GoC32 Side Story “Pirates of the PlayStation” Part 1
เกมละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมากับวงการเกมคอนโซลมานานโดยเฉพาะในช่วงปี 70s ที่มีการนำแนวคิดที่ทำให้ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเกมได้โดยการเปลี่ยน Rom chip ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง ซึ่งต่อมาวิธีนี้ได้แพร่หลายและถูกนำไปใช้กับเครื่องเล่นทั้งคอนโซลและอาเขตของทุกค่ายเกมในช่วงยุค 80-00s เรามักเรียกมันว่า “ตลับเกม”
ในยุคของตลับเกมนั้นการละเมิดลิขสิทธิ์ทำได้ยากและมีต้นทุนที่สูงเนื่องจากต้องทำการสร้าง “ตลับเกมก็อปปี้” ที่มีค่าการผลิตสูงมาบรรจุข้อมูลเกมที่ละเมิดมา อีกทั้งเครื่องเกมคอนโซลยังมีการติดตั้ง Chip สำหรับตรวจสอบ “ตลับเกมก็อปปี้” เหล่านี้ ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์เกมในยุคนั้นแม้ว่าจะทำได้แต่ก็ลำบาก
จนกระทั้งการมาของ Famicom Disk Drive ที่ทาง Nintendo เองสร้างออกมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องราคาขายของเกมที่สูงด้วย Diskette สื่อเก็บข้อมูลที่ราคาถูกกว่าตลับแถมยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังเป็นการจุดประกายให้เกิดการสร้าง Disk Drive ของ third party ที่ทำงานได้สมบูรณ์กว่าและยังสามารถก๊อปปี้ข้อมูลเกมจากตลับลง Diskette เก็บไว้ได้อีกด้วย ทำให้อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ในยุคของเครื่อง Super Famicom หรือ Super Nintendo นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากอุปกรณ์ดังกล่าว
ทาง Nintendo นั้นได้ตอบโต้โดยการช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้พัฒนาเกมให้เขียนโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติทาง Hardware ของตลับเกมที่แตกต่างกันในแต่ละเกมเพื่อตรวจสอบว่าเป็นการเล่นเกมด้วยตลับหรือไม่ ถ้าไม่ใช่การเล่นด้วยตลับก็ถือว่าเป็นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ ถึงแม้สุดท้ายแล้ววิธีการดังกล่าวจะไม่ได้ผลในระยะยาวแต่ก็สามารถสร้างความยุ่งยากในการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ในช่วงที่เกมพึ่งออกวางจำหน่ายและโน้มน้าวผู้ให้เล่นหันไปซื้อเกมถูกลิขสิทธิ์ในช่วงที่เกมพึ่งออกใหม่ได้
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านบทความย้อนหลังเกี่ยวกับ Famicom Disk System ได้ใน Link ข้างล่าง
Part1
https://www.facebook.com/pg/uptomejournal/photos/?tab=album&album_id=405967743316902
Part2
https://www.facebook.com/pg/uptomejournal/photos/?tab=album&album_id=407768636470146
ต่อมาเมื่อเครื่อง PlayStation(ps) ออกวางตลาดและได้รับความนิยมสูงมาก ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ ps จะตกเป็นเป้าหมายของการหาวิธีเพื่อละเมิดลิขสิทธิ์เกม ซึ่งทาง Sony เองก็ได้ติดตั้งระบบตรวจสอบเกมละเมิดลิขสิทธิ์ที่รองรับกรณีดังกล่าวไว้ใน ps อยู่แล้ว
