JJNY : โควิดพุ่ง 5,775 เสียชีวิต11│ครัวเรือนไทยพุ่ง 17,127บ./ด.│ปีเสือ หนี้ครัวเรือนขาขึ้น│‘สุรชาติ’เชื่อชาวหลักสี่หนุน

ยอดโควิดวันนี้พุ่ง 5,775 ราย เสียชีวิต 11 ราย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3117979
  
 
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565 รวม 5,775 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 5,323 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 160 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 77 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 215 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,216,387 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 2,673 ราย หายป่วยสะสม 2,158,076 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 37,968 ราย และ เสียชีวิต 11 ราย
 


สะดุ้ง! ครัวเรือนไทยค่าใช้จ่ายพุ่ง 17,127 บาท/เดือน ค่าโดยสารสาธารณะนำโด่ง
https://ch3plus.com/news/category/273214
 
ราคาเนื้อหมู รวมถึงน้ำมัน และผัก ที่ราคาพุ่งต่อเนื่อง ดันเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคม 64 สูงขึ้น 2.17% เงินเฟ้อสูงมาก สะท้อนเงินในกระเป๋ามีค่าน้อยลง ทำให้ต้องควักกระเป๋าจ่ายมากขึ้น 
 
ตัวเลขที่ กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินค่าใช้จ่ายครัวเรือนไทยเดือนธันวาคม 64  พบว่า ครัวเรือนไทย มีรายจ่ายต่อเดือน อยู่ที่ 17,127 บาท  นำโด่งโดยค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัทย์มือถือ 3,978 บาทต่อเดือน  ตามมาด้วยค่าเช่าบ้าน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าชหุงต้ม ค่าใช้ในบ้าน 3,881 บาท  ส่วนค่าเนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ ตามมาในอันดับ 3 ควักจ่ายไป 1,571 บาทต่อเดือน  อาหารบริโภคในบ้าน ประเภท ข้าวราดแกง 1,142  อาหารตามสั่งผ่านเดลิเวอรี่ 1,480 บาท  ผักและผลไม้ 979 บาท  ค่าแพทย์ ค่ายา และค่าบริหารส่วนบุคคล 960 บาท
 
ขณะที่ ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูง หลังกลุ่มโอเปก และพันธมิตร มีมติคงแผนเดิมในการปรับเพิ่มกำลังการผลิตที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอมิครอน อาจมีผลกระทบไม่มากนัก โดยเวสเท็กซัส บวกเพิ่ม 0.91 ดอลล่าร์ ปิดที่ 76.99 ส่วนเบรนท์ บวก 1.02 ปิดที่ 80 ดอลล่าร์ต่อบาเรล ขณะที่ราคาในประเทศ วันนี้ผู้ค้าปรับขึ้นทีเดียว 60 สตางค์ หลังอั้นมาช่วงปีใหม่ ส่งผลราคาดีเชล พุ่งทะลุ 29.04 บาท ทะลุเพดานที่รัฐตรึงไว้ที่ 28 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินก็ทะลุ 31 บาทต่อลิตร กลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายอีกตัว ที่เข้ามากระทบเงินในกระเป๋าในปีนี้

ชมผ่านยูทูบ :    https://youtu.be/PGa_WkCujFc  

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 

 
ปีเสือ หนี้ครัวเรือนขาขึ้น ขอรัฐช่วยผ่อนค่างวด ผวาฉุดเศรษฐกิจ
https://www.prachachat.net/finance/news-834803

ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ลากยาวมาจนเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว แน่นอนว่า ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่ต้องมีการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ย่อมทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กล่าวคือรายได้ครัวเรือนย่อมหดหาย สวนทางกับภาวะหนี้สินที่มีมากขึ้น
 
“หนี้ครัวเรือน” ยังขาขึ้น
 
ล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการก่อหนี้เพิ่มเติม
 
เนื่องจากสถานะการทำงานและรายได้ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า แม้ในปี 2565 จะยังคงเห็นยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนเติบโตต่อเนื่อง แต่ก็น่าจะเป็นอัตราการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจมากขึ้น (ภายใต้สมมุติฐานที่ความเสี่ยงจากโควิดจะถูกจำกัดวงไว้ได้อย่างทันท่วงที
 
