ถุงมือเรื่องสั้น ประจำสัปดาห์ที่ 23 สมัยที่ 6 สุดท้าย ส่งท้ายปี 2020 ยกที่ 2 เรื่องที่ 5 ครับ....
เรื่องนี้ ขึ้นต้นมาก็พาเศร้า เพราะว่าด้วยการลาขาดจากความเป็นคู่ชีวิต
สามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินทางไปทำการหย่ากัน อย่างเป็นทางการ
ก่อนจากกัน สามี ขอสวมกอดภรรยาซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่กี่วินาทีข้างหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเธอก็ยินยอม และเมื่อได้สวมกอดเธอ เขาก็บอกรักเธออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย และเธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นรีบผละจากอกเขาหันหน้าเดินจากไปทันที เพราะไม่อยากเห็นเขาหลั่งน้ำตา...
เขากับเธอ จะจบกันแค่นี้ จริงๆ หรือไร ? 
คงต้องตามลุ้นกันต่อละครับ......
“ขอผมกอดคุณเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมเดือน”
มนตรีรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะได้สวมกอดอดีตภรรยา เพราะตอนนี้เขาทั้งสองกำลังจะแยกกันเดินคนละทางตลอดกาล ยืนถือใบจดทะเบียนหย่าคนละแผ่น อยู่หน้าสำนักงานเขตแห่งหนึ่งแถวบางจาก มนตรีมองอดีตภรรยาด้วยสายตาห่วงหาอาทร เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เขาและเธอต้องแยกจากกัน เรื่องของครอบครัวละเอียดอ่อนกว่าที่คนนอกอย่างเราจะเข้าใจ
“ได้สิ”
เดือนนภา ส่งยิ้มอ่อนมุมปากให้กับมนตรี ซึ่งเวลานี้กลายเป็นอดีตสามีไปเรียบร้อยแล้ว กางแขนออกเล็กน้อยเป็นสัญญานให้รู้ว่าเธออนุญาตให้เขาเข้ามากอดเธอได้เป็นครั้งสุดท้าย
“ขอบคุณนะเดือน”
กลิ่นหอมจากเรือนผมยาวสลวยดำขลับประบ่าโชยมาจากแชมพูยี่ห้อเดิม ๆ น้ำหอมกลิ่นเดิมอ่อน ๆ จากหลังใบหูที่เธอชอบเอามาแต้มเพียงหยดเดียวอันคุ้นเคย ถึงกับทำให้มนตรีน้ำตาเอ่อ
“ผมยังรักคุณเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนนะ”
เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์และไม่สมควรจะพูดประโยคนี้ แต่มันเป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งที่สั่งให้เขาพูดออกมาโดยอัตโนมัติ
“ขอบคุณค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เดือนไปก่อน”
เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังร้องไห้เสียใจ จึงรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขา หันหลังเดินจากไป เธอไม่อยากร้องไห้ร่วมกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว กอดครั้งนี้ถึงแม้จะเป็นกอดสุดท้ายของคนสองคน แต่เป็นกอดที่ส่งผ่านความรู้สึกของเขาทั้งสองคนจะจดจำวันนี้ไปตลอดชีวิต
**************************************************
“เป็นยังไงบ้างลูก เรียบร้อยดีไหม?”
