ด่วน!! เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนระดับโลกเชียร์ซื้อหุ้นจีน!! และเผยหุ้น top10ในพอร์ต "ไม่มีTech stock" แม้เพียงสักตัว!!

กระทู้สนทนา
หลังจากแสงไฟกองใหญ่ส่องสว่างเย้ายวนใจให้เหล่าเม่าแห่เข้าหุ้น tech กัน.. แต่เหล่าเซียนระดับโลกตอนนี้แห่เข้าหุ้นธุรกิจแบบโลกเก่า ที่คาดว่าจะฟื้นและมีvaluationกันหมดแล้ว..
ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ การเคลื่อนไหวของนักลงทุนหลายคนระดับโลกนี้เขามองเห็นอะไร..

นี่เป็นสาเหตุที่หรั่งไล่กว้านเก็บหุ้นพื้นฐานดีราคาขึ้นมาช่วงก่อนหน้านี้?? แม้บางทีจะเป็น old world company แต่มันเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องใช้และพึ่งพา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตที่ไม่มีวันตายนะครับ..

เทรนด์มันเปลี่ยนไปแล้ว และจะเปลี่ยนไปทั่วโลก เอเชียและไทยก็เช่นกัน

กระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่า

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ป๋าชี้ชัด ต้องซื้อ “หุ้นจีน” ฟันธง นี่คือเวลา “สุดพิเศษ” ของการลงทุนหุ้น

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

เรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกและสุดยอดผู้จัดการกองทุนออกมาบอกว่า ขณะนี้เป็น “ช่วงเวลาพิเศษสุดๆ” สำหรับตลาดหุ้นโลก ด้วยการที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักจากสารพัดปัญหา ขณะที่จีนถีบตัวขึ้นมาเป็นตัวหลักในการแข่งขัน
“ป๋าเรย์” บอกว่า เขาเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่พอร์ตของบริดจ์วอเทอร์ บริษัทกองทุนของเขา ต้องมีสินทรัพย์ในจีน “เป็นจำนวนมาก” ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ย้อนหลังถึง 50 ปี และด้วยความที่ธรรมชาติของเขา เป็นคนที่ชอบ “เดิมพันกับสิ่งที่คิดว่าจะเกิดขึ้น”
ดาลิโอบอกว่า แม้พัฒนาการด้านตลาดเงินของจีนจะค่อนข้างล้าหลัง เมื่อเทียบกับการเติบโตของประเทศในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่เขาเชื่อว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว แผ่นดินมังกรจะ “ไล่ทันอย่างแน่นอน” ด้วยสัดส่วนการค้ามหาศาลในระดับโลก
สำหรับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตามรายงานที่ยื่นต่อ กลต. ปรากฏว่ากองทุนบริดจ์วอเทอร์ของดาลิโอเข้าซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ในสิบอันดับแรกล้วนเป็นหุ้นสหรัฐฯ และเป็นหุ้นในโลกเก่า ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นแบรนด์ที่คุ้นหูคนทั่วโลกเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และไม่ใช่เทคสต็อคที่เคยร้อนแรงในช่วงต้นของการระบาดของโควิดแต่อย่างใด

โดยเรียงลำดับจาก 1 ถึง 10 ได้ดังนี้ 1. วอลมาร์ท (195 ล้าน) 2. พีแอนด์จี (170 ล้าน) 3. โคค่าโคล่า (100 ล้าน) 4. จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (99 ล้าน) 5. เป๊ปซี่โค (96 ล้าน) 6. แม็คโดนัลด์ (77 ล้าน) 7. แอ็บบ็อตต์ (47 ล้าน) 8. มอนเดอเลซ (39 ล้าน – บริษัทอาหารเครื่องดื่ม) 9. Estee Lauder (38 ล้าน) 10. ดานาเฮอร์ (37 ล้าน – บริษัทผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรม)

(ข้อมูลประกอบจาก Yahoo Finance และ Bloomberg)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่