ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะเริ่มจากตรงไหน แต่ความรู้สึกที่อยากหนีไปจากครอบครัวตัวเองไม่ชอบความคิดบางอย่างของพ่อแม่การกระทำและคำพูด เราผิดรึเปล่าคะ?
มันเริ่มจากเราเป็นลูกคนกลางใช้ชีวิตอยู่กับย่าตั้งแต่สองเดือนแรกที่ลืมตาดูโลก จนโตมามีคำถามตั้งแต่เด็กค่ะว่าเราไม่ได้อยากอยู่กับแม่กับพี่น้องติดย่าตามย่าตลอด เคยโดนแม่ตีเนื้อตัวเขียวเพราะวิ่งตามย่า พอย่ามาเห็นจนย่าต้องพาขึ้นโรงพัก เป็นแบบนี้ตั้งแต่ประถม
จนโตขึ้นช่วงนึงได้อยู่กับครอบครัว มองเห็นแต่ภาพที่อึดอัดมีความสุขมากที่สุดก็สังคมตอนที่ได้อยู่กับเพื่อน เพราะเข้าบ้านก็มักจะทะเลาะกับพี่น้องโดนที่ไม่เคยเข้าใจเลย เราเกลียดคำดูถูกเราดูเป็นเด็กโง่คนนึงในบ้าน กลับบ้านมาเห็นพ่อกินเหล้าโหวกเหวกโวยวาย แม่ก็เป็นคนที่เอาแต่สังคมจอมปลอมเค้าเป็นคนที่เห็นค่าครอบครัวน้อยทำงานงกๆมาจุนเจือครอบครัวได้เก่งมากสำหรับแม่ แต่เค้าก็มักจะเสียและเดือดร้อนเพราะคนนอกอยู่ประจำ จนทำให้ทะเลาะกับพ่ออยู่บ่อยๆ (คำพูดว่าหน้าใหญ่คงเข้าใจนะคะ) นั้นแหละค่ะมันยิ่งทำให้เราเห็นว่าเราไม่ได้ต้องการครอบครัวนี้ตั้งแต่เด็กเรามีความสุขที่อยู่กับย่า พ่อแม่จะไม่เคยโทรหาเราก็ไม่ทุกร้อนใจอะไร วิ่งเล่นในสวนที่คิดถึงมีความสุขที่สุดแล้วค่ะ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยเพราะมีปัญหาอะไรสักอย่างไม่แน่ใจค่ะ เราออกมาอยู่กับย่าช่วง ปวช. พ่อแม่คิดอะไรอยู่ในตอนนั้นไม่รู้ค่าเทอมเรายังต้องต่อรอง กับครั้งนึกที่รู้สึกแย่มากๆก็คือแค่เตาหมูกะทะที่เดินไปเอาที่บ้านทั้งๆที่พี่เราอยู่ในบ้านแต่พ่อสั่งไม่ให้เราเข้าไป เราด้วยความคิดคงจังเด็กก็เดินร้องไห้กับมาหาย่ามันก็ยังเป็นย่าอีกอยู่ดีที่คอยช่วยเหลือปัญหาของเด็กแบบเรา จากนั้นมาระยะหนึ่งแม่เราซื้อบ้านใหม่เราก็ต้องเทียวไปเทียวมาต้องเข้าใจคำว่าครอบครัวนั้นแหละค่ะ ย่าก็เป็นแม่ของพ่อที่รักพ่อมากๆอยู่ดี เราก็กลับมาอยู่บ้านแต่มีเซ็นโซนของตัวเองห้องของตัวเองดูเหมือนดีแต่ก็ภาพมายา