JJNY : หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงสุด18ปี/'วีโว่'แจงเหตุทิ้งกุ้ง/พท.ฉะ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ปัญหาเยอะ/'ชวน'นัดถก'งดประชุมสภาฯ'

พิษโควิด-19 ตัวเร่ง หนี้ครัวเรือนไทย พุ่งสูงสุด18ปี ห่วงคนซื้อของไม่ออมเงินก่อน
https://www.matichon.co.th/economy/news_2509989
 

 
พิษโควิด-19 ตัวเร่ง หนี้ครัวเรือนไทย พุ่งสูงสุด18ปี
 
หนี้ภาคครัวเรือนไดรับการแจ้งเตือนจากทางการมาเป็นระยะ มีแนวโน้มจะกลายเป็นปัญหากดทับต่อความเป็นอยู่ของประชาชนรุนแรงมากขึ้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มกราคม มีรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยแพร่ตัวเลขสถิติการกู้ยืมเงินของภาคครัวเรือนประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีหนี้สินครัวเรือนในระบบหมุนเวียนอยู่ที่ 13,766,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ 182,091 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 86.6% สูงสุดในรอบ 18 ปี เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่อยู่ระดับ 83.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 3 ปี 2562 ที่อยู่ระดับ 78.9%
 
ขณะที่น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงตัวเลขหนี้ครัวเรือนดังกล่าว ว่า ในอนาคตข้างหน้าระดับหนี้ครัวเรือนก็จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก ตราบใดที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่หายไป
 
น.ส.ธัญญลักษณ์กล่าวว่า การลดหนี้ครัวเรือนคือ ต้องเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย แต่ตอนนี้การเพิ่มรายได้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดี ส่วนการลดรายจ่ายเป็นเรื่องของวินัยการเงินส่วนบุคคล เช่น การจะซื้อตู้เย็นหรือรถก็ควรจะมีการออมก่อนส่วนหนึ่ง ซึ่งค่านิยมตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น ขณะนี้โควิด-19กลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ โจทย์เฉพาะหน้าต้องมีมาตรการมารองรับเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง
 
น.ส.ธัญญลักษณ์กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สูญเสียรายได้จากการเลิกจ้างงานหรือการลดเงินเดือน แต่หนี้สินยังคงมีอยู่เท่าเดิม ทำให้ภาคครัวเรือนอยู่ในภาวะที่ฝืดเคือง โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน มีหนี้สินมากกว่าเงินออม อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง ยิ่งสังคมไทยกำลังอยู่ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการไม่มีเงินออมเก็บไว้เลย
 
น.ส.ธัญญลักษณ์ กล่าวว่า อัตราการว่างงานที่สูงอยู่ในขณะนี้เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบกันหมด ความต้องการแรงงานโดยรวมลดน้อยลง ต้องรอให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บรรเทาลงมากกว่านี้ ส่วนการช่วยเหลือจากภาครัฐเรื่องของการจ้างงานเป็นเพียงประคับประคอง ไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปมากกว่านี้ เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน หรือโครงการจ้างเด็กจบใหม่ เมื่อเทียบกับการช่วยเหลือผู้ว่างงานในสหรัฐอเมริกาแบบโปรแกรมให้สินเชื่อเพื่อคุ้มครองธุรกิจ (Paycheck Protection Program หรือ PPP) ในหลักการนั้นดี แต่ว่าปัจจัยหลายอย่างในประเทศไทยไม่ได้เอื้อมาก เพราะธุรกิจเอสเอ็มอีในสหรัฐอเมริกามีการจดทะเบียนนิติบุคคลจำนวนมาก สามารถตรวจสอบได้ ขณะที้เอสเอ็มอีในไทยมีผู้ประกอบการ 3 ล้านราย แต่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประมาณ 400,000 ราย ทำให้รัฐบาลไทยทำได้แค่มาตรการในเชิงอุดหนุนเท่านั้น
  

 
'วีโว่' เล่าละเอียด แจงเหตุทิ้งกุ้งหน้า 'ทำเนียบ-สนง.ตำรวจแห่งชาติ' พร้อมประนามการกระทำของรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2509849
 
วันที่ 1 ม.ค. กลุ่ม We Volunteer หรือ วีโว่ ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า 
 