วิธีตรวจสอบเกมละเมิดลิขสิทธิ์ของ ps นั้นเรียบง่ายมากโดยอาศัยความได้เปรียบจากการที่ Sony เป็นทั้งผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมและ CD เกมด้วยตนเองโดยประยุกต์เทคนิคการผลิต CD เพลงซึ่ง Sony ชำนาญและมีประสบการณ์มาใช้ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
ตามโครงสร้างทั่วไปของ CD เพลงนั้น ตรงส่วนวงในสุดของแผ่นที่ชื่อว่า Lead in นั้นมีการเก็บข้อมูล Table of Content (ToC) ไว้อยู่ โดย ToC นี้มีไว้เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับระบุตำแหน่งจุดเริ่มต้นของเพลงแต่ละ Track ในแผ่น CD เมื่อสั่งเล่นเพลงหัวอ่านก็จะย้ายไปเริ่มต้นอ่านข้อมูลในตำแหน่งตามที่ ToC ระบุไว้
ทาง Sony ซึ่งเป็นผู้ผลิต CD เกมของ ps ได้ทำการเพิ่ม wobble groove(ร่องคลื่น) ตรงส่วนของ ToC ในระหว่างกระบวนการผลิต โดยวิธีการนั้นบางแหล่งข้อมูลอ้างว่าเพิ่มร่องลงไปด้วยหัวยิง Laser สำหรับเขียนข้อมูลลงแผ่น CD แบบพิเศษระหว่างที่กำลังเขียนข้อมูลลง CD หรือที่มักเรียนด้วยศัพท์เทคนิคว่า “Burn(เบิร์น)” บ้างก็ว่าร่องถูกเพิ่มลงไปในขั้นตอนการพิมพ์ปั้มข้อมูลลง CD พร้อม ๆ กัน
ผู้อ่านสามารถดูกระบวนการปั้ม CD ได้ที่ Link ข้างล่าง ในนาทีที่ 2.30
https://www.youtube.com/watch?v=LEnmSem8C-0
ในเครื่อง ps นั้นหัวอ่าน cd จะสามารถตรวจจับ wobble groove(ร่องคลื่น) และอ่านข้อมูลจากร่องคลื่นได้โดยในร่องนั้นจะเก็บข้อมูล Region หรือ Zone ของเกมไว้สำหรับป้องกันไม่ให้มีการนำเกมที่อยู่คนละโซนมาเล่น เมื่อ ps ตรวจไม่พบข้อมูลจากร่องคลื่นหรือข้อมูลไม่ตรงกับที่บันทึกไว้ในเครื่อง ระบบก็จะไม่โหลดข้อมูลเกมขึ้นมาเพราะถือว่าไม่ใช่แผ่นเกมที่ถูกต้องโดยจะตัดเข้าไปในโหมด CD Music player แทน
จุดสำคัญของร่องคลื่นนั้นอยู่ที่ แม้ว่าผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงหรือก๊อปปี้ข้อมูลเกมจาก cd ได้ก็ตามแต่ร่องนี้ไม่สามารถถูกทำซ้ำได้ด้วยเครื่องเขียนหรือปั้ม CD ใด ๆ ที่มีอยู่ในตลาด
เป็นวิธีการที่เหมือนจะได้ผลดีแต่อย่าลืมว่านี่คือการเข้ามาทำตลาดเครื่องเกมคอนโซลของ Sony เป็นครั้งแรกจึงยังไม่รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในการละเมิดลิขสิทธิ์เหมือนอย่างที่ Nintendo เคยเจอ
ไม่นานนักก็มีการพบช่องโหว่ของระบบป้องกันว่า ps นั้นจะทำการอ่านและตรวจสอบข้อมูลจากร่องคลื่น “เพียงครั้งเดียวเมื่อเริ่มทำงาน” และนี่นำมาซึ่งเทคนิคการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์บน ps วิธีแรกซึ่งใช้เพียง cd เกมถูกลิขสิทธิ์ตรง Zone กับเครื่องเพียงแผ่นเดียวในการทำ ในไทยเคยได้ยินคนพูดถึงเทคนิคนี้ในชื่อว่า “ใช้แผ่นล่อ” ส่วนเมืองนอกนั้นเรียกเทคนิคนี้ด้วยคำที่เท่กว่าคือ Swap magic หรือ Swap Trick
วิธีการคือใส่แผ่นเกมแท้ลงไปแล้วเปิดเครื่องโดยไม่ปิดฝาขณะที่ใช้นิ้ว, ดินสอ, ปากกาหรืออะไรที่รูปร่างคล้าย ๆ กันกดกลไกตรงมุมขวาบนในช่องใส่แผ่นเพื่อหลอกเครื่องว่าฝาช่องใส่ CD ปิดแล้วจะได้เริ่มกระบวนการอ่านข้อมูลแผ่นเกม เมื่อระบบอ่านและตรวจสอบจากร่องคลื่นผ่านแล้วก็จะแสดงหน้าจอโลโก้ PlayStation บนพื้นสีดำพร้อมเสียง effect จังหวะนี้เองให้รีบเอาเกมแผ่นแท้ออกแล้วใส่แผ่นเกมก็อปปี้เกมอะไรก็ได้ใส่ลงไประบบก็จะโหลดข้อมูลเกมจากแผ่นก๊อปปี้แทน แค่นี้ก็สามารถเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ได้แล้ว
