... พระไภษัชยคุรุตถาคต ( Medicine Bhudda) ....
..พระพุทธเจ้าแห่งอโรคภัย.... คนไทยเรียกพระกริ่ง หรือยูไลสีน้ำเงิน
https://www.youtube.com/watch?v=K-ZeWFHgmRo... (เปิดคลอฟังไประหว่างอ่านได้ครับ)
( สมัยก่อนเวลาเกิดโรคระบาด คนจะสวดบทพระสูตรของท่านหรือเอ่ยนามของท่านเนืองๆ ท่านจึงเป็นที่นิยมเป็น 3 พระยูไลศักดิสิทธิ์มหายาน ร่วมกับพระอมิตภพระพุทธเจ้า และพระศากยมุณีเจ้าหรือพระพุทธเจ้าโคดมของเรา คนไทยสร้างพระกริ่งเพื่อปกป้องคุ้มครองโรคภัยใข้เจ็บ )
...วันคล้ายวันพระพุทธสมภพของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๙ (ตามจันทรคติจีน) แต่หากเดือนใดมีเพียง ๒๙ วันก็ให้ถือเอาวันที่ ๒๙ แทน.
...เป็นพุทธเจ้าตามความเชื่อของพุทธมหายาน (จีน: 藥師佛/薬師; พินอิน: Yàoshīfó; ญี่ปุ่น: 薬師瑠璃光如来 โรมาจิ: Yakushi หรือ Yakushirurikō nyorai) เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกายมหายาน ไม่พบในฝ่ายเถรวาท พระนามของท่านหมายถึงพระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษาโรค ผู้มีรัศมีสีน้ำเงินดังไพลิน พระนามอื่นๆของท่านคือ พระไภษัชยคุรุตถาคต พระมหาแพทย์ราชาพุทธเจ้า พระมหาไภษัชยราชพุทธเจ้า เป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีนและชาวทิเบต เด่นเรื่อง "อโรภัย"
....พระไภษัชยคุรุตถาคต (คำว่า ตถาคตแปลว่า พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ตรงกับภาษาจีนว่า “หยูไล” ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งสำหรับเรียกขานพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ดังนั้นคำว่าตถาคต และพุทธเจ้าจึงมีความหมายเดียวกัน)
....ทรงมีพระนามเต็มว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต(藥師琉璃光如來) มีความหมายของพระนามดังนี้ว่า ไภษัชย(藥) แปลว่ายา,โอสถรักษาโรค คุรุ(師) แปลว่าครู,ผู้เชี่ยวชาญ ไวฑูรยประภา(琉璃光) แปลว่าแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ ซึ่งโดยรวมแล้วคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรคผู้มีแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ เช่นนี้ และพระองค์ยังทรงมีพระนามว่า มหาแพทยราชาพุทธเจ้า (大醫王佛) และ มหาไภษัชยราชพุทธเจ้า (大藥王佛)
....พระปฏิมาของพระองค์ทางจีนจะประสานหัตถ์ในท่าสมาธิและมีรัตนเจดีย์ ๗ ชั้นบ้าง ๙ ชั้นบ้างบนพระหัตถ์ ทางธิเบตจะวาดพระวรกายของพระองค์ให้มีสีน้ำเงินเข้ม(เหมือนไวฑูรย์) ทรงขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาทรงถือต้นยาสมุนไพรในลักษณะแบบพระหัตถ์ออกมาเบื้องหน้า(ทางจีนให้ถือเห็ดหลินจือ เพราะเชื่อว่าเป็นเห็ดอายุวัฒนะของเซียน) หงายวางบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายทรงบาตรบนพระเพลา ภายในบาตรบรรจุทิพยโอสถ ชื่อว่า “อคทะ” เป็นคำคุณศัพท์ ในความหมายว่าแข็งแรงสุขภาพดี ถ้าเป็นคำนาม แปลว่า " ยาบำบัดโรค " หรือชื่อยาที่แก้พิษได้ (บ้างก็ว่าชื่อ อรุระ arura หรือ myrobalan, fruit) ไม่เว้นแต่โรคาพาธในมนุษย์โลกแห่งนี้เท่านั้น ไม่ว่าโรคชนิดต่างๆของเทวดา เปรต เดรัจฉานและอื่นๆ ที่ขึ้นขื่อว่าเป็นสรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่าย พระองค์ก็ทรงสามารถรักษาได้ทั้งสิ้น เพราะการที่ต้องว่ายเวียนในสังสารวัฏนั้นถือเป็น "โรคาพาธ" ที่ร้ายแรงกว่าโรคทางกาย กล่าวโดยสรุปพระองค์ทรงสามารถเยียวยารักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสรรพสัตว์ทั้งปวง และทรงลักษณะของมหาบุรุษ ทรงจีวรเหมือนพระพุทธเจ้าทั่วไป
--------------------------------------------------------
== อนิสงห์การสวดพระสูตรหรือระลึกถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ==
.... มีอรรถาธิบายว่ากุศลอันพึงได้จากการถวายสักการะ หรือระลึกถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ตลอดทุกช่วงเวลาจะมีคุณ ๑๐ ประการดังนี้
๑. สำเร็จพระพุทธญาณได้อย่างรวดเร็ว
๒. ผู้ที่เห็นผิดจะกลับมาเห็นชอบได้
๓. ย่อมสำเร็จในผลของศีลที่สมบูรณ์ทั้งปวง ผู้ที่ละเมิดศีลจักกลับคืนสู่สภาวะบริสุทธิ์ได้ดังเดิม และไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ
๔. มีอายุสิริวัฒนา มั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข ด้วยลาภยศ สรรเสริญ คู่ครองและบริวารหญิง ชาย
