ขอเเชร์ประสบการณ์emergency ณ โรงพยาบาลเเห่งนึงในแดนจิงโจ้

กระทู้สนทนา
#ขอเเชร์ประสบการณ์emergency ณ โรงพยาบาลเเห่งนึงในแดนจิงโจ้ (ภาค1) อยากให้เเชร์ไปให้ถึงคนที่คิดว่าเมืองนอกดีทุกอย่าง จะได้มีมุมมองใหม่ๆบ้าง
หลังจากเมื่อวานมีรุ่นน้องคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าไปโรงพยาบาลรัฐบาลเเห่งนึงในไทย ทั้งๆที่เป็นฉุกเฉินเเต่รอนานมากเกือบชั่วโมง ยังไม่จบนางบอกว่า กว่าหมอจะมารอจนจะตาย ถามว่านานเท่าไร นางบอกครึ่งชม เเล้วยังบอกอีกว่า ดูสิเมืองไทยยิ้มเเย่ บริการเฮงซวย ไม่เหมือนเมืองนอกเค้าไม่ให้คนไข้รอนานเเบบนี้หรอก หึ !!! กูอยากถามคำเดียวเคยไปรักษาฉุกเฉินที่เมืองนอกสิน่ะ พูดได้ขนาดนี้ นางเงียบ “บอกไม่เคย” เดี๋ยวดิชั้นจะเล่าให้ฟัง เผื่อครั้งหน้าพูดอะไรจะคิดได้มากกว่านี้   
ณ เเดนจิงโจ้เเต่ไม่เคยเจอจิงโจ้
วันนั้นเป็นวันที่ดันไปกินบุฟเฟต์เปิดใหม่ที่โรงเเรมสุดหรูชื่อดังในเมือง จัดเต็มเเบบสุดๆตอนบ่ายโมง หลังจากผ่านไป4ชม รู้สึกว่าเกิดอะไรแปลกๆคือท้องใหญ่มาก ใหญ่เป็นลูกบอลเลย ก้ยังไม่คิดไรนึกว่าท้องอึด ก้ยังทนไปเรื่อยๆจนถึง6โมง ไม่ไหวล่ะนั่งก้อ้วก นอนก้อ้วก ยืนยังอ้วก เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล
อย่างที่เข้าใจกัน พลเมืองรักษาฟรี ใช่ตามนั้นเลย เเต่ถ้าจะรอฉุกเฉินต่อให้เเกจะตายก้ต้องรอ นอกซ่ะจากมากับรถพยาบาล ซึ่งต้องจ่าย $400 ถ้าไม่ฉุกเฉินจริง   (เคยเกิดเหตุการณ์ตกจากที่สูงหัวโนเเบบไม่มีสติเเล้วเเต่ยังหายใจ ถามยังตอบได้ ยังนั่งรออยู่3ชม.)
วันนั้นไปตอน6โมง คิดว่าไม่ไหวจริงๆล่ะ ปวดท้องหนักมาก ไปถึงก้ไปที่เค้าท์เตอร์รอเรียก รออยู่2ชั่วโมงกว่าจะเรียก ก้ไม่เป็นไรเข้าใจได้ พอเรียกถามอาการ ตรวจความดัน บอกโอเคออกไปรอข้างนอกน่ะค่ะ เราก็บอกว่าคือไม่ไหวจริงๆขออย่างน้อยยาเเก้ปวดก็ยังดี คือกินมาจากบ้านเเล้วไม่ได้ผล พยาบาลตอบ “ไม่ได้ค่ะ ต้องรอหมอจ่าย” ไล่กูออกไปนั่งข้างนอก จำได้ว่ามีป้าคนนีงเป็นญาติคนไข้เดินมาถามหนูไหวมั้ย หน้าซีดมาก อีนี่ด้วยความโมโหอยู่ก็บอก “ถ้าเค้าไล่หนูออกมาขนาดนี้ก็ต้องไหวเเหล่ะค่ะ” นางก็เดินไปบอกพยาบาล คนนี้ไม่ไหวเเล้ว พยาบาลก็เฉย รออยู่อีก2ชั่วโมง ห้าทุ่มกว่าล่ะ ยังไม่เรียก ตัดสินใจไม่เอาล่ะ ไม่รอ ลองกลับไปกินอีโน กินเเก้ปวด กินเเทบทุกอย่างที่คิดว่าจะช่วยได้ ปรากฎไม่มีตัวไหนออกฤทธิ์เลย ทรมานมากกเเบบจะตาย รู้เลยว่ามันใกล้เเล้ว มันไม่ไหว เเต่ก้พยายามฝืน มองว่าเมื่อท้องมันย่อยคงจะดีขึ้น