อารีย์มารดาของเดือนนภาเอ่ยถาม เห็นลูกสาวเปิดประตูมุ้งลวดหน้าบ้านเข้ามาภายใน ด้วยใบหน้าบวมช้ำนัยน์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา หนักหนาพอสมควร
“เรียบร้อยดีแล้วค่ะแม่”
ชูใบหย่าให้มารดาดูก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะทำงานของบิดาที่อยู่มุมห้องริมหน้าต่าง บิดาชอบมานั่งฟังข่าวเศรษฐกิจ การเมือง หุ้น จากวิทยุเครื่องโปรดตรงนี้เป็นประจำ
“อย่าเสียใจเลยนะเดือน ถือเสียว่าลูกกับพ่อมนตรี ทำบุญมาร่วมกันแค่นี้ก็แล้วกันนะ”
“ค่ะแม่”
อารีย์เดินเข้ามาสวมกอดลูกสาวคนโต ใช้สองมือลูบหลังเบา ๆ อย่างปลอบประโลม สงสารลูกสาวของตัวเองเหลือเกิน ต้องเลิกกับสามีทั้งที่ยังรักกัน แต่เพื่อความถูกต้อง เดือนนภาจึงขอเลือกทางเดินของตัวเอง
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่แต่งงานด้วย และยอมจดทะเบียนสมรส อยู่กินกันมาสองปี จะมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสเหมือนกับเธอ เมื่อเขามาทวงคืน พร้อมกับหอบลูกสาวลูกชายมาด้วย ว่าผู้ชายคนนี้คือสามีและพ่อของลูกทั้งสองของเธอ มีหรือที่เดือนนภาจะไม่รับฟัง ในเมื่อมนตรีได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ พูดคำว่าขอโทษ ขอโทษ การจดทะเบียนหย่าวันนี้จึงเกิดขึ้น
กอดของมารดา ทำให้เดือนนภา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความรัก ความห่วงใย ให้รู้ว่าเธอไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายเพียงลำพัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดพลาด หากเป็นแต่เพราะความไม่รู้และเพราะความรัก ไม่มีคำว่าสายเกินไปถ้าเราจะเลือกเดินทางใหม่เพื่อความถูกต้อง ขอเพียงคนใกล้ชิด คนในครอบครัวเข้าใจ ให้กำลังใจกัน เธอก็พร้อมจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อตัวของเธอเอง
“อ้าว เดือนกลับมาแล้วเหรอลูก แล้วจัดการเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
ประกิตบิดาของเดือนนภาเดินลงบันไดบ้านชั้นสอง เข้ามาสมทบหลังจากได้ยินเสียงรถยนต์ เข้ามาจดโรงรถภายในบ้าน ก็รู้ทันทีว่าลูกสาวคนโตกลับมาแล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะพ่อ”
“ดีแล้วล่ะ ถือเสียว่าเรากับพ่อมนตรีไม่ใช่เนื้อคู่กัน พ่อมนตรียังไม่มีบุญพอจะเคียงคู่กับเดือนลูกของพ่อไปตลอดชีวิตหรอก”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
กล่าวขอบคุณผู้เป็นบิดา พลางหัวเราะไปด้วยกับคำพูดให้กำลังใจ ปนติดตลกอารมณ์ดีของผู้เป็นบิดา
“ลูกสาวพ่อยังสาวยังสวย ขี้คร้านต่อไปพ่อต้องคอยต้อนรับหนุ่ม ๆ ไม่ซ้ำหน้าแต่ละวันสิน่า”
ประกิตหัวเราะออกมาหลังพูดจบ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกสงสารลูกสาวคนโตจับใจ เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายกับการจะต้องแยกจากคนรัก ซึ่งเป็นสามีที่อยู่ร่วมกันมาถึงสองปี ความผูกพันมันย่อมมีมากกว่า แค่คนคบหาดูใจกันเป็นแฟนกันทั่วไปอยู่แล้ว