และนี่ทำให้ต่อมาจึงเริ่มมีการดัดแปลง ps ในส่วนกลไกตรวจสอบฝาปิดให้เครื่องเข้าใจว่าฝาปิดตลอดเวลาเพื่อความสะดวกในการสลับแผ่น
ผู้อ่านสามารถดู Vdo สาธิตการทำ Swap magic หรือ Swap Trick ได้ที่ Link ข้างล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=UTx9l6XFBlU
อย่างไรก็ตาม Swap magic หรือ Swap Trick นี้แม้จะใช้ต้นทุนน้อยแต่ก็มีข้อเสีย เช่น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชำนาญพอที่จะทำได้สำเร็จภายในทีเดียวทุกครั้งและข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดคือการรีบเปลี่ยนแผ่นขณะที่ CD ยังหมุนอยู่นั้นทำให้เกิดความเสียหายสะสมให้กับเครื่องโดยเฉพาะในส่วนของมอตอร์หมุนแผ่นจนทำให้เครื่องไม่สามารถอ่านแผ่นได้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ
จึงมีความพยายามที่จะหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการทำให้ ps สามารถเล่นเกมก็อปปี้ได้จนกระทั้งในช่วงต้นปี 1996 ก็มีการค้นพบวิธีดังกล่าว
ในไทยมักใช้คำว่า “แปลงเครื่อง”
ส่วนต่างประเทศจะพูดถึงวิธีนี้โดยใช้คำว่า “Mod Chip”
to be continued in Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/ 
GoC32 Side Story “Pirates of the PlayStation” Part 1
เกมละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมากับวงการเกมคอนโซลมานานโดยเฉพาะในช่วงปี 70s ที่มีการนำแนวคิดที่ทำให้ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเกมได้โดยการเปลี่ยน Rom chip ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง ซึ่งต่อมาวิธีนี้ได้แพร่หลายและถูกนำไปใช้กับเครื่องเล่นทั้งคอนโซลและอาเขตของทุกค่ายเกมในช่วงยุค 80-00s เรามักเรียกมันว่า “ตลับเกม”
ในยุคของตลับเกมนั้นการละเมิดลิขสิทธิ์ทำได้ยากและมีต้นทุนที่สูงเนื่องจากต้องทำการสร้าง “ตลับเกมก็อปปี้” ที่มีค่าการผลิตสูงมาบรรจุข้อมูลเกมที่ละเมิดมา อีกทั้งเครื่องเกมคอนโซลยังมีการติดตั้ง Chip สำหรับตรวจสอบ “ตลับเกมก็อปปี้” เหล่านี้ ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์เกมในยุคนั้นแม้ว่าจะทำได้แต่ก็ลำบาก
จนกระทั้งการมาของ Famicom Disk Drive ที่ทาง Nintendo เองสร้างออกมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องราคาขายของเกมที่สูงด้วย Diskette สื่อเก็บข้อมูลที่ราคาถูกกว่าตลับแถมยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังเป็นการจุดประกายให้เกิดการสร้าง Disk Drive ของ third party ที่ทำงานได้สมบูรณ์กว่าและยังสามารถก๊อปปี้ข้อมูลเกมจากตลับลง Diskette เก็บไว้ได้อีกด้วย ทำให้อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ในยุคของเครื่อง Super Famicom หรือ Super Nintendo นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากอุปกรณ์ดังกล่าว
