แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก 10 ก้อน กับแผล 9 ซม. และเรียงกันได้ 1 ไม้บรรทัด 30 ซม. พอดี

แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ปิดหน้าท้อง 9 cm ขนาด 30 cm
 
ขอเกริ่นนำคะ เนื่องจากเราหาข้อมูลเกี่ยวเนื้องอกในมดลูกมาพอสมควร อ่านแล้วก็ตาลายไปหมด เลยอยากจะมำแชร์สั้นๆ สรุปเป็นข้อๆให้เข้าใจกันง่ายๆคะ  หลายคนก็ต้องหาข้อมูลมาพอสมควร เราเป็นกำลังใจกับผู้ผ่าตัดทุกคนนะคะ

วันที่ 14 พ.ย. 63 ทางรพ.เวชธานี ลาดพร้าว โทรมาแจ้งว่าให้งดน้ำและอาหารตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันที่ 15พ.ย. 63 เพื่อเตรียมการผ่าตัด และนัดให้ไปถึงรพ.เป็นเวลา 10.00 น. ติดต่อประชาสัมพันธ์ที่ชั้น G

วันที่ 15พ.ย.63 ตอนเช้า เวลา 7.30 น. ทานโจ๊ก กับน้ำเปล่า เรื่อยๆ และงดอาหาร 8.00 น. ก็อาบน้ำเตรียมตัวออกจากบ้าน 
พอมาถึงที่ รพ.ก็เดินเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์ว่า มีเจ้าหน้าที่ทางรพ.ติดต่อมาให้มา admit คะ  จากนั้นก็ให้ขึ้นไปยังชั้น 2 แผนกสูตินรีเวช  โดยแจ้งชื่อเรา พอดีว่าเรามีผลตรวจจากรพ.อื่นมาแล้วก็ ยื่นข้อมูลให้เจ้าหน้าที่+บัตรประชาชน+บัตรประกันที่เรามี
   - อลิอัลซ์ อยุธยา  (อันนี้โทรมาขาย ไม่มีตัวแทน)
   - AIA  
   รอเข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามอาการเราจากผลตรวจ เสร็จแล้วก็นั่งรอคุณหมอรับเข้าเป็นผู้ป่วยใน เจ้าหน้าที่ประกันเข้ามาพูดคุยเรื่องค่าใช้จ่ายว่ามีอะไรบ้าง? ยอดเท่าไหร่ที่ต้องจ่าย? และให้เซ็นเอกสารเรียกร้องสินไหมของแต่ละประกัน 
    จากนั้นก็ Check in เข้าห้องพัก ชั้น 7 มีคุณพยาบาล มายืนต้อนรับ แนะนำตัวเอง แนะนำห้องพัก การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ คุณพยาบาลก็ให้เราเปลี่ยนชุด เพื่อที่ให้น้ำเกลือ เนื่องจากเราเริ่มหิวแล้ว ฮ่าๆ พยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน วัดระดับออกซิเจน วัดไข้ เจาะเลือดเราไปเพื่อจองกรุ๊ปเลือด  สักพักคุณพยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งที่ถืออยู่ในมือ มันคือที่สวนทวาร แล้วก็สอดเข้าไปทางทวาร คุณพยาบาลบอกให้อั้นไว้ประมาณ 15 นาที ความจริงอยากบอกคุณพยาบาลว่ารอเลยก็ได้คะ ไม่ถึง 5 นาทีก็ขนลุกจะกลั้นไม่อยู่เเล้ว รีบกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที 
       จากนั้นคุณพยาบาลก็เข้ามาทำการกำจัดขนบริเวณหน้าท้อง บริเวณหัวหน่าว เกลี้ยงเกลายังกับเด็ก อิอิ โดยใช้แบตเตอเลี่ยน  และแจ้งขอเลื่อนผ่าตัดเป็น 17.00 น. เราก็ตกใจเร็วจังด้วยความตื่นเต้น ขณะที่คุณพยาบาลก็กำลังวัดความดัน ความดันสูงเชียว ฮ่าๆ คุณพยาบาลแซว แล้วก็แต่งตัวให้เราใหม่โดยชุดที่ใส่จะเป็นชุดกระโปรงแบบผูก โดยสลับให้เอาด้านหลังมาไว้ข้างหน้าแทน แล้วก็แจ้งว่าเดี๋ยวมีรถมารับไปห้องผ่าตัด แล้วก็มีมาฉีดยาฆ่าเชื้อให้เรา 2 เข็มใหญ่ๆ ฉีดก่อนผ่าตัด