วันนึงที่ตื่นขึ้นมาจะไปโรงเรียนแต่กับต้องพาแม่ไปโรงพยาบาล ความอารมณ์ร้อนของพ่อแก้ไขปัญหาแบบผิดๆให้ความรุนแรงมาตลอด แม่ผู้ที่เอาคนนอกเข้ามาทำให้ครอบครัวเดือดร้อน(เราเห็นจนเราคิดว่าเค้าเหมาะสมกันไปแล้วค่ะ เพราะถ้าพ่อไม่ทำแม่ก็ไม่หยุด) นั้นแหละค่ะ เราเดินออกมาออกมาจากปัญหาตรงนั้นมาอยู่กับย่าย้ายโรงเรียนมาเรียนภาคค่ำและทำงานหาเงินเองมาโดยตลอดโดยที่พ่อแม่ไม่เคยถามถึง มีครั้งนึงที่เค้ามาหา เราแทบไม่อยากเห็นหน้าเค้าระยะเวลาเป็นปีที่เราลำบากเราคิดมากและน้อยใจ มองว่าพ่อแม่ลำเอียงกับเรามาตลอดเพราะการกระทำของพวกเค้า
จนวันนั้นเกือบเข้าปีที่3ที่เราออกมาจากบ้าน เราเส้นเลือดในสมองแตก วันนั้นแหละที่เห็นว่าพ่อแม่ต้องมาคอยดูแลเราย่าก็ดูแลค่ะย่าอยู่กับเราตลอดแต่ตอนที่เป็นย่าทำใจและปล่อยเราไปแล้วเพราะเราเป็นหนักมากๆไม่มีสติและถูกมัดแขนมัดขาเพราะเราทำร้ายร่างกายตัวเองเชื่อว่าเป็นสัญชาตญาณ(เราจำไม่ได้) ออกมาจากไอซียูตัวม่วงๆสายเต็มตัวโกนหัวโดนเจาะกระโหลกไปแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าทำไมย่าถึงทำใจเพราะย่ารู้มาตลอดในทุกๆเรื่อง แต่โชคเหมือนจะเข้าข้างให้เราได้ใช้ชีวิตต่อ แต่หลังจากนี้เรากลับไม่ต้องการโชคนั้น
ช่วงเข้ามหาลัย เรากลับมาอยู่กับครอบครัวแบบเต็มตัวอยู่คอนโดกับพี่สาวปีนั้นช่วงเข้ามหาลัยปีแรกก็เหมือนจะผ่านไปด้วยดีเพราะช่วงเข้าใหม่ๆเจอกิจกรรมกลับมาก็หลับไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แต่แม่ก็โทรใช้เราทำนู้นทำนี้อยู่เลื่อยๆ ช่วงปีสองช่วงที่พี่เราฝึกงานพอดีเราก็ต้องเสียสละนอนเร็วต่อให้มีการบ้านก็ต้องเปิดโคมไฟทำการบ้านแบบมืดๆมีอยู่วันนึงที่พี่เรากลับมาละอีกวันเป็นวันหยุดของพี่นั้นแหละค่ะ เราคิดว่าเราเสียสละขอวันนึงเปิดไฟทำการบ้านแต่กับกลายเป็นเรื่อง พี่มันบอกจะกลับบ้านมีปากเสียนั้นแหละค่ะจนแม่โทรมาเรารับสายทั้งนำ้ตาเพราะแม่บอกให้ยอมมันทั้งๆที่พรุ่งก็วันหยุดมันทำไมมันไม่ยอมเราบ้างคิดแค่นั้นเลยค่ะ ทำไม?