จนถึงตี4กูไม่ไหวเเล้ว ทำอะไรไม่ได้ คลานออกจากห้อง ลากสังขารเดินไปโรงพยาบาล (พอดีโรงพยาบาลใกล้บ้าน ประมาน 5นาทีไม่เกิน) ไปถึงเริ่มใหม่หมด ไม่มีประวัติเก็บไว้ทั้งๆที่ผ่านมายังไม่ถึง5ชั่วโมงเลย เป็นไปได้ไง     ไม่เป็นไร ก็รอ ชั่วโมงครึ่งถึงเรียกไปถาม อาการเป็นไง นี่โมโหสุดติ่งมากเเล้ว “บอกกูจะตายเเล้ว พยาบาลคนก่อนถามไปรอบนึงเเล้วจะถามอีกกี่รอบ” อ่อ โอเคนางหาเจอ   ความดันยังปกติน่ะค่ะ 95/53 คิดในใจความดันมันต้อง100กว่าไม่ใช่หรอว่ะ เเต่ด่าไม่ออกล่ะ มันจุกจนไม่ไหวที่จะเถียง
เดี๋ยวออกไปรอข้างนอกน่ะค่ะ คำนั้นคำเดียว!!! เปลี่ยนทุกอย่าง จากใกล้ตาย ลุกขึ้นมาด่า
“จะบ้าหรอ เป็นพยาบาลจริงๆป่าว ความดันขนาดนี้ กูปวดจะตายขนาดนี้ คิด คิดหน่อย”
การเเผลงฤทธิ์ในครั้งนั้นดูจะได้ความสนใจอยู่ หัวหน้าพยาบาลเดินมา คนไข้ความดันต่ำเรียกหมอเลย หมอมาทันทีโดนจับฉีดมอร์ฟีนทันที จับลากตัวขึ้นเตียง พร้อมกับยาเป็นขบวน พยาบาลคนนั้นหน้าเสียเลย อีนี่ก้ไม่ไหวเเล้วเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะด่านางคงไม่มีวันนี้  
ผ่านไปครึ่งชม.หมอหายไปอีกล่ะ เเต่เข้าใจ หมอมีอยู่ไม่กี่คน หมอคงดูเเลคนไข้เยอะมาก ก็นั่งรอ พยาบาลก็มาถามดีขึ้นไหม เราบอกไม่เลย ไม่มียาเเก้ปวดไหนออกฤทธิ์เลย ความดันตกลงไปอีก ให้มอร์ฟีนเพิ่มจนเราคือน็อคอ่า หน้ามึดไปหมด มึนเเบบบ้านหมุนรอบตัวเอง ไม่ไหวเเล้ว นอนก็ไม่ได้นั่งทั้งวันทั้งคืน นี่ยังไม่รวมจะเก็บอึ เก็บฉี่ คือ ณ เวลานั้นคือร่างกายไม่ทำงาน ไม่ฉี่ไม่อึเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร
หลังจากตี4-ประมาน3โมงเย็นของอีกวัน เเละดิฉันนั้นยังนั่งอยู่ในเตียงที่เดิม โดยที่ทุก4ชม.พยาบาลจะมาฉีดมอร์ฟีนพร้อมกับหมอที่ยืนงง รวมทั้งยังคะยั้นคะยอให้ฉี่เเละอึ จนความดันตกไปมากจนเครื่องร้อง เหลือประมาน 70กว่าๆ คราวนี้จำได้คร่าวๆว่าพยาบาลเต็มเตียง เเล้วก้จำอะไรไม่ได้อีกเเล้ว รู้ว่าตื่นมาอีกทีตอน6โมง คนที่เรียกตัวเองว่า surgeon มาบอกว่า เราไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไร เราต้องการให้คุณทำ ct scan คุณต้องกินน้ำอะไรสักอย่างที่มันสีเหลืองๆ3เเก้ว ห่างกันครึ่งชม อีนี่คือไม่ไหวเเล้วจริงๆ ตื่นมาคือปวดเเบบตายอ่า ลงไปนั่งข้างเตียงเเล้วนั่งบนเตียงไม่ได้เเล้ว เเล้วท้องเเน่นขนาดนั้นยังต้องยัดน้ำไป3เเก้ว มันไม่มีวิธีอื่นหรอว่ะ ช่างยิ้มงง ก็ต้องยอม