      และแล้วก็ถึงเวลาราชรถมารับ ไปห้องผ่าตัด  ทางเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดก็เข้ามารับช่วงต่อ โดยสอบถามชื่อเรา สอบถามว่าผ่าอะไร สอบถามว่าผ่าตัดแบบไหน สอบถามว่าผ่ากับคุณหมอท่านไหน แล้วก็อธิบายเรื่องของการจะบล็อกหลังวางยาสลบ และ ดมยาสลบ โดยอธิบายถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบให้ฟัง เท่าที่จับใจความได้คือ ถ้าแบบแรกคือการบล็อกหลังวางยาสลบ เมื่อเราตื่นขึ้นมาเราจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไหร่ และฟื้นตัวได้ไวกว่า ส่วนแบบที่สองคือการดมยาสลบ เมื่อเราตื่นขึ้นมาเราจะเจ็บปวดแผลมาก และเจ็บคอด้วยเนื่องจากจะมีการสอดท่อเข้าไปด้วย
       จากนั้นพยาบาลก็เข็นเข้าไปห้องผ่าตัด ให้เราสลับเตียงจากเตียงรถ ไปลงที่เตียงผ่าตัด คือ พอดีตัวมากอ่า แล้วก็มองซ้ายมองขวา เห็นมีที่มัดแขนด้วย มีไฟส่องผ่าตัด มีสายให้ออกซิเจน มีผ้าสีฟ้า มีเจ้าหน้าที่นับๆรวมกันก็เกือบ 10 คน ความรู้สึกคือเอาแล้วๆ เราโดนเชือดแน่นอน หลังจากนั้นก็ให้เรานอนตะแคง เจ้าหน้าที่มีแซวว่า ทำไมเข้าท่าถูกละ ฮ่าๆ ก็เห็นในหนังมาคะ สักพักรู้สึกถึงเข็มฉันเข้าไขสันหลังปรืดด ความรู้สึกเหมือนโดนเจาะเลือดแหละ แล้วก็แปปเดียวเลยจริงๆ ไม่มีความรู้สึกแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จับพลิกตัวนอนหงาย จัดท่าทางเราให้ขาทั้ง 2 ข้างเหยียดตรง หน้ากากออกซิเจน ผ้าคลุมอะไรก็ไม่รู้มาเต็มไปหมด เราก็มองตรงไฟส่องผ่าตัดมันจะมีเงาๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็สังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดกำลังทำความสะอาด ใส่สายสวนปัสสาวะ แต่ยังรู้สึกว่า ทำไมเมื่อยขาจังจะขยับขาสักหน่อยแต่ทำไมขยับไม่ได้หว่า และแล้วก็ภาพตัด...ไปทันที
        รู้สึกตัวอีกทีคือตื่นมาในห้องผ่าตัดกระพริบตาปิป ปิป เราก็มองไปรอบๆห้อง สังเกตไฟส่องผ่าตัดว่าเขากำลังทำอะไรที่ท้องของเราอยู่ อ่อ... กำลังทำความสะอาดแผลแล้วก็กำลังติดพลาสเตอร์กันน้ำ แล้วก็ชำเลืองมองไปอีกทางด้านขวา เห็นเจ้าหน้าที่ถือถุงอะไรเป็นก้อนๆ ทำไมเยอะจัง ด้วยความสงสัยว่านั่นคือ มดลูกเราหรือว่าเนื้องอก ก้อนใหญ่แท้  แล้วก็เข็นเราไปยังห้องพักฟื้นเพื่อรอดูอาการ ตาก็เห็นนาฬิกาว่าประมาณ 19.30 น. แล้วคุณหมอก็เดินมาหา บอกว่าคุณมีเนื้องอกมากกว่า 3 ก้อนอีกนะ มีเยอะเลยเป็น 10 ก้อน พอเอามาเรียงกัน ยาวกว่า 30 cm นะ หมอผ่าแผลแค่ 9 cm นะ แล้วก็เปิดรูปให้เราดู พอเห็นเท่านั้นแหละ คุณหมอคะอย่าลืมส่งรูปใน line ให้หนูด้วยนะคะ ฮ่าๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดก็แจ้งว่าดูอาการก่อนสัก 