๕. ย่อมถึงพร้อมในข้าวของเครื่องใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ไม่ต้องอัตคัดหรือขัดสนอีกต่อไป
๖. รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย ศาสตราภัย การถูกกรรโชกลักขโมย และการทำร้ายทั้งปวง
๗. สตรีเพศที่รับทุกข์ทรมาน ได้กลับกลายเป็นบุรุษ
๘. สตรีที่คลอดบุตร จะได้บุตรหญิงชายที่เฉลียวฉลาด มีบุญญาธิการและสุขภาพแข็งแรงสมประสงค์
๙. เมื่อคราวายชนม์ จักได้ไปอุบัติยังภพมนุษย์ ภพสวรรค์ แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรือแดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าได้ดังใจปรารถนา
๑๐. แม้นตกสู่อบายภูมิ หากได้สดับฟังพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงชั่วขณะก็จักได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์อีกครั้ง เพื่อบำเพ็ญกุศลความดีต่อยังให้บรรลุพระโพธิญาณโดยรวดเร็ว.
------------------------------------------
...... พระไภษัชยคุรุ ทรงมีพระสูตรของพระองค์เองคือ "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรวปณิธานสูตร" ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีน โดยพระตรีปิฎกธราจารย์เฮี้ยนจั๋ง(พระถังซำจั้ง) ในปี พ.ศ. ๑๑๙๓ ภายในเล่มกล่าวว่า “สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าศากยมุนี ทรงจาริกไปถึงเมืองไวศาลี แล้วประทับอยู่ใต้ร่มพฤกษชาติชนิดหนึ่งที่ยามลมพัดใบไม้จะสั่นไหวเป็นเสียงดนตรี ครั้งนั้นมีมหาภิกษุจำนวน ๘,๐๐๐ รูป มหาโพธิสัตว์จำนวน ๓๖,๐๐๐ พระองค์ แล้วพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(โพธิสัตว์แห่งมหาปัญญา) ได้กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ตรัสแสดงถึงพระนาม พระปณิธานของพระพุทธเจ้า และอานิสงค์แห่งการบูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ ครั้นแล้วพระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่านับจากโลกธาตุแห่งนี้ไปทางด้านบูรพาทิศ(ตะวันออก)ผ่านโลกธาตุดินแดนต่างๆไปมากมายเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาจำนวนถึง ๑๐ สายรวมกัน มีโลกธาตุแห่งหนึ่งนามว่า “ศุทธิไวฑูรย์”(淨琉璃世界) บางสูตรอาจแปลว่า “ปูรณจันทรโลกธาตุ” (滿月世界)และมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา”
........จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (โดยย่อ) ดังนี้
๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และอสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์(แสดงถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)
๒. จะทรงฉายรัศมีประภาสที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมายคือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังนรกภูมิให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง
๓. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในสิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้นจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๔. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนในมิจฉามรรค สาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนเป็นโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๕. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย กลับมีศีลที่บริสุทธิ์จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๖. จะทรงยังให้สรรพสัตว์มีร่างกายที่อลังการสมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ เสียสติ โรคร้าย ฯลฯจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๗. จะทรงยังให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค้นแค้น มีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๘. จะทรงยังให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๙. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนถึงได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว
๑๐. จะทรงยังให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๑๑. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีกจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๑๒. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.
