“คุณเลือกเอา ว่าจะยืนทางฝั่งของผู้ที่ถือปืนเหนี่ยวไก หรือจะเดินสวนทางปืน” คำพูดทิ้งท้ายของสมุนผู้มีอิทธิพลในอำเภอกล่าวไว้ ก่อนเดินส่ายอาดๆออกไปจากบ้านพักเขา พร้อมด้วยผู้ติดตามหน้าเหี้ยมเกรี้ยมสามคน ในเอวของทุกคนมีวัตถุสีดำมะเมื่อมเหน็บไว้ โดยจงใจไม่ปกปิดให้มิดชิดอย่างท้าทาย
ปลัด”รถพล” นั่งจมกับความคิดบนเก้าอี้ในห้องโถงอยู่สักพัก หลังจากแขกผู้ไม่ได้รับเชิญมาส่งข้อความกึ่งขู่ได้จากไป ถ้าพวกนั้นมีตาทิพย์ที่มองเห็นได้ คงจะรับรู้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คาดหวังอย่างสิ้นเชิง
จะพบว่าชายวัยสี่สิบปีเศษคนนี้ ผู้รับราชการมาเกือบค่อนชีวิต แทนที่จะมีแววตาวิตกหวาดกลัวตามเกมที่พวกมันกำหนด อยู่ๆกลับมีเปลวไฟแห่งพลังประทุขึ้นมา ทั้งๆที่มันมอดสงบมานานแล้ว
เขาเดินไปหยิบเหล้าต้มที่ภารโรงประจำกรมแอบมาซุกไว้ เมื่อก่อนเขาทำเป็นเอาหูไปนาเอาไร่เสีย แต่คืนนี้เขาต้องการมันเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ผิดกฎหมายบนปฐพีนี้ ก็ไม่เห็นสำคัญแต่อย่างใด
ทำไมต้องสน อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะย้ายโฉนดไปลิ้มรสเมรัยในอเวจีแทนอยู่แล้ว
แก้วไม่ต้องมี รินใส่ปากมันอักๆอย่างนี้แหละ เทเผื่อลงบนโต๊ะเรียกให้วิญญาณนายจิต ภารโรงผู้จงรักภักดีต่อความถูกต้องจนตัวตายมาร่วมสังสรรค์
“นายจิต” ปลัดรถพลรำพึงถึงมิตรผู้ยากร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ที่มาด่วนชิงตายไปเสียก่อน “ไม่ต้องห่วง ฉันนี่แหละจะขวางทางปืนเอง ต่อให้ร่างพรุนด้วยรูกระสุน ก็จะขอยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย ไม่ให้กระสุนของคนชั่วช้าตกไปโดนร่างของชาวบ้านที่ทุกข์เข็ญ”
ย้อนกลับไป
“รถพล”ตอนเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปี รูปหล่อเสียจนสาวๆที่เดินผ่านต้องเหลียวหลัง ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ รวมถึงสาวแก่แม่หม้าย เพียงแต่เขาไม่เคยใช้รูปสมบัติตัวเองให้เกิดประโยชน์ มิวายว่าใครต่อใครจะจะเหน็บแนมว่าเกิดมาหล่อเสียชาติเปล่าๆ
เขามีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และศรัทธาที่เปี่ยมล้นจะรับใช้ประชาชน จึงมุ่งเรียนทางนิติศาสตร์และการปกครองมาโดยตลอด จนสอบผ่านกพ ได้รับบรรจุเป็นปลัดจังหวัด
ปลัดใหม่ไฟแรงนั่งไม่ติดเก้าอี้ในกรมเลย ออกท้องที่ตรวจตราตำบลหมู่บ้านต่างๆสม่ำเสมอคอยประสานงานช่วยดูแลความเดือนร้อนของชาวบ้าน
มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องขาดน้ำ ขนาดว่ายังห่างจากหน้าแล้งอีกตั้งสามสี่เดือน อย่าว่าแต่หล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรเลย แม้จะอาบดื่มกินยังไม่พอ
นายอำเภอรับหนังสือยื่นร้องเสียบใส่ลิ้นชักหน้าตาเฉย แล้วพูดกับรถพลราวกับเป็นความผิดของดินฟ้าอากาศตามปกติ