เนื่องจากเหตุการณ์วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทาง Wevo ได้ตกลงกันว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรในการจำหน่ายกุ้งจำนวน 3-4 ตัน แต่ได้เกิดการใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ในการยับครั้ง ห้ามปรามเพื่อไม่ให้มีการขายกุ้งในบริเวณพื้นที่สนามหลวง เหตุการณ์ไม่คาดคิดและฉุกเฉินครั้งนี้ ทำให้เราต้องพักการขายกุ้ง เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมากกว่าสี่กองร้อยเข้าจับกุมสมาชิกของ Wevo ยึดกุ้งและยึดอุปกรณ์ในการจำหน่าย ที่ “สนามหลวง” เวลา 11.00 น. โดยประมาณ เราได้มีการเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอกุ้งสดและอุปกรณ์ของเราคืน แต่ตำรวจไม่มีการยินยอมใดๆ จนต้องยอมเสียอุปกรณ์บางส่วนไป เพื่อแลกกับกุ้งทั้งหมด
 
จากนั้น เราจึงต้องทำการย้ายสถานที่ไปยัง “อนุสรณ์สถาน 14ตุลา” เพื่อขายกุ้งสด และเปลี่ยนแผนในการทำงานทั้งหมด เพราะจำนวนคนของเราและอุปกรณ์ของเรามีจำนวนจำกัด แต่ในเวลาประมาณ 14.00 น. เรายังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขัดขวาง ขณะที่เราทำการขายกุ้งให้แก่มวลชนและครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของวันซึ่งมีมวลชน 200 คน โดยประมาณมาต่อแถวยืนซื้อกุ้ง แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนก็เข้ามาขัดขวางอีกครั้งทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมากในการจัดการงานทั้งหมด เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรยังคงดำเนินต่อไป เราจึงเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อขายกุ้งให้หมดตามที่พูดคุยกับเกษตรไว้ว่าจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุดและสถานที่สุดท้ายที่เราเลือกปักหลักในการขายกุ้งคือ “กองฉลากสี่แยกคอกวัว” ในพื้นที่ลานจอดรถ สน.ชนะสงครามและเริ่มทำการขายกุ้งอีกครั้งในช่วงเวลา 16.30 น.โดยประมาณ โดยที่อุปกรณ์ที่ใช้เราต้องซื้อใหม่หน้างาน และสูญเสียน้ำจิ้มรสเด็ดของเราไปจนต้องทำใหม่ทั้งหมด
 
กิจกรรมในการขายกุ้งสดและกุ้งเผาของเราดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาดึก ผู้ประกอบการแจ้งกับทางทีมงานว่า จำเป็นต้องนำรถขนกุ้งและอุปกรณ์อื่น ๆ กลับเพื่อลดต้นทุน เนื่องจากรถขนส่งกุ้งบางส่วนเป็นการเช่าชั่วคราว ไม่สามารถแบกรับต้นทุนเพิ่มเติ่มได้ แต่กุ้งสดยังเหลืออยู่เป็นจำนวนหนึ่ง ผู้ประกอบการตัดสินใจว่าต้องทิ้งกุ้งที่เหลือทั้งหมดที่บริเวณหน้าทำเนียบและสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่ปรากฎในข่าว
 
เหตุผลเพื่อเป็นการตอบกลับไปยังเจ้าหน้าที่รัฐว่า การทิ้งกุ้งกลางถนนหน้าทำเนียบและสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมดนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มีการมาขัดขวางและแทรกแซง รัฐบาลต่างหากที่สมควรเป็นผู้ช่วยเหลือแต่กลับไม่ให้การสนใจและทอดทิ้งประชาชน และยังเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่หละหลวมก่อให้เกิดการระบาดของไวรัส Covid-19 จนผู้ประกอบการทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ภาครัฐยังคงนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการช่วยเหลือ
 
.
 
พวกเราสมาชิก We Volunteer ทั้งหมด จึงขอประนามการกระทำของรัฐบาลในครั้งนี้
  
.
 
พบกันอีกเร็วๆนี้ แบบเบิ้มๆ จัดเต็มตามฉบับ WeVo
  
https://www.facebook.com/WeVolunteerTH/posts/1686425481516952
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่