เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 21.00น. ได้เกิดเหตุรถชนกันที่ถนน วิภาวดี-รังสิต ขาออก หน้าร้านเพลิน ช่องทางด่วน
เหตุการณ์คือ
1. รถคันประกัน พุ่งชนรถคู่กรณีคันที่ 1
ทำให้รถคันประกัน กันชนหน้าหลุด รังผึ้งกระจังหน้าเสียหาย ป้ายทะเบียนบุบงอ
รถคู่กรณีคันที่ 1 กันชนหลังและฝากระโปรงหลังบุบ ไม่สามารถใช้งานได้
2. รถคู่กรณีคันที่ 1 กระเด็นไปชนกับรถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2
ทำให้รถคู่กรณีคันที่ 1 ฝากระโปรงหน้าและกันชนหน้าเสียหาย
รถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2 ฝากระโปรงท้าย ไฟท้าย และกันชนท้ายเสียหาย ซึ่งเสียหายถึงประตูหลัง ทำให้ประตูหลังซ้ายไม่สามารถใช้การได้
3. รถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2 กระเด็นไปชนกับรถคู่กรณีคันที่ 3
ทำให้รถคู่กรณีคันที่ 3 กันชนท้าย และไฟท้าย เสียหาย
รถคันประกันได้ทำการเรียกประกันค่ายสีเขียว เพื่อให้ดำเนินการออกใบเคลม
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงหน้างาน “คุณ จ.” ไม่สามารถเปิดใบเคลมให้ได้ เนื่องจากให้เหตุผลว่า ทางหัวหน้า “คุณ จ.” แจ้งว่า
บาดแผลของรถคันประกัน ไม่สมเหตุสมผล (ความเสียหายย้อนกลับไปอ่านได้ที่ข้อ 1)
เวลาประมาณ 22.00น. ทาง “คุณ จ.” ได้เชิญให้รถคันประกัน และคู่กรณี เดินทางไปที่ สน. วิภาวดีเพื่อเล่าเหตุการณ์ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
และไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีทั้ง 3 คัน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งเหตุว่า รถคันประกัน เป็นผู้ขับขี่รถโดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเกิดความเสียหาย และได้มีการจ่ายค่าปรับในข้อหาดังกล่าว
แต่ทางประกันค่ายสีเขียว แจ้งว่า ยังไม่สามารถออกใบเคลมให้ได้ ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้เกิดปากเสียงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.”
และ เจ้าของรถคันประกัน และคู่กรณี
ทางเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” แสดงกิริยา ท่าทางที่ไม่ดีกับลูกค้า ในสถานที่ราชการ (ทั้งคำหยาบคาย และกิริยาท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ)
และได้เดินทางออกจาก สน.วิภาวดี โดยไม่ทราบสาเหตุ
ทางรถคันประกัน และคู่กรณี จึงได้ประสานงาน ติดต่อกับทาง Call Center โดย “คุณ ศ.” ได้รับสาย และยังไม่ทันได้แจ้งข้อมูล
หรือรับเรื่องใดๆไว้ เกิดการวางสายลูกค้าทิ้ง จึงโทรเข้าไปใหม่เป็นรอบที่ 2 เพื่อขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประกันหน้างาน
เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ และเกิดปากเสียงกัน และเจ้าหน้าที่เดินทางออกจาก สน.วิภาวดี โดยไม่แจ้งสาเหตุ
ทาง “คุณ ศ.” แจ้งว่า ไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประกันได้ ขออนุญาตประสานงานกับ “คุณ จ.” ให้ก่อน จึงได้ทราบว่า “คุณ จ.”
ไปดูสถานที่เกิดเหตุ และไล่ดูกล้องวงจรปิด
เวลา 23.30น. ทาง “คุณ จ.” ได้เดินทางกลับมาที่ สน.วิภาวดี พร้อมแจ้งว่า ไปดูที่เกิดเหตุแล้ว และคาดการณ์ว่า กล้องวงจรปิด
อาจไม่สามารถจับภาพที่เกิดเหตุได้ จึงได้ออก “ใบติดต่อ” (หรือใบรอเคลม) ทั้งของรถคันประกัน และรถคู่กรณี คันเสียหาย ณ เวลา 01.00น.
ของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 จึงได้ทำการแยกย้าย
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 10.00น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาประกัน ทาง “คุณ ส.”