.....ซึ่งพระสูตรข้างต้นนี้พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี ได้จารึกด้วยโลหิตมนุษย์ทั้งเล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และพระมหาปณิธานแต่ละประการนั้น จะต่อท้ายด้วยคำว่า “จนถึงพระโพธิญาณ” อันหมายความว่าพระมหาปณิธานของพระองค์จะอนุเคราะห์ส่งผลแก่ผู้นั้นไปทุกๆ ภพชาติตลอดเวลาแสนนานจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณด้วย จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงวิธีการและอานิสงค์แห่งการกราบไหว้บูชา เช่นการจุดดวงประทีปบูชาจำนวน ๔๙ ดวง เป็นเวลา ๔๙ วัน โดยต้องสมาทานศีลบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติต้องมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์พร้อมกับบริจาคทาน อ่านท่องและเผยแผ่พระสูตรนี้ ฯลฯ พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และเทพเจ้าทั้งปวงก็จะให้การปกป้องดูแล ให้ปลอดภัย สมหวังและสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคร้ายได้
....ยังมีคัมภีร์อีกเล่มคือ “พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร” ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีนโดยพระมหาสมณะงี้เจ่ง สมัยราชวงศ์ถัง ในปี พ.ศ.๑๒๕๐ ภายในเล่มกล่าวถึงพระพุทธประวัติและมหาปณิธานของพระพุทธเจ้าจำนวน ๗ พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์มีพระนามต่างกัน มีชื่อของโลกธาตุต่างกัน มีจำนวนมหาปณิธานไม่เท่ากัน ซึ่งล้วนประทับอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีมหาปณิธานคล้ายคลึงกับพระไภษัชยคุรุทั้ง ๑๒ ประการข้างต้น สาธุชนมหายานจึงเรียนขานว่า “พระไภษัชยคุรุทั้ง ๗ ” (藥師七佛)
.......พระไภษัชยคุรุทรงมีโพธิสัตว์อัครสาวกหรือผู้ช่วย ๒ พระองค์คือ
- พระสูรยประภาโพธิสัตว์ (日光遍照菩薩)
- พระจันทรประภาโพธิสัตว์(月光遍照菩薩)
......ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระสุริยเทพและจันทรเทพ อรรถาธิบายของจีนกล่าวว่า พระสูรยประภาทรงเปรียบเสมือน แสงแห่งปัญญาญาณที่เจิดจรัสและอบอุ่นยังให้สรรพสัตว์ตื่นขึ้นและรู้แจ้งเหมือนพระอาทิตย์ และพระจันทรประภาทรงเปรียบกับ แสงแห่งความเมตตาและกรุณา ที่ร่มเย็นใสสะอาด สามารถเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ยังให้สรรพสัตว์ที่หลงผิดได้รู้แจ้งเหมือนดังได้พบความสว่างในความมืดยามราตรี
