่ในอกของเรา