เป็นผู้รับเรื่องไว้ และได้มีการขอให้ “คุณ ส.” ติดต่อกลับภายในวันเดียวกัน ว่า “ทางรถคันมีประกัน และรถผู้เสียหาย คู่กรณี จะได้ใบเคลมเมื่อไหร่”
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 19.00น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ ศ.” เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่า อยู่นอกเหนือเวลาทำการของฝ่าย ลูกค้าสัมพันธ์ ให้ทำการติดต่อเข้ามาใหม่อีกครั้งในเวลาทำการ จึงได้ฝากเรื่องไว้ให้ติดต่อกลับภายใน
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ก่อนเวลา 12.00น. มิเช่นนั้น จะดำเนินการเรื่องถึง คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 11.00น. ทางคู่กรณีแจ้งว่า ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ น.”
เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่า จะประสานงานกับทางสินไหมให้ว่า เหตุใดจึงยังไม่ได้ใบเคลม และแจ้งให้ติดต่อกลับภายใน 12.00น.
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 12.30น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ ป.”
เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่าจะประสานงานกับทางสินไหมให้
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 15.45น. ทางคู่กรณีแจ้งว่า “คุณ น.” ได้โทรกลับมาแจ้งผลการพิจารณา
และแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคดี อยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหายของทุกฝ่าย เพื่อออกใบเคลม และให้เบอร์ “คุณ ส.” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินไหม
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 16.45น. ทางคู่กรณีแจ้งว่าได้โทรหา “คุณ ส.” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินไหม ทาง “คุณ ส.”
แจ้งว่า ยังไม่ได้รับเรื่องจากทางลูกค้าสัมพันธ์ และทางเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.”
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.00น. รถคันประกัน ได้โทรหา Call Center ติดต่อลูกค้าสัมพันธ์
แจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่สินไหม ยังไม่ได้รับเรื่อง ทางเจ้าหน้าที่สัมพันธ์แจ้งว่า ไม่สามารถTracking / ตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายสินไหมได้
ต้องรอฝ่ายสินไหมแจ้งผลอีกทีหนึ่ง
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.20น. ทางคู่กรณี ได้มีการประสานงาน โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” และได้ทราบจาก “คุณ จ.”
ว่า ต้องทำการนำรถผู้เสียหาย และรถคันมีประกันทั้งหมด ไปดำเนินการตรวจสภาพที่ บก จร. ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่มีคู่กรณี
หรือรถคันประกันทราบว่าต้องไป เพราะเจ้าหน้าที่ Call Center ไม่ได้แจ้ง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คำแนะนำว่า สามารถรอผลกล้องวงจรปิดก่อนได้
หากทางประกันไม่เล่นแง่ และไม่ยึกยัก ไม่ต้องไปก็ได้
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.30น. เจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” ได้โทรหารถคันประกัน และแจ้งให้นำรถเข้าไปตรวจสภาพที่ บก จร.
สิ่งที่เราและผู้เสียหายเข้าใจตรงกัน คือ Leadtime ในการดำเนินงาน แต่สิ่งที่เราและผู้เสียหายต้องการทราบคือ “เมื่อไหร่” ที่จะทราบผล
ไม่ควรปล่อยให้ลูกค้ารออย่างไม่มีจุดหมาย และต้องเป็นผู้ตามผลการพิจารณาอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีการโทร Follow Case ให้ หรือโทรกลับมาแจ้งผลใดๆ
การทำงานข้างในลูกค้าไม่จำเป็นต้องรู้ จะติดตามผลได้ ไม่ได้ จะทราบไม่ทราบ ลูกค้าต้องการแค่ Result ว่าทางเราจะได้คำตอบเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ก่อน 12.00น. ทางเราและคู่กรณีจะดำเนินการเดินทางไปที่ สำนักงานใหญ่ของประกันค่ายสีเขียว และหากยังไม่ได้รับคำตอบ ดำเนินการเดินทางไปยัง คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ภายในวันรุ่งขึ้น