ทาง Nintendo นั้นได้ตอบโต้โดยการช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้พัฒนาเกมให้เขียนโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติทาง Hardware ของตลับเกมที่แตกต่างกันในแต่ละเกมเพื่อตรวจสอบว่าเป็นการเล่นเกมด้วยตลับหรือไม่ ถ้าไม่ใช่การเล่นด้วยตลับก็ถือว่าเป็นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ ถึงแม้สุดท้ายแล้ววิธีการดังกล่าวจะไม่ได้ผลในระยะยาวแต่ก็สามารถสร้างความยุ่งยากในการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ในช่วงที่เกมพึ่งออกวางจำหน่ายและโน้มน้าวผู้ให้เล่นหันไปซื้อเกมถูกลิขสิทธิ์ในช่วงที่เกมพึ่งออกใหม่ได้
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านบทความย้อนหลังเกี่ยวกับ Famicom Disk System ได้ใน Link ข้างล่าง
Part1
https://www.facebook.com/pg/uptomejournal/photos/?tab=album&album_id=405967743316902
Part2
https://www.facebook.com/pg/uptomejournal/photos/?tab=album&album_id=407768636470146
ต่อมาเมื่อเครื่อง PlayStation(ps) ออกวางตลาดและได้รับความนิยมสูงมาก ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ ps จะตกเป็นเป้าหมายของการหาวิธีเพื่อละเมิดลิขสิทธิ์เกม ซึ่งทาง Sony เองก็ได้ติดตั้งระบบตรวจสอบเกมละเมิดลิขสิทธิ์ที่รองรับกรณีดังกล่าวไว้ใน ps อยู่แล้ว
วิธีตรวจสอบเกมละเมิดลิขสิทธิ์ของ ps นั้นเรียบง่ายมากโดยอาศัยความได้เปรียบจากการที่ Sony เป็นทั้งผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมและ CD เกมด้วยตนเองโดยประยุกต์เทคนิคการผลิต CD เพลงซึ่ง Sony ชำนาญและมีประสบการณ์มาใช้ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
ตามโครงสร้างทั่วไปของ CD เพลงนั้น ตรงส่วนวงในสุดของแผ่นที่ชื่อว่า Lead in นั้นมีการเก็บข้อมูล Table of Content (ToC) ไว้อยู่ โดย ToC นี้มีไว้เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับระบุตำแหน่งจุดเริ่มต้นของเพลงแต่ละ Track ในแผ่น CD เมื่อสั่งเล่นเพลงหัวอ่านก็จะย้ายไปเริ่มต้นอ่านข้อมูลในตำแหน่งตามที่ ToC ระบุไว้
ทาง Sony ซึ่งเป็นผู้ผลิต CD เกมของ ps ได้ทำการเพิ่ม wobble groove(ร่องคลื่น) ตรงส่วนของ ToC ในระหว่างกระบวนการผลิต โดยวิธีการนั้นบางแหล่งข้อมูลอ้างว่าเพิ่มร่องลงไปด้วยหัวยิง Laser สำหรับเขียนข้อมูลลงแผ่น CD แบบพิเศษระหว่างที่กำลังเขียนข้อมูลลง CD หรือที่มักเรียนด้วยศัพท์เทคนิคว่า “Burn(เบิร์น)” บ้างก็ว่าร่องถูกเพิ่มลงไปในขั้นตอนการพิมพ์ปั้มข้อมูลลง CD พร้อม ๆ กัน
ผู้อ่านสามารถดูกระบวนการปั้ม CD ได้ที่ Link ข้างล่าง ในนาทีที่ 2.30
https://www.youtube.com/watch?v=LEnmSem8C-0
ในเครื่อง ps นั้นหัวอ่าน cd จะสามารถตรวจจับ wobble groove(ร่องคลื่น) และอ่านข้อมูลจากร่องคลื่นได้โดยในร่องนั้นจะเก็บข้อมูล Region หรือ Zone ของเกมไว้สำหรับป้องกันไม่ให้มีการนำเกมที่อยู่คนละโซนมาเล่น เมื่อ ps ตรวจไม่พบข้อมูลจากร่องคลื่นหรือข้อมูลไม่ตรงกับที่บันทึกไว้ในเครื่อง ระบบก็จะไม่โหลดข้อมูลเกมขึ้นมาเพราะถือว่าไม่ใช่แผ่นเกมที่ถูกต้องโดยจะตัดเข้าไปในโหมด CD Music player แทน