“ปีนี้ฝนมันแล้งแล้วไม่ตกตามฤดู เดือดร้อนกันถ้วนหน้าแหละ ตำบลเล็กๆอย่างนั้นให้เขารอไปก่อน มาใส่ใจตำบลใหญ่ๆดีกว่า เรื่องเปลื่ยนถนนลูกรังให้เป็นราดยาง รถราจะได้เข้าสะดวก บริษัทต่างชาติจะได้มาตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้ อัตราการจ้างงานสูงขึ้น ไม่ดีกว่าหรือคุณ”
ปลัดหนุ่มตกอยู่ในสภาวะพูดไม่ออกไปพักใหญ่ ไม่ต้องสงสัยว่าใครมีเอี่ยว หรือพรรคพวกใครได้รับสิทธิ์ในการประมูล ถ้ามีการเปิดให้นายทุนเข้ามาตั้งโรงงาน
ในเมื่อพึ่งระบบราชการไม่ได้ ชายหนุ่มก็ดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเองนอกเวลางาน เขาลงพื้นที่คุยกับผู้ใหญ่บ้าน ลงทุนตรวจหาตาน้ำจากความรู้พิเศษที่ได้ร่ำเรียนมาด้วยตนเอง จากนั้นระดมพลลูกบ้านมาขุดบ่อ
พอขุดบ่อสำเร็จเสร็จสิ้น รถพลก็วางแผนขุดลอกหนองคูที่ตื้นเขินต่อทันทีโดยไม่รีรอ
ชาวบ้านช่วยกันอย่างขมีขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นปลัดหนุ่มถอดเสื้อออก ถลกขา
กางเกงสูงลงไปช่วยอย่างไม่ถือตัว ยืนจมบนโคลนเลนสีคล้ำอย่างไม่รังเกียจ อาบเหงื่อต่างน้ำร่วมกับทุกคน
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อบนใบหน้า สีโคลนที่แปดเปื้อนยังไม่อาจกลบเกลื่อนความหล่อเหลาได้
มือเรียวผิวเหลืองนวลยื่นขันเงินใส่น้ำลอยดอกมะลิให้ ชายหนุ่มรับมาโดยไม่คิดอะไรในตอนแรก แต่พอมองไล่ท่อนแขนงามไปยังใบหน้าอันงามแฉล้มนั้น จนได้สบตากัน
ปลัดรถพลผู้ไม่เคยวอกแวกให้ความรักมาก่อน รู้สึกอ่อนยวบไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เจ้าของใบหน้าผู้เป็นหญิงสาวสีปลั่งสดใสขึ้นทันที คนบ้าอะไรส่งน้ำให้ ก็เอาแต่จ้องไม่วางตา ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อนเลย ดวงตาคมเข้มนั้นมองเสียจนใจเต้นรัว
หล่อนหลบสายตาเสีย ส่งขันในมือให้โดยไม่มองหน้า
“กินน้ำเย็นเสียก่อนพี่ชาย อากาศร้อน ทำงานมาเหนื่อยๆ”
ชายหนุ่มรับขันมา สายตายังไม่ลดละจากวงหน้า แต่แล้วก็รู้ตัวว่าเสียมารยาท รีบยกน้ำขึ้นดื่มจนสำลัก หญิงสาวชาวบ้านลืมตัวเตือนขึ้นอย่างเป็นห่วง
“โธ่พี่ชาย ค่อยๆดื่มสิจ้ะ”
พอรู้ตัวว่าเผลอก็ก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย ชายหนุ่มพอไอในลำคอสองสามครั้งสะดวกแล้ว ก็พูดในสิ่งที่ผูกมัดจิตใจตนเองมาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
“ได้กินน้ำเย็นชื่นใจอย่างนี้ พี่มีแรงขุดจนตายเลย”
สาวน้อยค้อนควัก คว้าขันคืนมาจากมือชายหนุ่ม ส่งเสียงไม่พอใจ ทั้งๆที่ในใจปลาบปลื้มยิ่งนัก
“ถ้างั้นอย่าดื่มเลยพี่ ฉันยังไม่อยากให้พี่ตาย”
ชายสูงวัยหน้าตามีริ้วรอย ผิวเกรียมอย่างคนตากแดดมาชั่วนาตาปี เดินมาหยุดมองชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ชั่วครู่ แกจะคิดอะไรกับภาพที่เห็นนั้นไม่มีใครรู้ เพราะสีหน้าของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ย่อมไม่แสดงออกง่ายๆ