...พระมหาโพธิสัตว์ทั้งสองจึงคือผู้โปรดสรรพสัตว์ที่หลงผิดให้รู้แจ้งในสภาวะแห่งจิตของตน และเมื่อพบสภาวะเดิมแท้ของตนว่าไร้ซึ่งตัวตนแล้ว จึงหลุดพ้นจากมลทินทั้งปวงได้ มีจิตที่เป็นสัมมาทิฐิ ปราศจากอุปสรรคประดุจอากาศ ที่สามารถแทรกซึมไปในสถานที่ทั้งปวง และในพระสูตรทั้ง ๒ เล่มของพระไภษัชยคุรุได้กล่าวถึงพระมหาโพธิสัตว์อีก ๘ พระองค์ที่จะเสด็จมารับดวงวิญญาณผู้ที่ปฏิบัติบำเพ็ญในพระพุทธนามของพระองค์ เพื่อมารับไปเกิดยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรดังนี้
๑.มัญชุศรีโพธิสัตว์
๒.อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
๓.มหาสถามปราปตโพธิสัตว์
๔.อักษยมติโพธิสัตว์
๕.ทานรัตนศรีโพธิสัตว์
๖.ไภษัชยราชาโพธิสัตว์
๗.ไภษัชยสมุทคเตโพธิสัตว์
๘.เมตไตรยโพธิสัตว์
......ด้วยเหตุท่านเป็น พุทธเจ้าแห่งอโรคยา สาธุชนจึงนิยมสาธยายพระสูตรของท่าน หรือวาดภาพ ปั้น หล่อพระปฏิมากรของ "พระไภษัชยคุรุ(พระองค์เดียวหรือทั้ง ๗ พระองค์)นี้" ประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อว่าพระพุทธบารมีและอำนาจแห่งมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน จะมาสถิตอยู่ในสถานที่นั้นๆ
.........ตามอรรถในพระสูตรที่ว่า “หากมีพระนาม พระธารณี พระสูตรหรือพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุสถิตหรือปรากฏอยู่ ณ แห่งใด การเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคาพาธร้ายแรง อาถรรพ์ชั่วร้ายทั้งปวงก็จะสิ้นไปจากแห่งนั้น”
....ขอสุขภาพ อายุ วรรณสุขพลัง ไร้อโรคยาทั้งปวงครับ...
... พระไภษัชยคุรุตถาคต ( Medicine Bhudda) ....
..พระพุทธเจ้าแห่งอโรคภัย.... คนไทยเรียกพระกริ่ง หรือยูไลสีน้ำเงิน
https://www.youtube.com/watch?v=K-ZeWFHgmRo... (เปิดคลอฟังไประหว่างอ่านได้ครับ)
( สมัยก่อนเวลาเกิดโรคระบาด คนจะสวดบทพระสูตรของท่านหรือเอ่ยนามของท่านเนืองๆ ท่านจึงเป็นที่นิยมเป็น 3 พระยูไลศักดิสิทธิ์มหายาน ร่วมกับพระอมิตภพระพุทธเจ้า และพระศากยมุณีเจ้าหรือพระพุทธเจ้าโคดมของเรา คนไทยสร้างพระกริ่งเพื่อปกป้องคุ้มครองโรคภัยใข้เจ็บ )
...วันคล้ายวันพระพุทธสมภพของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๙ (ตามจันทรคติจีน) แต่หากเดือนใดมีเพียง ๒๙ วันก็ให้ถือเอาวันที่ ๒๙ แทน.