1.30 ชม. ก่อนค่อยพาขึ้นห้องพัก เราก็หลับไปสักพักจะให้ขึ้นห้องละ มองนาฬิกาก็ประมาณ 20.15 น. แล้วก็ยังถามเจ้าหน้าที่อีกว่าได้เติมเลือดไหม เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ใช้เลย เราเสียเลือดไปแค่ 400 ml เอง อีกสักพักบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะอาเจียนแล้วไม่ไหวแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เรียบเอาที่รองมาให้เรา แล้วพูดว่าจะเป็นอาการจากยาฆ่าเชื้อ แล้วก็เข็นพาเราขึ้นห้องพัก
พอถึงห้องพัก เราชาไปหมดทั้งตัว ทางคุณพยาบาลก็ให้เรานอนราบจนถึงเที่ยงคืน พอผ่านไปสัก 23.00 น. ท้องก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด แถมมีสายปัสสาวะใส่เข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ทั้งที่ตอนอยู่ในห้องผ่าก็เห็นนะ แล้วก็มียาแก้ปวดอีกขวด คู่กับน้ำเกลือ แล้วคุณพยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน วัดระดับออกซิเจน และวัดไข้ เราทุกๆ 1 ชม.  รู้สึกไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่
16 พ.ย. 63 
เวลา 05.30 น. คุณพยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน วัดระดับออกซิเจน และวัดไข้ ทุกๆ 2 ชม. คุณพยาบาลก็มาเช็ดตัวทำความสะอาดให้ แอบเขิน อิอิ
บอกว่าค่อยให้เราทานอาหารอ่อนได้ตอน 11.00 น. ก่อนอาหารมาคุณพยาบาลให้เราลุกเดินเพื่อต้องการให้ลำไส้เราทำงาน พอเราเอียงตัวตะแคงเท่านั้นแหละรู้สึกเจ็บแปลบๆ แต่ก็พยายามผืนตัวเองลุกให้ได้ พอลุกยืนข้างเตียงได้แล้วคุณพยาบาลก็ประคองเราให้เดิน โดยถามเราว่ามีอาการเวียนหัวไหม เราก็บอกว่าไม่มีอาการ จากนั้นก็ค่อยๆเดิน สักพักเหงื่อแตก รีบบอกคุณพยาบาลว่าเหมือนหูอื้อๆ วิ้งๆ ไปหมดเลย คุณพยาบาลก็ให้หยุดพักก่อน แล้วเดินกลับมาที่เตียงด้วยท่าทีอิดโรยมาก เหงื่อแตก เปียกเต็มตัว คุณพยาบาลก็ให้พักก่อน แล้วอาหารก็มาเสริฟแล้วโดยให้ทานเป็นน้ำซุป อย่างเดียวและก็น้ำผลไม้  หลังจากนั้นก็มีคุณพยาบาลอีกคนเข้ามาตรวจฟังเสียงของลำไส้แล้วบอกกับเราว่าลำไส้เราเริ่มทำงานแล้ว เราก็กดปุ่มเรียกคุณพยาบาลว่าเราพร้อมแล้ว พอคุณพยาบาลมาเราก็ลุกเดินได้แต่เอามือกุมท้องหน่อยเพราะยังตึงๆแผล แต่คราวนี้เดินได้เยอะกว่าเมื่อกี้มากขึ้น เหงื่อไม่แตกแล้ว อาจจะเพราะว่าได้พลังงาน คือน้ำซุปมาแล้วคะ จากนั้นก็พักผ่อน 
ช่วงบ่ายๆ มีเจ้าหน้าที่นักกายภาพบำบัดเข้ามาเยี่ยมพร้อมกับแนะนำการลุกนั่ง การหายใจ การเดิน ให้เราทราบแล้วก็ให้เราเดินอีกรอบ 
ช่วงเย็น ก็มีคุณพยาบาลเข้ามาเช็ดตัวทำความสะอาดให้ แล้วก็เข้ามาซักถามอาการ ความเจ็บปวด  คุณพยาบาลก็เข้ามาฉีดยาแก้ปวดให้พร้อมทั้งฉัดยาฆ่าเชื้อต่อ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของทางรพ.มาเยี่ยมโดยมีครีมกันแดดของทางรพ.มาเยี่ยมไข้เรา โอ้..ดีงามงามคะ และแล้วอาหารเย็นก็มาเสริฟพอดี 
ช่วงดึก ประมาณ 2 ทุ่ม คุณหมอมาเยี่ยม มาดูแผล มาสอบถามว่าเราเรอหรือยังผายลมหรือยัง เราก็บอกว่ายังไม่ผายลมเลย คุณหมอเลยสั่งยาระบายมาให้ แล้วก็ให้ถอดสายปัสสาวะออก เพื่อต้องการให้เราลุกขยับตัว 

17 พ.ย. 63
เวลา 05.30 น. คุณพยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน วัดระดับออกซิเจน และวัดไข้ ทุกๆ 3 ชม. คุณพยาบาลเข้ามาดูอาการและสอบถามเราว่าจะให้เช็ดตัวหรืออาบน้ำ เราก็บอกคุณพยาบาลว่าจะอาบน้ำเอง แต่ก็รออาบน้ำหลังทานข้าวเช้าเสร็จ ประมาณ 8 โมง มื้อนี้เป็นข้าวต้มกระดูกหมู แล้วก็เดินเล่นในห้อง ลุกนั่ง และนอนหลับไป ตื่นมาอีกที ใกล้เที่ยงแล้ว คุณพยาบาลก็เอาอาหารกลางวันเข้ามาให้ พร้อมกับยาก่อนอาหารและหลังอาหาร  
ช่วงเย็น ทานอาหารกับยาแล้วก็รอเพื่อนแวะมาเยี่ยม คุณหมอก็มาเยี่ยม สอบถามอาการว่าเรอหรือยัง ผายลมหรือยัง ขับถ่ายหรือยัง เราก็ตอบคุณหมอว่า มีเรอแล้ว มีผายลมแล้ว แต่ยังไม่มีการขับถ่าย คุณหมอก็เช็คช่องท้องบอกว่าท้องอืดมากพยายามขับถ่ายให้ได้นะ เพราะมันจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากเลย คุณหมอก็สั่งคุณพยายาลให้เจาะเลือดเราและเก็บปัสสาวะไปตรวจดู กว่าจะได้อาบน้ำก็นู้นคะ เกือบ 21.00 น. คุณสามีก็ค่อยๆประคองไป เราก็เข้าไปอาบน้ำฝักบัว พยายามจะอาบเองเเล้วแต่ยังไม่สามารถคะ เลยต้องเป็นหน้าที่คุณสามีอาบน้ำแต่งตัวให้ พออาบเสร็จก็สบายตัวมากคะ เดินขึ้นเตียงเฉยเลย สามีแซวว่า "นี่คือสิ่งที่คุณต้องการ คำตอบเราคือ ใช่แล้ว ฮ่าๆ"
คุณพยาบาลก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับโทรศัพท์สายคุณหมอ เริ่มด้วยบทสนทนาที่ว่า หนูมีอาการเริ่มติดเชื้อนะคะ ดูจากผลเลือด หมอคงต้องให้ยาฆ่าเชื้อต่อ อีก 2 โดส นะคะ เราก็รับทราบจากคุณหมอ ก็ต้องให้ยาฆ่าเชื้อแบบขวดเพิ่มอีก 2 ขวด คือตอนเที่ยงคืน และตอนเที่ยงของอีกวันนึง จากนั้นเจ้าหน้าที่ผ่านประกันก็ขึ้นมาบอกว่า รายการนี้จะไม่ได้อยู่ในแพ็คเกจนะคะ คนไข้อาจจะต้องจ่ายเอง เราก็เซ็นยินยอมไปคะ พอหลังจากนั้นประมาณ 23.00 น. เริ่มรู้สึกปวดท้องก็ลองเข้านั่งดู สรุปว่าขับถ่ายแล้วคะ เยอะเชียว ดีใจสุดๆ ฮ่าๆ รีบออกมา line ไปหาคุณหมอว่าเราถ่ายแล้วนะ สักพักหมอโทรกลับมาถามว่า ขับถ่ายเยอะไหม ผายลมออกมาเยอะไหม ลักษณะอุจจาระออกมาเป็นแบบไหน นิ่มหรือแข็ง เราก็ตอบว่าเยอะคะ ลักษณะนิ่มๆ แต่เหมือนรู้สึกเหมือนยังไม่หมด อาจเป็นเพราะว่าเรากินเยอะ อิอิ จากนั้นพอเที่ยงคืนคุณพยาบาลก็เข้ามาให้ยาฆ่าเชื้อ ต่อแล้วเราก็หลับสนิทเลย
18 พ.ย. 63
เวลา 05.30 น. คุณพยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน วัดระดับออกซิเจน และวัดไข้ ทุกๆ 3 ชม.
เวลา 06.00 น. คุณพยาบาลเข้ามาดูอาการและสอบถามเราว่าจะให้เช็ดตัวหรืออาบน้ำเราก็บอกคุณพยาบาลว่าจะอาบน้ำ  แลทางรพ.กำลังทำเรื่องออกให้แล้วคะ แล้วเราก็นอนรอคุณหมอ ประมาณ 4 โมงเย็น สักพักมีเจ้าหน้าที่เภสัชกรขึ้นมาหาเราเอายากลับบ้านมาให้เรานั่นเอง อธิบายกันเสร็จสับก็เซ็นเอกสารรับทราบ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่การเงินโทรมาแจ้งตอนใกล้ๆจะ 4 โมงเย็นละ โดยแจ้งกับเราว่าทางรพ.สามารถ fax claim ของประกันอยุธยาอลิอันซ์ได้ตามวงเงินจำนวน 94,500 บาท ส่วนของทาง AIA ให้เราสำรองจ่ายไปก่อน เพราะทาง AIA ขอขอเช็คประวัติเราก่อนนั่นเอง เราก็เลยจ่ายให้ทางรพ.ไป 45,500 บาท รวมเป็นยอดทั้งหมด 140,000 บาท เราก็เจอคุณหมอพอดี คุณหมอก็เข้ามาคุยเรื่องเอกสารให้ ว่า รพ.ที่นี่ดีนะ เค้าคิดราคาให้เราเหมาๆเลย ขนาดยาส่วนเกิน กับไหมเย็บแผลชนิดพิเศษก็ยังไม่ได้คิดเพิ่ม เราก็ขอบคุณคุณหมอกับทางรพ.เวชธานีมากเลยคะ บริการทุกระดับประทับใจมากเลยคะ ถ้าถามว่าอยากจะชวนใครมาไหม เราอยากชวนอยู่แล้วคะ ถึงเขาจะไม่มาส่วนเราถ้าเป็นอะไรอีกเรามาที่นี่แน่นอนคะ 
หลังจากเคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จก็เข้าไปในห้องก็เห็นอาหารเย็นวางอยู่มื้อสุดท้ายแล้ว ทางคุณพยาบาลกับคุณหมอก็เข้ามาดูแผลเราให้ พร้อมกับเปลี่ยนพลาสเตอร์กันน้ำให้เราก่อนออกจากรพ. เราถามคุณพยาบาลว่าเราจะต้องออกจากห้องกี่โมง คุณพยาบาลก็บอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็กดเรียกได้เลยคะ เดี๋ยวจะเรียกรถเข็นกับรถขนของมาให้ จากนั้นเราก็อาบน้ำแต่งตัวเองประมาณ 6 โมงเย็นเราก็เดินทางกลับบ้านคะ

สรุปค่าใช้จ่ายผ่าตัดครั้งนี้
ค่าผ่าตัดเปิดหน้าท้องเหมา 140,000 บาท
เบิกกับบริษัทประกัน 
Allianz Ayudhya 94,500 บาท (Fax claim ได้เลย) 
AIA   45,500 บาท (สำรองจ่ายเงินก่อน) เอามาเบิกทีหลัง ใช้เวลา พิจารณา 1-2 วัน รอเงินโอนเข้าบัญชี 3-5 วันทำการ
ยอดจริงๆ 180,000 บาท แต่ทางโรงพยาบาลทำส่วนลดให้ เราพิเศษ (อันนี้ก็ถือเป็นความหัวใสของประกันนะ เพราะรู้ว่า รพ. จะต้องลดให้ลูกค้า แล้วประกันจะได้จ่ายน้อยลง)
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ เพิ่งรีวิวครั้งแรก เพี้ยนจริงจัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่