ครบ3เเก้ว พยาบาลบอกเดี๋ยวจะมีคนมาเข็นเตียงจะพาไปct scan ผ่านไป3ชม มันเพิ่งมา     เเล้วก้ไปทำ จำได้ว่าct scan ต้องนอนทำ หายใจเข้า หายใจออกอะไรสักอย่าง อีนี่อ้วกกระจายเลยจ้าาา เพราะนอนไม่ได้ เอนอะไรไม่ได้เลย เเต่ก้ผ่านไป ไปเช็ดอ้วกกันเองล่ะกัน ขอโทษจริงๆ ขนาดบอกไปแล้วว่านอนไม่ได้  
ผ่านไปอีก2ชม surgeon คนดีกลับมาพร้อมกับบอกว่า กระเพาะใหญ่มากเลย เหมือนลูกบอล สันนิษฐานว่ามีอะไรไปดักระหว่างกระเพาะกับลำไส้ คุณรู้ไหมอะไรทำให้เกิดยังงั้น ? อีนี่ก็งงคือคุณถามชั้นหรอ คุณเป็นหมอน่ะ นางก็ตอบคือเค้ามองไม่เห็นเค้าไม่รู้ ร่างกายคุณคุณน่าจะพอรู้ งงไปอีกจ้าาาา ชั้นบอกชั้นไม่รู้ ถ้าชั้นรู้ชั้นคงไม่มาหาหมอ ชั้นคงซ่อมเองไปแล้วเเหล่ะ รอจะ24ชม.เเล้ว ทรมานเเค่ไหมคุณน่าจะพอรู้ นางตอบ ผมรู้ท้องคุณใหญ่มาก มีความเสี่ยงที่น้ำจะท่วมปอดสูงมากๆ อีนี่คือปรี๊ดมากเเล้วเอาจริงงงงงงงงงงงง ไม่ช่วยยังพูดให้กลัวอีกโว้ยยยยย
นางก้เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวจะใส่สายยางลงไปในจมูกดูดน้ำออก เดี๋ยวผมให้พยาบาลทำเดี๋ยวนี้เลย ผ่านไปอีก3ชั่วโมง พยาบาลเดินมาบอก “พอดีชั้นต้องการให้น้องฝึกงานที่กำลังเก็บชั่วโมงงานได้ทำในส่วนนี้ เค้าจะได้มีชั่วโมงครบ คุณไม่รังเกียจใช่มั้ย ถือว่าสงสารเด็ก” ได้ ทำเดี๋ยวนี้ได้ไหมล่ะ รอมานานล่ะ หมอบอกให้ทำเลย “พอดีน้องเค้าไปกินข้าวอยู่ เป็นช่วงพักเบรกของน้องเค้าพอดี” ปาดดดดดดดดด กู ไ ม่ ไ ห ว เเ ล้ ว ด่ากระจายอีกรอบจนฉุกเฉินเเทบเเตก จนsurgeonมาอีกรอบยังไม่ได้ทำ นางก็คุยกับพยาบาลรอไม่ได้เเล้ว เค้าน้ำจะท่วมปอดอยู่เเล้ว อันนี้urgent สุดท้ายนางก็มาพร้อมท่อ นางพยาบาลเด็ก   กู เหนื่อย มาก
ยังไม่จบ กว่าท่อจะได้เข้าคอ นี่ปาไปอีกเกือบ2ชม.ยังต้องไปเอ็กซเรย์อีกว่าท่อที่เเทงลงไปนั้น ลงไปที่กระเพาะถูกต่ำเเหน่งใช่มั้ย ปรากฎว่าจะ ไม่ถูกตำเเหน่ง ไม่ลึกพอ กลับไปเริ่มใหม่ ท่อขนาดเล็กไป เริ่มใหม่หมด      
เดี๋ยวมาต่อ ภาค2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่