...เป็นพุทธเจ้าตามความเชื่อของพุทธมหายาน (จีน: 藥師佛/薬師; พินอิน: Yàoshīfó; ญี่ปุ่น: 薬師瑠璃光如来 โรมาจิ: Yakushi หรือ Yakushirurikō nyorai) เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกายมหายาน ไม่พบในฝ่ายเถรวาท พระนามของท่านหมายถึงพระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษาโรค ผู้มีรัศมีสีน้ำเงินดังไพลิน พระนามอื่นๆของท่านคือ พระไภษัชยคุรุตถาคต พระมหาแพทย์ราชาพุทธเจ้า พระมหาไภษัชยราชพุทธเจ้า เป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีนและชาวทิเบต เด่นเรื่อง "อโรภัย"
....พระไภษัชยคุรุตถาคต (คำว่า ตถาคตแปลว่า พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ตรงกับภาษาจีนว่า “หยูไล” ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งสำหรับเรียกขานพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ดังนั้นคำว่าตถาคต และพุทธเจ้าจึงมีความหมายเดียวกัน)
....ทรงมีพระนามเต็มว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต(藥師琉璃光如來) มีความหมายของพระนามดังนี้ว่า ไภษัชย(藥) แปลว่ายา,โอสถรักษาโรค คุรุ(師) แปลว่าครู,ผู้เชี่ยวชาญ ไวฑูรยประภา(琉璃光) แปลว่าแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ ซึ่งโดยรวมแล้วคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรคผู้มีแสงรัศมีสีน้ำเงินดั่งแก้วไวฑูรย์ เช่นนี้ และพระองค์ยังทรงมีพระนามว่า มหาแพทยราชาพุทธเจ้า (大醫王佛) และ มหาไภษัชยราชพุทธเจ้า (大藥王佛)
....พระปฏิมาของพระองค์ทางจีนจะประสานหัตถ์ในท่าสมาธิและมีรัตนเจดีย์ ๗ ชั้นบ้าง ๙ ชั้นบ้างบนพระหัตถ์ ทางธิเบตจะวาดพระวรกายของพระองค์ให้มีสีน้ำเงินเข้ม(เหมือนไวฑูรย์) ทรงขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาทรงถือต้นยาสมุนไพรในลักษณะแบบพระหัตถ์ออกมาเบื้องหน้า(ทางจีนให้ถือเห็ดหลินจือ เพราะเชื่อว่าเป็นเห็ดอายุวัฒนะของเซียน) หงายวางบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายทรงบาตรบนพระเพลา ภายในบาตรบรรจุทิพยโอสถ ชื่อว่า “อคทะ” เป็นคำคุณศัพท์ ในความหมายว่าแข็งแรงสุขภาพดี ถ้าเป็นคำนาม แปลว่า " ยาบำบัดโรค " หรือชื่อยาที่แก้พิษได้ (บ้างก็ว่าชื่อ อรุระ arura หรือ myrobalan, fruit) ไม่เว้นแต่โรคาพาธในมนุษย์โลกแห่งนี้เท่านั้น ไม่ว่าโรคชนิดต่างๆของเทวดา เปรต เดรัจฉานและอื่นๆ ที่ขึ้นขื่อว่าเป็นสรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่าย พระองค์ก็ทรงสามารถรักษาได้ทั้งสิ้น เพราะการที่ต้องว่ายเวียนในสังสารวัฏนั้นถือเป็น "โรคาพาธ" ที่ร้ายแรงกว่าโรคทางกาย กล่าวโดยสรุปพระองค์ทรงสามารถเยียวยารักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสรรพสัตว์ทั้งปวง และทรงลักษณะของมหาบุรุษ ทรงจีวรเหมือนพระพุทธเจ้าทั่วไป
--------------------------------------------------------
== อนิสงห์การสวดพระสูตรหรือระลึกถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ==
.... มีอรรถาธิบายว่ากุศลอันพึงได้จากการถวายสักการะ หรือระลึกถึง พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ตลอดทุกช่วงเวลาจะมีคุณ ๑๐ ประการดังนี้
๑. สำเร็จพระพุทธญาณได้อย่างรวดเร็ว
๒. ผู้ที่เห็นผิดจะกลับมาเห็นชอบได้
๓. ย่อมสำเร็จในผลของศีลที่สมบูรณ์ทั้งปวง ผู้ที่ละเมิดศีลจักกลับคืนสู่สภาวะบริสุทธิ์ได้ดังเดิม และไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ
๔. มีอายุสิริวัฒนา มั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุข ด้วยลาภยศ สรรเสริญ คู่ครองและบริวารหญิง ชาย
๕. ย่อมถึงพร้อมในข้าวของเครื่องใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ไม่ต้องอัตคัดหรือขัดสนอีกต่อไป
๖. รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย ศาสตราภัย การถูกกรรโชกลักขโมย และการทำร้ายทั้งปวง
๗. สตรีเพศที่รับทุกข์ทรมาน ได้กลับกลายเป็นบุรุษ
๘. สตรีที่คลอดบุตร จะได้บุตรหญิงชายที่เฉลียวฉลาด มีบุญญาธิการและสุขภาพแข็งแรงสมประสงค์
๙. เมื่อคราวายชนม์ จักได้ไปอุบัติยังภพมนุษย์ ภพสวรรค์ แดนสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรือแดนศุทธิไวฑูรย์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าได้ดังใจปรารถนา
๑๐. แม้นตกสู่อบายภูมิ หากได้สดับฟังพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพียงชั่วขณะก็จักได้ไปเกิดยังโลกมนุษย์อีกครั้ง เพื่อบำเพ็ญกุศลความดีต่อยังให้บรรลุพระโพธิญาณโดยรวดเร็ว.