จุดสำคัญของร่องคลื่นนั้นอยู่ที่ แม้ว่าผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงหรือก๊อปปี้ข้อมูลเกมจาก cd ได้ก็ตามแต่ร่องนี้ไม่สามารถถูกทำซ้ำได้ด้วยเครื่องเขียนหรือปั้ม CD ใด ๆ ที่มีอยู่ในตลาด
เป็นวิธีการที่เหมือนจะได้ผลดีแต่อย่าลืมว่านี่คือการเข้ามาทำตลาดเครื่องเกมคอนโซลของ Sony เป็นครั้งแรกจึงยังไม่รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายในการละเมิดลิขสิทธิ์เหมือนอย่างที่ Nintendo เคยเจอ
ไม่นานนักก็มีการพบช่องโหว่ของระบบป้องกันว่า ps นั้นจะทำการอ่านและตรวจสอบข้อมูลจากร่องคลื่น “เพียงครั้งเดียวเมื่อเริ่มทำงาน” และนี่นำมาซึ่งเทคนิคการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์บน ps วิธีแรกซึ่งใช้เพียง cd เกมถูกลิขสิทธิ์ตรง Zone กับเครื่องเพียงแผ่นเดียวในการทำ ในไทยเคยได้ยินคนพูดถึงเทคนิคนี้ในชื่อว่า “ใช้แผ่นล่อ” ส่วนเมืองนอกนั้นเรียกเทคนิคนี้ด้วยคำที่เท่กว่าคือ Swap magic หรือ Swap Trick
วิธีการคือใส่แผ่นเกมแท้ลงไปแล้วเปิดเครื่องโดยไม่ปิดฝาขณะที่ใช้นิ้ว, ดินสอ, ปากกาหรืออะไรที่รูปร่างคล้าย ๆ กันกดกลไกตรงมุมขวาบนในช่องใส่แผ่นเพื่อหลอกเครื่องว่าฝาช่องใส่ CD ปิดแล้วจะได้เริ่มกระบวนการอ่านข้อมูลแผ่นเกม เมื่อระบบอ่านและตรวจสอบจากร่องคลื่นผ่านแล้วก็จะแสดงหน้าจอโลโก้ PlayStation บนพื้นสีดำพร้อมเสียง effect จังหวะนี้เองให้รีบเอาเกมแผ่นแท้ออกแล้วใส่แผ่นเกมก็อปปี้เกมอะไรก็ได้ใส่ลงไประบบก็จะโหลดข้อมูลเกมจากแผ่นก๊อปปี้แทน แค่นี้ก็สามารถเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ได้แล้ว
และนี่ทำให้ต่อมาจึงเริ่มมีการดัดแปลง ps ในส่วนกลไกตรวจสอบฝาปิดให้เครื่องเข้าใจว่าฝาปิดตลอดเวลาเพื่อความสะดวกในการสลับแผ่น
ผู้อ่านสามารถดู Vdo สาธิตการทำ Swap magic หรือ Swap Trick ได้ที่ Link ข้างล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=UTx9l6XFBlU
อย่างไรก็ตาม Swap magic หรือ Swap Trick นี้แม้จะใช้ต้นทุนน้อยแต่ก็มีข้อเสีย เช่น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชำนาญพอที่จะทำได้สำเร็จภายในทีเดียวทุกครั้งและข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดคือการรีบเปลี่ยนแผ่นขณะที่ CD ยังหมุนอยู่นั้นทำให้เกิดความเสียหายสะสมให้กับเครื่องโดยเฉพาะในส่วนของมอตอร์หมุนแผ่นจนทำให้เครื่องไม่สามารถอ่านแผ่นได้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ
จึงมีความพยายามที่จะหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการทำให้ ps สามารถเล่นเกมก็อปปี้ได้จนกระทั้งในช่วงต้นปี 1996 ก็มีการค้นพบวิธีดังกล่าว
ในไทยมักใช้คำว่า “แปลงเครื่อง”
ส่วนต่างประเทศจะพูดถึงวิธีนี้โดยใช้คำว่า “Mod Chip”
to be continued in Part 2
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/