“เอ้า นางหนู เอาน้ำให้คุณปลัดท่านแล้ว ก็เอากับข้าวกับปลาที่เตรียมมาให้ท่านด้วยเสียเลย”
ทั้งคู่หันมามองพร้อมกัน เรียกขานชายชราคนละแบบ
“พ่อ”
“ลุงผู้ใหญ่”
มีต่อครับ
เลือดล้างทรชน (Furryjit)
ปลัด”รถพล” นั่งจมกับความคิดบนเก้าอี้ในห้องโถงอยู่สักพัก หลังจากแขกผู้ไม่ได้รับเชิญมาส่งข้อความกึ่งขู่ได้จากไป ถ้าพวกนั้นมีตาทิพย์ที่มองเห็นได้ คงจะรับรู้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คาดหวังอย่างสิ้นเชิง
จะพบว่าชายวัยสี่สิบปีเศษคนนี้ ผู้รับราชการมาเกือบค่อนชีวิต แทนที่จะมีแววตาวิตกหวาดกลัวตามเกมที่พวกมันกำหนด อยู่ๆกลับมีเปลวไฟแห่งพลังประทุขึ้นมา ทั้งๆที่มันมอดสงบมานานแล้ว
เขาเดินไปหยิบเหล้าต้มที่ภารโรงประจำกรมแอบมาซุกไว้ เมื่อก่อนเขาทำเป็นเอาหูไปนาเอาไร่เสีย แต่คืนนี้เขาต้องการมันเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ผิดกฎหมายบนปฐพีนี้ ก็ไม่เห็นสำคัญแต่อย่างใด
ทำไมต้องสน อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะย้ายโฉนดไปลิ้มรสเมรัยในอเวจีแทนอยู่แล้ว
แก้วไม่ต้องมี รินใส่ปากมันอักๆอย่างนี้แหละ เทเผื่อลงบนโต๊ะเรียกให้วิญญาณนายจิต ภารโรงผู้จงรักภักดีต่อความถูกต้องจนตัวตายมาร่วมสังสรรค์
“นายจิต” ปลัดรถพลรำพึงถึงมิตรผู้ยากร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ที่มาด่วนชิงตายไปเสียก่อน “ไม่ต้องห่วง ฉันนี่แหละจะขวางทางปืนเอง ต่อให้ร่างพรุนด้วยรูกระสุน ก็จะขอยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย ไม่ให้กระสุนของคนชั่วช้าตกไปโดนร่างของชาวบ้านที่ทุกข์เข็ญ”
ย้อนกลับไป
“รถพล”ตอนเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปี รูปหล่อเสียจนสาวๆที่เดินผ่านต้องเหลียวหลัง ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ รวมถึงสาวแก่แม่หม้าย เพียงแต่เขาไม่เคยใช้รูปสมบัติตัวเองให้เกิดประโยชน์ มิวายว่าใครต่อใครจะจะเหน็บแนมว่าเกิดมาหล่อเสียชาติเปล่าๆ
เขามีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และศรัทธาที่เปี่ยมล้นจะรับใช้ประชาชน จึงมุ่งเรียนทางนิติศาสตร์และการปกครองมาโดยตลอด จนสอบผ่านกพ ได้รับบรรจุเป็นปลัดจังหวัด
ปลัดใหม่ไฟแรงนั่งไม่ติดเก้าอี้ในกรมเลย ออกท้องที่ตรวจตราตำบลหมู่บ้านต่างๆสม่ำเสมอคอยประสานงานช่วยดูแลความเดือนร้อนของชาวบ้าน
มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องขาดน้ำ ขนาดว่ายังห่างจากหน้าแล้งอีกตั้งสามสี่เดือน อย่าว่าแต่หล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรเลย แม้จะอาบดื่มกินยังไม่พอ
นายอำเภอรับหนังสือยื่นร้องเสียบใส่ลิ้นชักหน้าตาเฉย แล้วพูดกับรถพลราวกับเป็นความผิดของดินฟ้าอากาศตามปกติ
“ปีนี้ฝนมันแล้งแล้วไม่ตกตามฤดู เดือดร้อนกันถ้วนหน้าแหละ ตำบลเล็กๆอย่างนั้นให้เขารอไปก่อน มาใส่ใจตำบลใหญ่ๆดีกว่า เรื่องเปลื่ยนถนนลูกรังให้เป็นราดยาง รถราจะได้เข้าสะดวก บริษัทต่างชาติจะได้มาตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้ อัตราการจ้างงานสูงขึ้น ไม่ดีกว่าหรือคุณ”