------------------------------------------
...... พระไภษัชยคุรุ ทรงมีพระสูตรของพระองค์เองคือ "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรวปณิธานสูตร" ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีน โดยพระตรีปิฎกธราจารย์เฮี้ยนจั๋ง(พระถังซำจั้ง) ในปี พ.ศ. ๑๑๙๓ ภายในเล่มกล่าวว่า “สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าศากยมุนี ทรงจาริกไปถึงเมืองไวศาลี แล้วประทับอยู่ใต้ร่มพฤกษชาติชนิดหนึ่งที่ยามลมพัดใบไม้จะสั่นไหวเป็นเสียงดนตรี ครั้งนั้นมีมหาภิกษุจำนวน ๘,๐๐๐ รูป มหาโพธิสัตว์จำนวน ๓๖,๐๐๐ พระองค์ แล้วพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(โพธิสัตว์แห่งมหาปัญญา) ได้กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ตรัสแสดงถึงพระนาม พระปณิธานของพระพุทธเจ้า และอานิสงค์แห่งการบูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ ครั้นแล้วพระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่านับจากโลกธาตุแห่งนี้ไปทางด้านบูรพาทิศ(ตะวันออก)ผ่านโลกธาตุดินแดนต่างๆไปมากมายเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาจำนวนถึง ๑๐ สายรวมกัน มีโลกธาตุแห่งหนึ่งนามว่า “ศุทธิไวฑูรย์”(淨琉璃世界) บางสูตรอาจแปลว่า “ปูรณจันทรโลกธาตุ” (滿月世界)และมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา”
........จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (โดยย่อ) ดังนี้
๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และอสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์(แสดงถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)
๒. จะทรงฉายรัศมีประภาสที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมายคือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังนรกภูมิให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง
๓. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในสิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้นจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๔. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนในมิจฉามรรค สาวกยาน ปัจเจกพุทธยาน ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนเป็นโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๕. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย กลับมีศีลที่บริสุทธิ์จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๖. จะทรงยังให้สรรพสัตว์มีร่างกายที่อลังการสมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ เสียสติ โรคร้าย ฯลฯจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๗. จะทรงยังให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค้นแค้น มีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๘. จะทรงยังให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๙. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนถึงได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว
๑๐. จะทรงยังให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๑๑. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีกจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๑๒. จะทรงยังให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวงจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.
