เราป่วยเป็นซึมเศร้า อาการมาหนัก ในตอนที่แม่แฟนป่วยหนักเหมือนกัน คิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรต่อค่ะ

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากแอบอยู่ในมุมของหลายๆห้องในพันทิปมานานค่ะ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ 🙏🏻
เรื่องมีอยู่ว่า เราป่วยเป็นซึมเศร้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยค่ะ รวมเวลาตอนนี้น่าจะประมาณ 5 ปีได้ ด้วยเหตุการณ์ในชีวิตต่างๆ จนถึงวันนี้เรากล้าพูดว่าเราดีขึ้นกว่าตอนปีแรกๆมาก แต่ยังไกลจากคำว่าเข้มแข็งอยู่ดีค่ะ
เรื่องที่เราอยากจะมาปรึกษาทุกคนวันนี้ คือเราไม่รู้จะรวบเป็นคำถามให้มันสั้นๆว่ายังไง เพราะในขณะที่พิมพ์อยู่นี้ภายในความคิดจิตใจเราสับสนเหมือนมีพายุทอนาโดเป็นสิบๆลูกตีกันอยู่เลยค่ะ จึงจะขออนุญาตเล่าเริ่มจากตอนที่จากกราฟชีวิตที่เหมือนจะดีมันเริ่มดิ่งลงอีกครั้งค่ะ
เรากับแฟนเจอกันสมัยเราเริ่มเป็นซึมเศร้าปีแรกๆค่ะ กล้าพูดได้ว่า 50% ที่เราดีขึ้นได้ เพราะมีเค้ามาคอยดูแลเราตอนป่วยค่ะ (ตอนนั้นจขกท.เรียนและพักอยู่คนเดียวที่ต่างจังหวัดค่ะ) เลยทำให้เรายึดเอาเค้าเป็นหลักของจิตใจไปโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ เรื่องมันเหมือนจะดีมาตลอดค่ะ แต่มาสะดุดตรงที่เราจับได้ว่าเค้านอกใจ ตอนต้นปีที่ผ่านมาค่ะ
ในวันนั้น 1.เราจับได้ว่าเค้าคุยกับคนอื่น 2. คนที่จับได้ เราเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่คนแรก ที่เค้าแอบคุยแต่เป็นคนที่ 4-5 แล้ว3.เค้าโกหกเรา แอบไปเที่ยวกินเหล้า สูบบุหรี่ เป็นประจำค่ะในตลอด 3 ปีที่คบกันมาค่ะ(เราค่อนข้างซีเรียสเรื่องความซื่อสัตย์ค่ะ) 3 ข้อที่กล่าวมา ดันมาเฉลยในวันนั้นวันเดียวค่ะ เราแทบจะล้มทั้งยืน แต่ดีที่เรายังมีครอบครัวช่วยให้กำลังใจค่ะ จนสุดท้าย เราหักลบกับสิ่งดีๆที่เค้าเคยทำ จนยอมให้โอกาสเค้าอีกครั้งค่ะ แต่อย่างที่ทุกคนรู้ค่ะ ความเชื่อใจเสียไปแล้ว มันกลับคืนอยากค่ะ เรากลายเป็นคนที่ระแวงตลอดเวลา คำพูดที่เค้าเคยคุยกับคนอื่น มันวนซ้ำในหัวเราไม่หยุด เราไม่ได้อยากคิดค่ะ แต่มันคิดขึ้นมาเอง และมันหยุดไม่ได้ เราเริ่มทำงานไม่ไหว ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ค่ะ อยู่ดีๆก็ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่นั้นมันแค่ระรอกแรกค่ะ จากนั้นไม่นาน ผลตรวจของแม่แฟนออกมาว่า เป็นมะเร็งค่ะ ด้วยความที่พี่สาวเราเป็นหมอ จึงพูดกับเราตรงๆเลยว่า เป็นระยะสุดท้ายและคงอยู่ได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้แฟนเรามีเรื่องทุกข์ใจมากค่ะ เค้าเคยหันมาบอกเราว่า ถึงเวลาที่เราต้องเป็นหลักให้เค้าแล้ว เราพูดตามตรงเลยค่ะ ว่าสิ่งแรกที่ผุดมาในใจของเราเลยคือ แม้แต่ตัวเราเองยังเอาตัวเองไม่ไหว เราจะเป็นหลักให้เค้าไหวจริงๆใช่มั้ย ?