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
ยิ้มและหัวเราะทั้งน้ำตาหันไปสวมกอดบิดาที่อ้าแขนรอกอดลูกสาวอยู่ก่อนแล้ว อ้อมกอดของพ่อ ทำให้เดือนนภาสัมผัสได้ถึงการมีพลังใจ ให้เธอก้าวสู้ต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง และเธอรู้ว่าถ้าเธอหมดไฟ หมดพลังเมื่อไรก็เพียงกลับมาสู่อ้อมกอดนี้ ที่เปรียบเสมือนการซาร์จแบตเตอรี่พลังใจสำหรับเธอเสมอ
“วันนี้พ่อว่าเราไปทานข้าวนอกบ้าน ฉลองที่ลูกสาวพ่อ ได้อิสรภาพกลับคืนมากันดีกว่า”
“อือ แม่เห็นด้วยนะ เราไม่ได้ทานข้าวนอกบ้านกันนานแล้ว”
“เมื่อกี้ก่อนพ่อจะลงมาข้างล่าง พ่อโทรหาดาวน้องเราเรียบร้อย บอกเลิกงานจะรีบกลับ งั้นตามนี้นะ แม่จะได้ไม่ต้องทำอาหารเย็นนี้”
“ตามใจพ่อกับแม่เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวเดือนขึ้นไปเก็บของในห้องระหว่างรอน้องกลับมานะคะ”
“จ้า ให้แม่ไปช่วยอีกแรงไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ เหลือแต่กระเป๋าเสื้อผ้าแค่ย้ายเก็บใส่ในตู้ก็เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นก็ตามใจเดือนนะลูก จะให้แม่ช่วยอะไรก็บอกมา”
“ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณพ่อด้วยค่ะ เดือนขอตัวเลยนะคะ”
เดือนนภาย้ายออกจากบ้านที่มนตรีซื้อไว้เป็นเรือนหอ ก่อนทั้งสองจะแต่งงานกัน เข้าไปอยู่หวังจะสร้างครอบครัวใหม่ แต่ทุกอย่างก็พังทลายไปไม่ถึงฝั่งฝัน ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ความจริงมนตรีตั้งใจ ยกบ้านหลังนั้นให้กับเดือนนภา แต่เธอเลือกที่จะไม่รับ เพราะมันคงทำให้เธอ จมอยู่กับคำว่าคิดถึงเขาตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน เธอขอเลือกเป็นฝ่ายหันหลังออกมาจากความทรงจำในอดีตเสียดีกว่า การได้กลับมาอยู่บ้านที่มีความความอบอุ่นจากพ่อแม่และน้องสาวของเธอ จะช่วยเยียวยารักษาแผลใจ อันบอบช้ำของเธอให้กลับมาดีขึ้นเหมือนเดิมได้ในสักวัน
“พี่เดือน ดาวเข้าไปได้ไหม” ดาวประดับเคาะประตูส่งเสียงมาจากภายนอกห้อง
“ได้จ้า ประตูไม่ได้ล็อก”
“ทำไมกลับมาเร็วจัง ปกติจะถึงบ้านราวหนึ่งทุ่มทุกที”
เหลือบดูนาฬิกาบนข้อมือเพิ่งจะหกโมงเย็น ขณะกำลังเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าช่องบนสุดถูกออกแบบลักษณะบิ้วท์อินเป็นผนังห้องไปในตัว
“ก็วันนี้ออกไปธุระข้างนอกพอเสร็จก็กลับบ้านเลยไม่เข้าออฟฟิศ ว่าแต่พี่เดือน ไปจดทะเบียนหย่ากับคุณมนตรีเรียบร้อยดีนะ”
“อืม เรียบร้อยแล้ว”
“พี่เดือนอย่าเสียใจนานนักนะ บางทีคุณมนตรีกับพี่อาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ ที่สวรรค์เบื้องบนลิขิตมาก็ได้”