ปลัดหนุ่มตกอยู่ในสภาวะพูดไม่ออกไปพักใหญ่ ไม่ต้องสงสัยว่าใครมีเอี่ยว หรือพรรคพวกใครได้รับสิทธิ์ในการประมูล ถ้ามีการเปิดให้นายทุนเข้ามาตั้งโรงงาน
ในเมื่อพึ่งระบบราชการไม่ได้ ชายหนุ่มก็ดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเองนอกเวลางาน เขาลงพื้นที่คุยกับผู้ใหญ่บ้าน ลงทุนตรวจหาตาน้ำจากความรู้พิเศษที่ได้ร่ำเรียนมาด้วยตนเอง จากนั้นระดมพลลูกบ้านมาขุดบ่อ
พอขุดบ่อสำเร็จเสร็จสิ้น รถพลก็วางแผนขุดลอกหนองคูที่ตื้นเขินต่อทันทีโดยไม่รีรอ
ชาวบ้านช่วยกันอย่างขมีขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นปลัดหนุ่มถอดเสื้อออก ถลกขา
กางเกงสูงลงไปช่วยอย่างไม่ถือตัว ยืนจมบนโคลนเลนสีคล้ำอย่างไม่รังเกียจ อาบเหงื่อต่างน้ำร่วมกับทุกคน
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อบนใบหน้า สีโคลนที่แปดเปื้อนยังไม่อาจกลบเกลื่อนความหล่อเหลาได้
มือเรียวผิวเหลืองนวลยื่นขันเงินใส่น้ำลอยดอกมะลิให้ ชายหนุ่มรับมาโดยไม่คิดอะไรในตอนแรก แต่พอมองไล่ท่อนแขนงามไปยังใบหน้าอันงามแฉล้มนั้น จนได้สบตากัน
ปลัดรถพลผู้ไม่เคยวอกแวกให้ความรักมาก่อน รู้สึกอ่อนยวบไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เจ้าของใบหน้าผู้เป็นหญิงสาวสีปลั่งสดใสขึ้นทันที คนบ้าอะไรส่งน้ำให้ ก็เอาแต่จ้องไม่วางตา ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อนเลย ดวงตาคมเข้มนั้นมองเสียจนใจเต้นรัว
หล่อนหลบสายตาเสีย ส่งขันในมือให้โดยไม่มองหน้า
“กินน้ำเย็นเสียก่อนพี่ชาย อากาศร้อน ทำงานมาเหนื่อยๆ”
ชายหนุ่มรับขันมา สายตายังไม่ลดละจากวงหน้า แต่แล้วก็รู้ตัวว่าเสียมารยาท รีบยกน้ำขึ้นดื่มจนสำลัก หญิงสาวชาวบ้านลืมตัวเตือนขึ้นอย่างเป็นห่วง
“โธ่พี่ชาย ค่อยๆดื่มสิจ้ะ”
พอรู้ตัวว่าเผลอก็ก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย ชายหนุ่มพอไอในลำคอสองสามครั้งสะดวกแล้ว ก็พูดในสิ่งที่ผูกมัดจิตใจตนเองมาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
“ได้กินน้ำเย็นชื่นใจอย่างนี้ พี่มีแรงขุดจนตายเลย”
สาวน้อยค้อนควัก คว้าขันคืนมาจากมือชายหนุ่ม ส่งเสียงไม่พอใจ ทั้งๆที่ในใจปลาบปลื้มยิ่งนัก
“ถ้างั้นอย่าดื่มเลยพี่ ฉันยังไม่อยากให้พี่ตาย”
ชายสูงวัยหน้าตามีริ้วรอย ผิวเกรียมอย่างคนตากแดดมาชั่วนาตาปี เดินมาหยุดมองชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ชั่วครู่ แกจะคิดอะไรกับภาพที่เห็นนั้นไม่มีใครรู้ เพราะสีหน้าของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ย่อมไม่แสดงออกง่ายๆ
“เอ้า นางหนู เอาน้ำให้คุณปลัดท่านแล้ว ก็เอากับข้าวกับปลาที่เตรียมมาให้ท่านด้วยเสียเลย”
ทั้งคู่หันมามองพร้อมกัน เรียกขานชายชราคนละแบบ
“พ่อ”
“ลุงผู้ใหญ่”
มีต่อครับ