ช่วงเข้าปีสามเป็นปีที่หนักหน่วง ทุกอย่างลุมเล้า จากที่อยู่คอนโดใกล้มอเราก็กลับมาอยู่บ้านเพราะน้องเรียนพิเศษแล้วเค้าไปนอนคอนโดซึ่งเราอยู่ไม่ได้จากที่เราเจอมาเรายอมลำบากกลับบ้านดึกดีกว่าให้รีบทำนู้นทำนี้(เราไม่ชอบโดนตีกรอบค่ะ) กลับมาอยู่บ้าน ช่วงที่พี่เรียนจบ เราด้วยความอยู่บ้านเราอยากหาอะไรทำเริ่มคิดรองทำคุกกี้ขายเพราะเคยทำขายช่วงเรียนภาคค่ำตอน ปวช ลืมบอกไปค่ะที่ๆเราทำงานคือธุรกิจอาเรา เค้าช่วยเรามาตลอกตั้งแต่เด็กไม่ต่างจากย่าเค้าเคยขอเราไปเป็นลูกแต่แม่ไม่ยอมแต่เค้าก็ดูแลเรามาตลอดค่ะ ช่วงที่บอกว่ารองทำคุกกี้ขายมันไม่เวิร์คเลยหยุด พอเรารองอีกครั้งเป็นพวกเค้กกล้วยหอมรองสูตรต่างๆรองทำ พี่เรารองตาม555อยากขายบ้างเราก็ไม่ว่าอะไรเค้าหรอกนะ ทำก็ทำไป แต่เงินที่เค้าทำส่วนหนึ่งของต้นทุนเค้าคือเงินที่เราให้ไป แต่ก็เจ๋งเพราะเค้าทำธุรกิจไม่เป็นขายขนมหวานที่ใช้อุณหภูมิขายหน้าตาแฟชั่นทำขายเลยแบบไม่คิดอะไร ไม่แปลกที่จะเจ๋งขาดทุนแต่แม่ก็ให้ทุนคืนไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัว แต่กับแปลกมองมาที่เรา เราพยายามทำ ทำมันจนสำเร็จเอาขนมส่งขายให้อาได้ รองสูตรจนอาบอกว่าขายได้ พ่อกับแม่เรากับท่วงถามค่านำ้ค่าไฟ เราโอเคถ้าเราค้าขายมันก็ต้องเสีย เรายินดีให้ แต่เค้าไม่คุยกันเดี๋ยวแม่พูดเดี๋ยวพ่อพูดขายยังไม่ถึงเดือนตอนนั้นเราไม่เข้าใจน้อยใจเปรียบเทียบกับสิ่งที่พี่น้องเราทำ และเราแต่ด้วยความรับผิดชอบเราทำขนมส่งร้านแล้วเราก็ต้องทำต่อ ต่อให้มีปากเสียงกันก็ตาม
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อเราเมา เราอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกันทุกคนย่าโทรมาหาเราย่าแค่บอกให้พ่อไปรับเค้าพรุ่งนี้เช้า(หมู่บ้านอยู่ต ดกัน)ไม่รู้ว่าเค้าอารมณ์ไหนเค้าตะคอกเราพูดว่าเค้าไม่อยากยุ่งกับย่า เรางง? ยอมรับว่าเราก็ขึ้นเสียงแต่คำพูดเราที่พูดเสียงดังก็พูดว่า"ทำไมแค่ย่าบอกให้ไปรับเค้าพรุ่งนี้ไปใส่บาตรมันจะทำไม จะไม่อยากยุ่งได้ไงนั้นก็แม่ของพ่อปะ?มันคือทางผ่านค่ะที่ๆย่าจะไปใส่บาตร)เค้าไม่พอใจเค้าปาแก้วเหล้าลงกลางโต๊ะ เราอะจากเด็กกับสิ่งที่เราเจอทุกครั้งที่เราเห็นเราจะสั่นใจสั่นมากๆแต่ตอนนั้นกับเป็นพี่เราที่เอานำ้แกงตรงหน้าเราสาดใส่พ่อ เรา

ไม่ได้รู้สึกดี