“อึม ขอบคุณนะ เข้าใจสรรหาคำพูดมาปลอบจังเลยนะเรา ขอเวลาพี่สักพัก มันยากนะดาว ที่จะไม่ให้พี่รู้สึกอะไรเลย”
“ดาวเข้าใจ แต่ดาวเชื่อว่าพี่เดือนจะมาเป็นพี่เดือนคนเดิม มีความสุข สนุกสนานร่าเริง จะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้แน่นอน”
ดาวประดับเดินเข้ามาสวมกอดพี่สาวด้วยความรักผสมกับความห่วงใย ทั้งสองห่างกันแค่สองปีตอนเด็กติดกันยังกับตังเม เรียกได้ว่า กิน นอน เล่น ด้วยกันตลอดเวลาไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่ง คลาดสายตาหรือห่างจากกัน แม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าไปด้วยกัน เดือนนภาจึงกลายเป็นเด็กโข่ง แก่กว่าเด็กทุกคนในชั้นเรียนประถมปีที่หนึ่ง เพื่อจะได้เรียนด้วยกันกับดาวประดับ
“ขอบใจนะดาว ที่เป็นห่วงพี่”
“ถ้าดาวรู้อนาคตว่า สุดท้ายพี่จะเจ็บแบบนี้ ดาวไม่ยอมให้มีงานแต่งงานแน่นอน”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ไม่อยากพูดถึงมันอีก”
“ขอโทษค่ะพี่เดือน ดาวก็แค่”
“ขอบใจนะที่เจ็บปวดแทนพี่ เป็นห่วงพี่ พี่สัญญาว่าจะเป็นพี่เดือนคนเดิมกลับมาให้เร็วที่สุด”
ดาวประดับกับเดือนนภายังคงยืนกอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจ ความรู้สึกของกันและกัน เดือนนภารู้ว่าน้องสาวของเธอเจ็บปวดทรมาน ที่เห็นพี่สาวของเธอเป็นทุกข์ เธอสัญญาว่าจะผ่านมรสุมชีวิต อันแสนเศร้านี้ไปให้ไวที่สุด เพื่อทุกคนรักและเป็นห่วงเธอ โดยเฉพาะทุกคนในบ้านหลังนี้
“พ่อกับแม่ ก็รักและเป็นห่วงลูกทั้งสองนะ”
ประกิตเอ่ยขึ้น ยืนอยู่กับอารีย์หน้าประตูที่เปิดอ้าออก เห็นภาพสองพี่น้องร้องไห้กอดกันด้วยความรัก ก็ทำให้ประกิตและอารีย์ น้ำตาเอ่อกับภาพตรงหน้า เดินเข้าไปสวมกอดลูกสาวทั้งสองพร้อมกันทั้งสี่คน เพื่อแสดงถึงความรักความห่วงใย และการปลอบโยนซึ่งกันและกัน ในยามที่คนใดคนหนึ่งกำลังเป็นทุกข์ หรือต้องการกำลังใจ
...The end…
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
💙🤗💚 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#99 Week#23, 30/11 - 4/12 ".....กอด....." - ถุงมือ The Family 💚🤗💜
เรื่องนี้ ขึ้นต้นมาก็พาเศร้า เพราะว่าด้วยการลาขาดจากความเป็นคู่ชีวิต
สามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินทางไปทำการหย่ากัน อย่างเป็นทางการ
ก่อนจากกัน สามี ขอสวมกอดภรรยาซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่กี่วินาทีข้างหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเธอก็ยินยอม และเมื่อได้สวมกอดเธอ เขาก็บอกรักเธออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย และเธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นรีบผละจากอกเขาหันหน้าเดินจากไปทันที เพราะไม่อยากเห็นเขาหลั่งน้ำตา...
เขากับเธอ จะจบกันแค่นี้ จริงๆ หรือไร ?
คงต้องตามลุ้นกันต่อละครับ......
มนตรีรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะได้สวมกอดอดีตภรรยา เพราะตอนนี้เขาทั้งสองกำลังจะแยกกันเดินคนละทางตลอดกาล ยืนถือใบจดทะเบียนหย่าคนละแผ่น อยู่หน้าสำนักงานเขตแห่งหนึ่งแถวบางจาก มนตรีมองอดีตภรรยาด้วยสายตาห่วงหาอาทร เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เขาและเธอต้องแยกจากกัน เรื่องของครอบครัวละเอียดอ่อนกว่าที่คนนอกอย่างเราจะเข้าใจ
“ได้สิ”
เดือนนภา ส่งยิ้มอ่อนมุมปากให้กับมนตรี ซึ่งเวลานี้กลายเป็นอดีตสามีไปเรียบร้อยแล้ว กางแขนออกเล็กน้อยเป็นสัญญานให้รู้ว่าเธออนุญาตให้เขาเข้ามากอดเธอได้เป็นครั้งสุดท้าย
“ขอบคุณนะเดือน”
กลิ่นหอมจากเรือนผมยาวสลวยดำขลับประบ่าโชยมาจากแชมพูยี่ห้อเดิม ๆ น้ำหอมกลิ่นเดิมอ่อน ๆ จากหลังใบหูที่เธอชอบเอามาแต้มเพียงหยดเดียวอันคุ้นเคย ถึงกับทำให้มนตรีน้ำตาเอ่อ
“ผมยังรักคุณเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนนะ”
เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์และไม่สมควรจะพูดประโยคนี้ แต่มันเป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งที่สั่งให้เขาพูดออกมาโดยอัตโนมัติ
“ขอบคุณค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เดือนไปก่อน”
เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังร้องไห้เสียใจ จึงรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขา หันหลังเดินจากไป เธอไม่อยากร้องไห้ร่วมกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว กอดครั้งนี้ถึงแม้จะเป็นกอดสุดท้ายของคนสองคน แต่เป็นกอดที่ส่งผ่านความรู้สึกของเขาทั้งสองคนจะจดจำวันนี้ไปตลอดชีวิต
อารีย์มารดาของเดือนนภาเอ่ยถาม เห็นลูกสาวเปิดประตูมุ้งลวดหน้าบ้านเข้ามาภายใน ด้วยใบหน้าบวมช้ำนัยน์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา หนักหนาพอสมควร
“เรียบร้อยดีแล้วค่ะแม่”
ชูใบหย่าให้มารดาดูก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะทำงานของบิดาที่อยู่มุมห้องริมหน้าต่าง บิดาชอบมานั่งฟังข่าวเศรษฐกิจ การเมือง หุ้น จากวิทยุเครื่องโปรดตรงนี้เป็นประจำ
“อย่าเสียใจเลยนะเดือน ถือเสียว่าลูกกับพ่อมนตรี ทำบุญมาร่วมกันแค่นี้ก็แล้วกันนะ”
“ค่ะแม่”
อารีย์เดินเข้ามาสวมกอดลูกสาวคนโต ใช้สองมือลูบหลังเบา ๆ อย่างปลอบประโลม สงสารลูกสาวของตัวเองเหลือเกิน ต้องเลิกกับสามีทั้งที่ยังรักกัน แต่เพื่อความถูกต้อง เดือนนภาจึงขอเลือกทางเดินของตัวเอง ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่แต่งงานด้วย และยอมจดทะเบียนสมรส อยู่กินกันมาสองปี จะมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสเหมือนกับเธอ เมื่อเขามาทวงคืน พร้อมกับหอบลูกสาวลูกชายมาด้วย ว่าผู้ชายคนนี้คือสามีและพ่อของลูกทั้งสองของเธอ มีหรือที่เดือนนภาจะไม่รับฟัง ในเมื่อมนตรีได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ พูดคำว่าขอโทษ ขอโทษ การจดทะเบียนหย่าวันนี้จึงเกิดขึ้น