จากนั้น เราต้องย้ายกลับมาที่บ้าน เพื่อดูแลแม่เรา และแม่เค้าที่ไม่สบายค่ะ ทำให้เราต้องเปลี่ยนหมอ(ก่อนหน้านี้เคยเปลี่ยนมาแล้ว) การเปลี่ยนหมอ คือการเปลี่ยนยาด้วยค่ะ คุณหมอทุกคนจะมีสไตล์ในการรักษาที่ต่างกัน (กล้าพูดเรื่องเปลี่ยนยา เพราะเวลาที่เปลี่ยนหมอทุกครั้ง ยาก็เปลี่ยนทุกครั้งค่ะ) แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คิด ยาที่ได้มามีผลต่อร่างกายเรามากเกินไปค่ะ เราเสียการควบคุมอารมณ์ไปอย่างสมบูรณ์แบบ เราโมโห เสียงดังใส่คนรอบข้าง ในแบบที่เราควมคุมไม่ได้ค่ะ เรามีสติรู้ว่าเราพูดอะไร ใจเรารู้ว่าอย่าทำ แต่ร่างกายมันไม่ยอมทำตามค่ะ เราเริ่มร้องไห้ และความคิดฆ่าตัวตายเริ่มวนกลับมา ช่วงแรกร่างการเราเพลียมากเอาแต่นอนติดกันหลายวันจนต้องกลับไปพบหมอเพื่อนขอเปลี่ยนยาค่ะ แต่หมอบอกเราว่า สิ่งที่เราเป็นเกิดขึ้นได้ ในช่วงการเปลี่ยนยาค่ะ
ในช่วงที่เราต่อสู้กับการเปลี่ยนยา เราทะเลาะกับแฟนไปด้วยค่ะ เพราะแฟนเราไม่มีเวลาคุยกับเราเลยสักวัน ไปดื่มกินกับที่ทำงานตลอด พ่วงกับเราไปเจอแชทที่ผู้หญิงทักมาคุยค่ะ หลังจากช่วงเวลานั้น เราตัดสินใจจะกลับมารักษากับหมอคนเดิม แต่เป็นทางไกลไปก่อนค่ะ เพราะเราและครอบครัวเห็นตรงกันว่าร่างกายและจิตใจเราต่อสู้กับช่วงการเปลี่ยนยาครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ จากนั้นพอเราเริ่มควบคุมอารมณ์ได้เราก็รีบโทรหาแฟนเลยค่ะ เราคุยกันแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ เราเลยพยายามจะเคลีย แต่แฟนก็พยายามเลี่ยงไม่พูดเรื่องที่ทะเลาะค่ะ จนมาถึงจุดนี้ ความระแวงปนน้อยใจเริ่มกัดกินเราค่ะ แม้ว่าเราจะพอจะควบคุมอารมณ์ได้บ้าง แต่มันน่าจะแค่ 10% ค่ะ เรายังอยู่ในลูปของการคิดวนเรื่องแย่ๆในชีวิต ร้องไห้ อยากตายบ้าง ไม่หยุด แต่พอคิดว่าแฟนมีเรื่องแม่ที่ใหญ่กว่าเราเลยไม่รู้จะทำยังไงค่ะ จะไปดาวน์ใส่แฟนก็ไม่ได้ แต่จะให้เราเป็นคนที่คอยเคียงข้างเค้าเวลานี้ เราบอกตรงๆว่า ตัวเรายังเอาไม่รอดเลยค่ะ ตอนนี้เลยสับสนมากว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเราทิ้งแฟนมาฮีลตัวเองตอนนี้มันจะแย่เกินไปมั้ยคะ
ขอโทษที่กระทู้นี้ยาวมากค่ะ เพราะเราอัดอั้นตันใจมากจริงๆ อาจดูเหมือนมาระบายมากกว่าถาม ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่