อะไรเลยเพราะมันเป็นการกระทำที่ผิดรู้ว่าเห็นพ่อทำมาตั้งแต่เด็กถ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ควรทำตามปะ? ตอนทะเลาะกันพ่อก็เหมือนจะตีแม่เราเอาตัวไปขวางเราก็ไม่ยอมเหมือนกันไม่อยากเห็นเค้าทำแบบนั้นอีกแล้วเหมือนกัน จนเค้าทำเหมือนทุกครั้งเอาเงินในกระเป๋าแม่ไปหมดละขับรถออกไปจากบ้าน เหมือนทุกๆครั้ง
จนครั้งนั้นแม่เราพาพวกเราสามคนไปหาจิตแพทย์ เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงเป็น"โรคซึมเศร้า" หมอบอกปัญหามาจากพ่อ แต่สำหรับเรามันทั้งพ่อและแม่ใช้ชีวิตผิดๆกันมาโดยตลอด พ่อกับแม่ใช้วิชีตที่ผิดให้กำเนิดเด็กทั้งๆที่ไม่พร้อมไม่มีงานแค่รักสนุก จนมีเรา5คน ค่ะ5คน เหลือกันอยู่สาม แต่อีกสองพ่อกับแม่คิดฆ่าชีวิตเค้าไปแล้ว มีพี่มีเราแล้วมีน้องสองคนนั้นจนมีน้องคนสุดท้องในปัจจุบัน
หลังจากทุกอย่างผ่านไปปัญหาก่อนหน้านี้เรื่องที่เราทำขนมขายแม่ก็เปล่ยนห้องเก็บของให้เป็นพื้นที่ให้เราทำขนมเราช่วยแม่ลื้อของทั้งหมดออกเราทาสีใหม่จัดใหม่หมดเลยหวังว่าจะได้ที่ทำขนมอย่างสบายใจ แต่เปล่าเลยแม่คิดไกลเกินไปแม่เปิดร้านกาแฟให้พี่ทั้งๆที่พี่ทำอะไรไม่เป็น จากที่เราจะได้ทำขนมกับไม่มีที่แม้แต่วางแป้งเราด้วยซ้ำ เรา

เหมือนโดนหลอกใช้อย่างไงไม่รู้ พอแม่ใช้เงินไปกับร้านหมดแม่ก็โทษเราว่าเอาไปลงทุนกับเรา55555 ลงทุน หนูแค่ต้องการที่โล่งๆตีขนมอะนะ แม่ตั้งหากที่มองสายตาชาวบ้านต้องทำให้ใหญ่โต จนหมดทุน เรากับต้องทำขนมที่เดิมโดนเบียดเบียนต้องพาไปซื้อนู้นซื้อนี้ซื้อของเข้าร้านกาแฟพี่เราอีก เห้อ(เราเป็นคนเดียวที่มีใบขับขี่ เราดินรนเองขอให้พ่อสอนแม่ไปสอบเองกว่าจะได้พยายามหลายครั้งเลยค่ะ) แต่มันก็กลับทำให้เราเดือดร้อนเพราะทุกคนจะใช้งานเราทั้งๆที่อาก็เตือนแต่เราอยากทำเพื่ออนาคตเพื่อต้องใช้ เฮ้อ
จนมาอีกวันน้องสาวเรากลับจากคอนโดมานอนบ้านบอกเงินที่แม่ให้ใช้ไม่พอ แต่กับเอาเงินไปซื้อหวยเล่น นั่งสองแถวไม่ได้เพราะเสียเวลาต้องนั่งวินมอไซ เดินสยาม วันนั้นทุกคนก็ถาม น้องถามเราว่าเราใช้พอหรอก็ตอบไปว่าก็ไม่พอแต่มีเงินทำงานเลยพอ แม่ไม่ได้สอนอะไรน้องเลยกับให้เงินเพิ่ม งง แต่พอกลับกันประมาณอาทิตย์กว่าแค่เราโทรบอกให้แม่โอนเงินจ่ายค่าเน็ตให้หน่อยต้องไปมอ ติดต่ออาจารย์ แม่กับด่าเราจนเราต้องไปขอยืมย่า
พออารมณ์เสียใช้เราไม่ได้นู้นนี้ก็บอกว่าถ้าเรายังขอเงินเค้าอยู่ไม่ต้องมาพูด ทำเหมือนจะตบปากเรา แต่เค้ากับไม่คิดบ้างเลยว่าเราไม่ได้ต้องการเค้าเราอยู่ได้ให้เราไปลำบากหาเงินเองได้เราไม่ใช้พี่กับนัองนะที่ต้ดของแพงติดดินไม่เป็น สอนอะไรกัน?