กอดของมารดา ทำให้เดือนนภา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความรัก ความห่วงใย ให้รู้ว่าเธอไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายเพียงลำพัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดพลาด หากเป็นแต่เพราะความไม่รู้และเพราะความรัก ไม่มีคำว่าสายเกินไปถ้าเราจะเลือกเดินทางใหม่เพื่อความถูกต้อง ขอเพียงคนใกล้ชิด คนในครอบครัวเข้าใจ ให้กำลังใจกัน เธอก็พร้อมจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อตัวของเธอเอง
“อ้าว เดือนกลับมาแล้วเหรอลูก แล้วจัดการเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
ประกิตบิดาของเดือนนภาเดินลงบันไดบ้านชั้นสอง เข้ามาสมทบหลังจากได้ยินเสียงรถยนต์ เข้ามาจดโรงรถภายในบ้าน ก็รู้ทันทีว่าลูกสาวคนโตกลับมาแล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะพ่อ”
“ดีแล้วล่ะ ถือเสียว่าเรากับพ่อมนตรีไม่ใช่เนื้อคู่กัน พ่อมนตรียังไม่มีบุญพอจะเคียงคู่กับเดือนลูกของพ่อไปตลอดชีวิตหรอก”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
กล่าวขอบคุณผู้เป็นบิดา พลางหัวเราะไปด้วยกับคำพูดให้กำลังใจ ปนติดตลกอารมณ์ดีของผู้เป็นบิดา
“ลูกสาวพ่อยังสาวยังสวย ขี้คร้านต่อไปพ่อต้องคอยต้อนรับหนุ่ม ๆ ไม่ซ้ำหน้าแต่ละวันสิน่า”
ประกิตหัวเราะออกมาหลังพูดจบ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกสงสารลูกสาวคนโตจับใจ เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายกับการจะต้องแยกจากคนรัก ซึ่งเป็นสามีที่อยู่ร่วมกันมาถึงสองปี ความผูกพันมันย่อมมีมากกว่า แค่คนคบหาดูใจกันเป็นแฟนกันทั่วไปอยู่แล้ว
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
ยิ้มและหัวเราะทั้งน้ำตาหันไปสวมกอดบิดาที่อ้าแขนรอกอดลูกสาวอยู่ก่อนแล้ว อ้อมกอดของพ่อ ทำให้เดือนนภาสัมผัสได้ถึงการมีพลังใจ ให้เธอก้าวสู้ต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง และเธอรู้ว่าถ้าเธอหมดไฟ หมดพลังเมื่อไรก็เพียงกลับมาสู่อ้อมกอดนี้ ที่เปรียบเสมือนการซาร์จแบตเตอรี่พลังใจสำหรับเธอเสมอ
“วันนี้พ่อว่าเราไปทานข้าวนอกบ้าน ฉลองที่ลูกสาวพ่อ ได้อิสรภาพกลับคืนมากันดีกว่า”
“อือ แม่เห็นด้วยนะ เราไม่ได้ทานข้าวนอกบ้านกันนานแล้ว”
“เมื่อกี้ก่อนพ่อจะลงมาข้างล่าง พ่อโทรหาดาวน้องเราเรียบร้อย บอกเลิกงานจะรีบกลับ งั้นตามนี้นะ แม่จะได้ไม่ต้องทำอาหารเย็นนี้”
“ตามใจพ่อกับแม่เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวเดือนขึ้นไปเก็บของในห้องระหว่างรอน้องกลับมานะคะ”
“จ้า ให้แม่ไปช่วยอีกแรงไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ เหลือแต่กระเป๋าเสื้อผ้าแค่ย้ายเก็บใส่ในตู้ก็เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นก็ตามใจเดือนนะลูก จะให้แม่ช่วยอะไรก็บอกมา”
“ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณพ่อด้วยค่ะ เดือนขอตัวเลยนะคะ”