หมายถึง : เรื่องราวที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์จริง 100% แต่มีการปรับ Sequence การเล่าเรื่องให้อ่านเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
ประกันรถยนต์ค่ายสีเขียว ไม่สามารถออกใบเคลมให้รถคันประกัน และคู่กรณีได้ แจ้งว่าบาดแผลไม่สมเหตุสมผล
เหตุการณ์คือ
1. รถคันประกัน พุ่งชนรถคู่กรณีคันที่ 1
ทำให้รถคันประกัน กันชนหน้าหลุด รังผึ้งกระจังหน้าเสียหาย ป้ายทะเบียนบุบงอ
รถคู่กรณีคันที่ 1 กันชนหลังและฝากระโปรงหลังบุบ ไม่สามารถใช้งานได้
2. รถคู่กรณีคันที่ 1 กระเด็นไปชนกับรถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2
ทำให้รถคู่กรณีคันที่ 1 ฝากระโปรงหน้าและกันชนหน้าเสียหาย
รถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2 ฝากระโปรงท้าย ไฟท้าย และกันชนท้ายเสียหาย ซึ่งเสียหายถึงประตูหลัง ทำให้ประตูหลังซ้ายไม่สามารถใช้การได้
3. รถแท็กซี่ คู่กรณีคันที่ 2 กระเด็นไปชนกับรถคู่กรณีคันที่ 3
ทำให้รถคู่กรณีคันที่ 3 กันชนท้าย และไฟท้าย เสียหาย
รถคันประกันได้ทำการเรียกประกันค่ายสีเขียว เพื่อให้ดำเนินการออกใบเคลม
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงหน้างาน “คุณ จ.” ไม่สามารถเปิดใบเคลมให้ได้ เนื่องจากให้เหตุผลว่า ทางหัวหน้า “คุณ จ.” แจ้งว่า
บาดแผลของรถคันประกัน ไม่สมเหตุสมผล (ความเสียหายย้อนกลับไปอ่านได้ที่ข้อ 1)
เวลาประมาณ 22.00น. ทาง “คุณ จ.” ได้เชิญให้รถคันประกัน และคู่กรณี เดินทางไปที่ สน. วิภาวดีเพื่อเล่าเหตุการณ์ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
และไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีทั้ง 3 คัน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งเหตุว่า รถคันประกัน เป็นผู้ขับขี่รถโดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเกิดความเสียหาย และได้มีการจ่ายค่าปรับในข้อหาดังกล่าว
แต่ทางประกันค่ายสีเขียว แจ้งว่า ยังไม่สามารถออกใบเคลมให้ได้ ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้เกิดปากเสียงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.”
และ เจ้าของรถคันประกัน และคู่กรณี
ทางเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” แสดงกิริยา ท่าทางที่ไม่ดีกับลูกค้า ในสถานที่ราชการ (ทั้งคำหยาบคาย และกิริยาท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ)
และได้เดินทางออกจาก สน.วิภาวดี โดยไม่ทราบสาเหตุ
ทางรถคันประกัน และคู่กรณี จึงได้ประสานงาน ติดต่อกับทาง Call Center โดย “คุณ ศ.” ได้รับสาย และยังไม่ทันได้แจ้งข้อมูล
หรือรับเรื่องใดๆไว้ เกิดการวางสายลูกค้าทิ้ง จึงโทรเข้าไปใหม่เป็นรอบที่ 2 เพื่อขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประกันหน้างาน
เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ และเกิดปากเสียงกัน และเจ้าหน้าที่เดินทางออกจาก สน.วิภาวดี โดยไม่แจ้งสาเหตุ
ทาง “คุณ ศ.” แจ้งว่า ไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประกันได้ ขออนุญาตประสานงานกับ “คุณ จ.” ให้ก่อน จึงได้ทราบว่า “คุณ จ.”
ไปดูสถานที่เกิดเหตุ และไล่ดูกล้องวงจรปิด
เวลา 23.30น. ทาง “คุณ จ.” ได้เดินทางกลับมาที่ สน.วิภาวดี พร้อมแจ้งว่า ไปดูที่เกิดเหตุแล้ว และคาดการณ์ว่า กล้องวงจรปิด
อาจไม่สามารถจับภาพที่เกิดเหตุได้ จึงได้ออก “ใบติดต่อ” (หรือใบรอเคลม) ทั้งของรถคันประกัน และรถคู่กรณี คันเสียหาย ณ เวลา 01.00น.
ของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 จึงได้ทำการแยกย้าย
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 10.00น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาประกัน ทาง “คุณ ส.”
เป็นผู้รับเรื่องไว้ และได้มีการขอให้ “คุณ ส.” ติดต่อกลับภายในวันเดียวกัน ว่า “ทางรถคันมีประกัน และรถผู้เสียหาย คู่กรณี จะได้ใบเคลมเมื่อไหร่”
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 19.00น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ ศ.” เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่า อยู่นอกเหนือเวลาทำการของฝ่าย ลูกค้าสัมพันธ์ ให้ทำการติดต่อเข้ามาใหม่อีกครั้งในเวลาทำการ จึงได้ฝากเรื่องไว้ให้ติดต่อกลับภายใน
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ก่อนเวลา 12.00น. มิเช่นนั้น จะดำเนินการเรื่องถึง คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 11.00น. ทางคู่กรณีแจ้งว่า ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ น.”
เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่า จะประสานงานกับทางสินไหมให้ว่า เหตุใดจึงยังไม่ได้ใบเคลม และแจ้งให้ติดต่อกลับภายใน 12.00น.
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 12.30น. ทางรถคันประกัน ได้โทรเข้า Call Center เพื่อติดตามผลการพิจารณาอีกครั้ง “คุณ ป.”
เป็นผู้รับเรื่อง และแจ้งว่าจะประสานงานกับทางสินไหมให้
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 15.45น. ทางคู่กรณีแจ้งว่า “คุณ น.” ได้โทรกลับมาแจ้งผลการพิจารณา
และแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคดี อยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหายของทุกฝ่าย เพื่อออกใบเคลม และให้เบอร์ “คุณ ส.” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินไหม
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 16.45น. ทางคู่กรณีแจ้งว่าได้โทรหา “คุณ ส.” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินไหม ทาง “คุณ ส.”
แจ้งว่า ยังไม่ได้รับเรื่องจากทางลูกค้าสัมพันธ์ และทางเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.”
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.00น. รถคันประกัน ได้โทรหา Call Center ติดต่อลูกค้าสัมพันธ์
แจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่สินไหม ยังไม่ได้รับเรื่อง ทางเจ้าหน้าที่สัมพันธ์แจ้งว่า ไม่สามารถTracking / ตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายสินไหมได้
ต้องรอฝ่ายสินไหมแจ้งผลอีกทีหนึ่ง
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.20น. ทางคู่กรณี ได้มีการประสานงาน โทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” และได้ทราบจาก “คุณ จ.”
ว่า ต้องทำการนำรถผู้เสียหาย และรถคันมีประกันทั้งหมด ไปดำเนินการตรวจสภาพที่ บก จร. ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่มีคู่กรณี
หรือรถคันประกันทราบว่าต้องไป เพราะเจ้าหน้าที่ Call Center ไม่ได้แจ้ง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คำแนะนำว่า สามารถรอผลกล้องวงจรปิดก่อนได้
หากทางประกันไม่เล่นแง่ และไม่ยึกยัก ไม่ต้องไปก็ได้
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.30น. เจ้าหน้าที่ประกัน “คุณ จ.” ได้โทรหารถคันประกัน และแจ้งให้นำรถเข้าไปตรวจสภาพที่ บก จร.
สิ่งที่เราและผู้เสียหายเข้าใจตรงกัน คือ Leadtime ในการดำเนินงาน แต่สิ่งที่เราและผู้เสียหายต้องการทราบคือ “เมื่อไหร่” ที่จะทราบผล
ไม่ควรปล่อยให้ลูกค้ารออย่างไม่มีจุดหมาย และต้องเป็นผู้ตามผลการพิจารณาอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีการโทร Follow Case ให้ หรือโทรกลับมาแจ้งผลใดๆ
การทำงานข้างในลูกค้าไม่จำเป็นต้องรู้ จะติดตามผลได้ ไม่ได้ จะทราบไม่ทราบ ลูกค้าต้องการแค่ Result ว่าทางเราจะได้คำตอบเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ก่อน 12.00น. ทางเราและคู่กรณีจะดำเนินการเดินทางไปที่ สำนักงานใหญ่ของประกันค่ายสีเขียว และหากยังไม่ได้รับคำตอบ ดำเนินการเดินทางไปยัง คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ภายในวันรุ่งขึ้น
หมายถึง : เรื่องราวที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์จริง 100% แต่มีการปรับ Sequence การเล่าเรื่องให้อ่านเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น