ทังหมดนี้แหละค่ะ เรามีคำถาม
ว่าสิ่งที่เราคิดมันผิดหรือถูก บาปหรือแย่ขนานไหน
เราคิดมาตลอดว่าวันที่เราเข้าโรงพยาบาลก็ยังพอมีเค้า แต่กลับกันเค้าเหมือนคนที่จะรู้ตัวเหมือนตอนจะสายไป พอมีเราอยู่ทำร้ายจิตใจให้ชีวิตใหม่แต่ก็ทำร้ายจินใจเรา ถ้าวันนึงเราออกไปจากบ้านนี้และปล่อยเค้าไปเราจะบาปมั้ย คิดที่ว่าปล่อยแต่ก็ยังจะส่งเงินให้นะคะอาเราย่าเราสอนมาอย่างนี้ อย่างน้อยเราจะไม่ดูแลเค้าให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นแต่เราส่งเงินให้ ได้มั้ย? เราจะไปดิ้นลนใช้ชีวิตเอง
กับสิ่งที่เราเป็น เรามีเลือดออกในสมองใส่ท้อมันมีระยะเวลาของมัน ช่วงที่พิมพ์เข้าปีที่5ช่วงที่หมอบอกว่ามันอยู่ได้ประมาณนั้นก็ต้องเปลี่ยน แต่เราจะไม่เปลี่ยนถ้าอาการกลับมาเป็นอีกครั้งเราจะนอนไปนิ่งๆเพราะเราคิดว่าต่อให้อยู่ต่อ ครอบครัวก็จะยังอยู่บันทอนจิตใจเราอยู่แบบนี้เราหลับไปยังดีกว่า เราบริจาคร่างกายไว้แล้วค่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราเป็นห่วงย่าๆอยู่คนเดียว อาทำงานหนักเค้ามาดูแลย่าบ่อยแต่ก็เชื่อว่าเค้ายังเหงา
เราอยากให้อนาคตเราสำเร็จส่วนนึงก็เพราะย่า แต่อีกมุมก็อยากหลับไปเลย
ถ้าวันนึงย่าไม่อยู่ ก็อยากให้มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดเราได้ก่อนก็แล้วกัน
อาจจะไล้สาระขอโทษด้วยนะคะ แต่เราอยากเก็บอันนี้ไว้เป็นไดอารี่ของเรา
ขอบคุณค่ะ
พ่อแม่รังแกฉัน หรือเปล่า?
มันเริ่มจากเราเป็นลูกคนกลางใช้ชีวิตอยู่กับย่าตั้งแต่สองเดือนแรกที่ลืมตาดูโลก จนโตมามีคำถามตั้งแต่เด็กค่ะว่าเราไม่ได้อยากอยู่กับแม่กับพี่น้องติดย่าตามย่าตลอด เคยโดนแม่ตีเนื้อตัวเขียวเพราะวิ่งตามย่า พอย่ามาเห็นจนย่าต้องพาขึ้นโรงพัก เป็นแบบนี้ตั้งแต่ประถม
จนโตขึ้นช่วงนึงได้อยู่กับครอบครัว มองเห็นแต่ภาพที่อึดอัดมีความสุขมากที่สุดก็สังคมตอนที่ได้อยู่กับเพื่อน เพราะเข้าบ้านก็มักจะทะเลาะกับพี่น้องโดนที่ไม่เคยเข้าใจเลย เราเกลียดคำดูถูกเราดูเป็นเด็กโง่คนนึงในบ้าน กลับบ้านมาเห็นพ่อกินเหล้าโหวกเหวกโวยวาย แม่ก็เป็นคนที่เอาแต่สังคมจอมปลอมเค้าเป็นคนที่เห็นค่าครอบครัวน้อยทำงานงกๆมาจุนเจือครอบครัวได้เก่งมากสำหรับแม่ แต่เค้าก็มักจะเสียและเดือดร้อนเพราะคนนอกอยู่ประจำ จนทำให้ทะเลาะกับพ่ออยู่บ่อยๆ (คำพูดว่าหน้าใหญ่คงเข้าใจนะคะ) นั้นแหละค่ะมันยิ่งทำให้เราเห็นว่าเราไม่ได้ต้องการครอบครัวนี้ตั้งแต่เด็กเรามีความสุขที่อยู่กับย่า พ่อแม่จะไม่เคยโทรหาเราก็ไม่ทุกร้อนใจอะไร วิ่งเล่นในสวนที่คิดถึงมีความสุขที่สุดแล้วค่ะ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยเพราะมีปัญหาอะไรสักอย่างไม่แน่ใจค่ะ เราออกมาอยู่กับย่าช่วง ปวช. พ่อแม่คิดอะไรอยู่ในตอนนั้นไม่รู้ค่าเทอมเรายังต้องต่อรอง กับครั้งนึกที่รู้สึกแย่มากๆก็คือแค่เตาหมูกะทะที่เดินไปเอาที่บ้านทั้งๆที่พี่เราอยู่ในบ้านแต่พ่อสั่งไม่ให้เราเข้าไป เราด้วยความคิดคงจังเด็กก็เดินร้องไห้กับมาหาย่ามันก็ยังเป็นย่าอีกอยู่ดีที่คอยช่วยเหลือปัญหาของเด็กแบบเรา จากนั้นมาระยะหนึ่งแม่เราซื้อบ้านใหม่เราก็ต้องเทียวไปเทียวมาต้องเข้าใจคำว่าครอบครัวนั้นแหละค่ะ ย่าก็เป็นแม่ของพ่อที่รักพ่อมากๆอยู่ดี เราก็กลับมาอยู่บ้านแต่มีเซ็นโซนของตัวเองห้องของตัวเองดูเหมือนดีแต่ก็ภาพมายา วันนึงที่ตื่นขึ้นมาจะไปโรงเรียนแต่กับต้องพาแม่ไปโรงพยาบาล ความอารมณ์ร้อนของพ่อแก้ไขปัญหาแบบผิดๆให้ความรุนแรงมาตลอด แม่ผู้ที่เอาคนนอกเข้ามาทำให้ครอบครัวเดือดร้อน(เราเห็นจนเราคิดว่าเค้าเหมาะสมกันไปแล้วค่ะ เพราะถ้าพ่อไม่ทำแม่ก็ไม่หยุด) นั้นแหละค่ะ เราเดินออกมาออกมาจากปัญหาตรงนั้นมาอยู่กับย่าย้ายโรงเรียนมาเรียนภาคค่ำและทำงานหาเงินเองมาโดยตลอดโดยที่พ่อแม่ไม่เคยถามถึง มีครั้งนึงที่เค้ามาหา เราแทบไม่อยากเห็นหน้าเค้าระยะเวลาเป็นปีที่เราลำบากเราคิดมากและน้อยใจ มองว่าพ่อแม่ลำเอียงกับเรามาตลอดเพราะการกระทำของพวกเค้า