เดือนนภาย้ายออกจากบ้านที่มนตรีซื้อไว้เป็นเรือนหอ ก่อนทั้งสองจะแต่งงานกัน เข้าไปอยู่หวังจะสร้างครอบครัวใหม่ แต่ทุกอย่างก็พังทลายไปไม่ถึงฝั่งฝัน ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ความจริงมนตรีตั้งใจ ยกบ้านหลังนั้นให้กับเดือนนภา แต่เธอเลือกที่จะไม่รับ เพราะมันคงทำให้เธอ จมอยู่กับคำว่าคิดถึงเขาตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน เธอขอเลือกเป็นฝ่ายหันหลังออกมาจากความทรงจำในอดีตเสียดีกว่า การได้กลับมาอยู่บ้านที่มีความความอบอุ่นจากพ่อแม่และน้องสาวของเธอ จะช่วยเยียวยารักษาแผลใจ อันบอบช้ำของเธอให้กลับมาดีขึ้นเหมือนเดิมได้ในสักวัน
“พี่เดือน ดาวเข้าไปได้ไหม” ดาวประดับเคาะประตูส่งเสียงมาจากภายนอกห้อง
“ได้จ้า ประตูไม่ได้ล็อก”
“ทำไมกลับมาเร็วจัง ปกติจะถึงบ้านราวหนึ่งทุ่มทุกที”
เหลือบดูนาฬิกาบนข้อมือเพิ่งจะหกโมงเย็น ขณะกำลังเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าช่องบนสุดถูกออกแบบลักษณะบิ้วท์อินเป็นผนังห้องไปในตัว
“ก็วันนี้ออกไปธุระข้างนอกพอเสร็จก็กลับบ้านเลยไม่เข้าออฟฟิศ ว่าแต่พี่เดือน ไปจดทะเบียนหย่ากับคุณมนตรีเรียบร้อยดีนะ”
“อืม เรียบร้อยแล้ว”
“พี่เดือนอย่าเสียใจนานนักนะ บางทีคุณมนตรีกับพี่อาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ ที่สวรรค์เบื้องบนลิขิตมาก็ได้”
“อึม ขอบคุณนะ เข้าใจสรรหาคำพูดมาปลอบจังเลยนะเรา ขอเวลาพี่สักพัก มันยากนะดาว ที่จะไม่ให้พี่รู้สึกอะไรเลย”
“ดาวเข้าใจ แต่ดาวเชื่อว่าพี่เดือนจะมาเป็นพี่เดือนคนเดิม มีความสุข สนุกสนานร่าเริง จะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้แน่นอน”
ดาวประดับเดินเข้ามาสวมกอดพี่สาวด้วยความรักผสมกับความห่วงใย ทั้งสองห่างกันแค่สองปีตอนเด็กติดกันยังกับตังเม เรียกได้ว่า กิน นอน เล่น ด้วยกันตลอดเวลาไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่ง คลาดสายตาหรือห่างจากกัน แม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าไปด้วยกัน เดือนนภาจึงกลายเป็นเด็กโข่ง แก่กว่าเด็กทุกคนในชั้นเรียนประถมปีที่หนึ่ง เพื่อจะได้เรียนด้วยกันกับดาวประดับ
“ขอบใจนะดาว ที่เป็นห่วงพี่”
“ถ้าดาวรู้อนาคตว่า สุดท้ายพี่จะเจ็บแบบนี้ ดาวไม่ยอมให้มีงานแต่งงานแน่นอน”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ไม่อยากพูดถึงมันอีก”
“ขอโทษค่ะพี่เดือน ดาวก็แค่”
“ขอบใจนะที่เจ็บปวดแทนพี่ เป็นห่วงพี่ พี่สัญญาว่าจะเป็นพี่เดือนคนเดิมกลับมาให้เร็วที่สุด”
ดาวประดับกับเดือนนภายังคงยืนกอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจ ความรู้สึกของกันและกัน เดือนนภารู้ว่าน้องสาวของเธอเจ็บปวดทรมาน ที่เห็นพี่สาวของเธอเป็นทุกข์ เธอสัญญาว่าจะผ่านมรสุมชีวิต อันแสนเศร้านี้ไปให้ไวที่สุด เพื่อทุกคนรักและเป็นห่วงเธอ โดยเฉพาะทุกคนในบ้านหลังนี้
“พ่อกับแม่ ก็รักและเป็นห่วงลูกทั้งสองนะ”
ประกิตเอ่ยขึ้น ยืนอยู่กับอารีย์หน้าประตูที่เปิดอ้าออก เห็นภาพสองพี่น้องร้องไห้กอดกันด้วยความรัก ก็ทำให้ประกิตและอารีย์ น้ำตาเอ่อกับภาพตรงหน้า เดินเข้าไปสวมกอดลูกสาวทั้งสองพร้อมกันทั้งสี่คน เพื่อแสดงถึงความรักความห่วงใย และการปลอบโยนซึ่งกันและกัน ในยามที่คนใดคนหนึ่งกำลังเป็นทุกข์ หรือต้องการกำลังใจ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน