การเมืองไม่นิ่ง "ไทย" ฟื้นยาก

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
อาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนกันยายน 2563
มีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป  ถึงตัวเลขยังคง "ติดลบ"
แต่ถือเป็นการติดลบที่น้อยลงกว่าในช่วงที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันแล้ว
การส่งออกบ้านเราถือว่าแพ้คู่แข่งอย่างขาดลอย เรา ‘ฟื้นตัวช้า’ กว่าเพื่อนบ้านค่อนข้างมาก
 
ทำไมไทยเราฟื้นตัวช้า เพราะอะไร?
ธนาคารแห่งประเทศไทยให้เหตุผลว่า หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การส่งออกไทยฟื้นตัวช้ากว่าภูมิภาค
คือพัฒนาการด้าน ‘ความสามารถทางการแข่งขัน’ ที่เราช้ากว่าคู่แข่งโดยเฉพาะเวียดนาม

ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ‘เวียดนาม’ มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี คิดเป็น 7.2% ของ GDP และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ  
ต่างจากบ้านเราในระยะเวลาที่เท่ากัน เงินลงทุนจากจากชาติเข้าเพียง 0.9% ของ GDP 
.
ตัวเลขต่างกันลิบลับ...
เวียดนามมีอะไรที่เราสู้ไม่ได้ ?

เหตุผลที่ต่างชาติขนเงินไปลงทุนเพื่อนบ้านมากกว่าเลือกที่มาลงทุนในไทย ไม่ใช่เหตุผลด้านศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจและต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่าเราเพียงอย่างเดียว

แต่ปัจจัยความสงบ ความมีเสถียรภาพทางการเมืองต่างหากที่สำคัญ 
นักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยง เกลียดความไม่แน่นอน

จริงอยู่ที่ เราบริหารจัดการเรื่องโควิดได้ดีจนติดอันดับโลก 
สาธารณสุขของเราดีมากจนทั่วโลกยกย่อง รอวันเปิดประเทศเพื่อจะเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน 

แต่...ไม่ใช่สำหรับนักลงทุน 
ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ เหมือนเป็นฟืนชั้นดีที่คนไทยด้วยกันเอง กำลังช่วยกันสุมไฟเผาบ้านและไล่ทุกคนออกไป 
.
บทสรุปของเกมส์นี้อาจไม่มีผู้ชนะ ไม่มีตรงกลาง ที่ทั้งสองฝ่าย Win-Win 
แต่ กลายเป็น Zero Sum Game ที่สุดท้ายแล้วไม่มีใครได้อะไร 
และอาจพาประเทศไปสู่ Failed State หรือ รัฐล้มเหลว

อย่าซ้ำเติมประเทศชาติอีกเลย ลำพังเเค่โควิดและวิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศไทยก็บอบช้ำมากอยู่เเล้ว 
ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ จะทำให้ทุนและคนจากทั่วโลกไม่มาประเทศไทย 
เราจะสูญเสียอย่างประมาณค่าไม่ได้กว่านี้

คิดกันให้ดีๆ สิ่งที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ตอนนี้ เกิดประโยชน์ คุณค่าใดต่อประเทศบ้าง?

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่