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถประคองทิศทางการฟื้นตัวได้) ดังนั้น จึงยังคงตัวเลขประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปี 2565 ที่กรอบ 90-92% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)โดยสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีมีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ในปี 2564 ที่ 90.5% ต่อจีดีพี
 
จี้เร่งแก้ปัญหาก่อนบานปลาย
 
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิดเนื่องจากหากใช้เวลาในการดูแล/ควบคุมมากกว่าที่คาด ก็อาจทำให้มีโอกาสที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะขยับขึ้นสูงกว่ากรอบประมาณการปี 2565 ได้
 
ขณะที่โจทย์เฉพาะหน้าของครัวเรือนไทยที่มีภาระหนี้ยังคงเป็นการดูแลรายจ่ายอย่างระมัดระวังและสมดุลกับสถานการณ์รายได้ที่ไม่แน่นอนเพื่อให้ยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้ได้อยู่แต่หากประสบปัญหาก็คงต้องเร่งติดต่อสถาบันการเงิน
 
เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมเช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หรือรวมหนี้สินเชื่อรายย่อยกับสินเชื่อบ้านเพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวดลงเพื่อให้ประคองตัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
 
สศช.ห่วงหนี้บุคคล-บัตรเครดิต
 
“ดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่ต่อเนื่องจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ก็มีหนี้ครัวเรือนที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นหนี้บุคคลที่เป็นการบริโภคผ่านบัตรเครดิต
 
โดยส่วนนี้ ต้องมีการดูแลแก้ไข ด้วยการช่วยลดภาระในการชำระหนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นค่อยปรับให้ชำระปกติหลังจากสถานการณ์ปกติแล้ว
ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ก็ออกมาตรการมาช่วยผ่อนภาระเรื่องหนี้ครัวเรือน ทั้งการพักชำระหนี้ในช่วงต้น มาตรการรวมหนี้ เป็นต้น
 
ธปท.ยันแก้หนี้ครบวงจร
 
“ดอน นาครทรรพ” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธปท. กล่าวว่า การเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถชำระหนี้ในระยะยาวของลูกหนี้ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างครบวงจร
 
และการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการเพื่อให้สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับโลกหลังโควิด-19 มีบทบาทสำคัญในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน และต้องเร่งผลักดันในระยะต่อไป
 
“ภายใต้ภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง ธปท. และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันติดตามความเสี่ยงในภาคส่วนต่าง ๆ ของระบบเศรษฐกิจการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถออกมาตรการดูแลเพิ่มเติมได้อย่างทันท่วงทีหากจำเป็น
 
รวมถึงดูแลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและเอื้อให้เกิดการปรับตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ร่วมกันได้อย่างมั่นคง” นายดอนกล่าว
 
นายกฯสั่งแก้หนี้ “ครู-ตำรวจ”
 
ทั้งนี้ ด้วยปัญหาหนี้สินครัวเรือนนี้ที่เป็นโจทย์ใหญ่ โดยเฉพาะหนี้สินของกลุ่มข้าราชการครู และตำรวจ ที่ทำให้รัฐบาลไม่อาจนิ่งเฉยได้
โดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศตั้งแต่ต้นปีทันทีว่า ปี 2565 นี้ จะเป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ให้สำเร็จให้ได้ โดยให้ความสำคัญกับ 2 กลุ่มอาชีพเป้าหมาย คือ กลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 
ซึ่งการแก้ไขหนี้ของ 2 กลุ่มอาชีพนี้ คาดว่าจะทำในหลายมิติ ส่วนหนึ่งจะแก้ไขให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดชอบในหนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา มีกรณีที่ครูไปค้ำประกันแล้วเจอเด็กเบี้ยวจ่ายหนี้ จึงสร้างความเดือดร้อนให้กับครูผู้ค้ำประกันเป็นอย่างมาก
 
คลังจ่อชงแพ็กเกจเข้า ครม.
 
ด้านแหล่งข่าวจาก กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินอย่างครอบคลุมทุกมิติไว้แล้ว คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในเร็ว ๆ นี้
 
คงต้องติดตาม ว่าชุดมาตรการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจรจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งคงต้องรีบออกมา เพราะหากปล่อยให้บานปลาย จะเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่