.....ซึ่งพระสูตรข้างต้นนี้พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี ได้จารึกด้วยโลหิตมนุษย์ทั้งเล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และพระมหาปณิธานแต่ละประการนั้น จะต่อท้ายด้วยคำว่า “จนถึงพระโพธิญาณ” อันหมายความว่าพระมหาปณิธานของพระองค์จะอนุเคราะห์ส่งผลแก่ผู้นั้นไปทุกๆ ภพชาติตลอดเวลาแสนนานจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณด้วย จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงวิธีการและอานิสงค์แห่งการกราบไหว้บูชา เช่นการจุดดวงประทีปบูชาจำนวน ๔๙ ดวง เป็นเวลา ๔๙ วัน โดยต้องสมาทานศีลบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติต้องมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์พร้อมกับบริจาคทาน อ่านท่องและเผยแผ่พระสูตรนี้ ฯลฯ พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และเทพเจ้าทั้งปวงก็จะให้การปกป้องดูแล ให้ปลอดภัย สมหวังและสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคร้ายได้
....ยังมีคัมภีร์อีกเล่มคือ “พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร” ซึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีนโดยพระมหาสมณะงี้เจ่ง สมัยราชวงศ์ถัง ในปี พ.ศ.๑๒๕๐ ภายในเล่มกล่าวถึงพระพุทธประวัติและมหาปณิธานของพระพุทธเจ้าจำนวน ๗ พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์มีพระนามต่างกัน มีชื่อของโลกธาตุต่างกัน มีจำนวนมหาปณิธานไม่เท่ากัน ซึ่งล้วนประทับอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีมหาปณิธานคล้ายคลึงกับพระไภษัชยคุรุทั้ง ๑๒ ประการข้างต้น สาธุชนมหายานจึงเรียนขานว่า “พระไภษัชยคุรุทั้ง ๗ ” (藥師七佛)
.......พระไภษัชยคุรุทรงมีโพธิสัตว์อัครสาวกหรือผู้ช่วย ๒ พระองค์คือ
- พระสูรยประภาโพธิสัตว์ (日光遍照菩薩)
- พระจันทรประภาโพธิสัตว์(月光遍照菩薩)
......ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระสุริยเทพและจันทรเทพ อรรถาธิบายของจีนกล่าวว่า พระสูรยประภาทรงเปรียบเสมือน แสงแห่งปัญญาญาณที่เจิดจรัสและอบอุ่นยังให้สรรพสัตว์ตื่นขึ้นและรู้แจ้งเหมือนพระอาทิตย์ และพระจันทรประภาทรงเปรียบกับ แสงแห่งความเมตตาและกรุณา ที่ร่มเย็นใสสะอาด สามารถเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ยังให้สรรพสัตว์ที่หลงผิดได้รู้แจ้งเหมือนดังได้พบความสว่างในความมืดยามราตรี
...พระมหาโพธิสัตว์ทั้งสองจึงคือผู้โปรดสรรพสัตว์ที่หลงผิดให้รู้แจ้งในสภาวะแห่งจิตของตน และเมื่อพบสภาวะเดิมแท้ของตนว่าไร้ซึ่งตัวตนแล้ว จึงหลุดพ้นจากมลทินทั้งปวงได้ มีจิตที่เป็นสัมมาทิฐิ ปราศจากอุปสรรคประดุจอากาศ ที่สามารถแทรกซึมไปในสถานที่ทั้งปวง และในพระสูตรทั้ง ๒ เล่มของพระไภษัชยคุรุได้กล่าวถึงพระมหาโพธิสัตว์อีก ๘ พระองค์ที่จะเสด็จมารับดวงวิญญาณผู้ที่ปฏิบัติบำเพ็ญในพระพุทธนามของพระองค์ เพื่อมารับไปเกิดยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรดังนี้
๑.มัญชุศรีโพธิสัตว์
๒.อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
๓.มหาสถามปราปตโพธิสัตว์
๔.อักษยมติโพธิสัตว์
๕.ทานรัตนศรีโพธิสัตว์
๖.ไภษัชยราชาโพธิสัตว์
๗.ไภษัชยสมุทคเตโพธิสัตว์
๘.เมตไตรยโพธิสัตว์
......ด้วยเหตุท่านเป็น พุทธเจ้าแห่งอโรคยา สาธุชนจึงนิยมสาธยายพระสูตรของท่าน หรือวาดภาพ ปั้น หล่อพระปฏิมากรของ "พระไภษัชยคุรุ(พระองค์เดียวหรือทั้ง ๗ พระองค์)นี้" ประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อว่าพระพุทธบารมีและอำนาจแห่งมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน จะมาสถิตอยู่ในสถานที่นั้นๆ
.........ตามอรรถในพระสูตรที่ว่า “หากมีพระนาม พระธารณี พระสูตรหรือพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุสถิตหรือปรากฏอยู่ ณ แห่งใด การเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคาพาธร้ายแรง อาถรรพ์ชั่วร้ายทั้งปวงก็จะสิ้นไปจากแห่งนั้น”
....ขอสุขภาพ อายุ วรรณสุขพลัง ไร้อโรคยาทั้งปวงครับ...