จนวันนั้นเกือบเข้าปีที่3ที่เราออกมาจากบ้าน เราเส้นเลือดในสมองแตก วันนั้นแหละที่เห็นว่าพ่อแม่ต้องมาคอยดูแลเราย่าก็ดูแลค่ะย่าอยู่กับเราตลอดแต่ตอนที่เป็นย่าทำใจและปล่อยเราไปแล้วเพราะเราเป็นหนักมากๆไม่มีสติและถูกมัดแขนมัดขาเพราะเราทำร้ายร่างกายตัวเองเชื่อว่าเป็นสัญชาตญาณ(เราจำไม่ได้) ออกมาจากไอซียูตัวม่วงๆสายเต็มตัวโกนหัวโดนเจาะกระโหลกไปแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าทำไมย่าถึงทำใจเพราะย่ารู้มาตลอดในทุกๆเรื่อง แต่โชคเหมือนจะเข้าข้างให้เราได้ใช้ชีวิตต่อ แต่หลังจากนี้เรากลับไม่ต้องการโชคนั้น
ช่วงเข้ามหาลัย เรากลับมาอยู่กับครอบครัวแบบเต็มตัวอยู่คอนโดกับพี่สาวปีนั้นช่วงเข้ามหาลัยปีแรกก็เหมือนจะผ่านไปด้วยดีเพราะช่วงเข้าใหม่ๆเจอกิจกรรมกลับมาก็หลับไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แต่แม่ก็โทรใช้เราทำนู้นทำนี้อยู่เลื่อยๆ ช่วงปีสองช่วงที่พี่เราฝึกงานพอดีเราก็ต้องเสียสละนอนเร็วต่อให้มีการบ้านก็ต้องเปิดโคมไฟทำการบ้านแบบมืดๆมีอยู่วันนึงที่พี่เรากลับมาละอีกวันเป็นวันหยุดของพี่นั้นแหละค่ะ เราคิดว่าเราเสียสละขอวันนึงเปิดไฟทำการบ้านแต่กับกลายเป็นเรื่อง พี่มันบอกจะกลับบ้านมีปากเสียนั้นแหละค่ะจนแม่โทรมาเรารับสายทั้งนำ้ตาเพราะแม่บอกให้ยอมมันทั้งๆที่พรุ่งก็วันหยุดมันทำไมมันไม่ยอมเราบ้างคิดแค่นั้นเลยค่ะ ทำไม?
ช่วงเข้าปีสามเป็นปีที่หนักหน่วง ทุกอย่างลุมเล้า จากที่อยู่คอนโดใกล้มอเราก็กลับมาอยู่บ้านเพราะน้องเรียนพิเศษแล้วเค้าไปนอนคอนโดซึ่งเราอยู่ไม่ได้จากที่เราเจอมาเรายอมลำบากกลับบ้านดึกดีกว่าให้รีบทำนู้นทำนี้(เราไม่ชอบโดนตีกรอบค่ะ) กลับมาอยู่บ้าน ช่วงที่พี่เรียนจบ เราด้วยความอยู่บ้านเราอยากหาอะไรทำเริ่มคิดรองทำคุกกี้ขายเพราะเคยทำขายช่วงเรียนภาคค่ำตอน ปวช ลืมบอกไปค่ะที่ๆเราทำงานคือธุรกิจอาเรา เค้าช่วยเรามาตลอกตั้งแต่เด็กไม่ต่างจากย่าเค้าเคยขอเราไปเป็นลูกแต่แม่ไม่ยอมแต่เค้าก็ดูแลเรามาตลอดค่ะ ช่วงที่บอกว่ารองทำคุกกี้ขายมันไม่เวิร์คเลยหยุด พอเรารองอีกครั้งเป็นพวกเค้กกล้วยหอมรองสูตรต่างๆรองทำ พี่เรารองตาม555อยากขายบ้างเราก็ไม่ว่าอะไรเค้าหรอกนะ ทำก็ทำไป แต่เงินที่เค้าทำส่วนหนึ่งของต้นทุนเค้าคือเงินที่เราให้ไป แต่ก็เจ๋งเพราะเค้าทำธุรกิจไม่เป็นขายขนมหวานที่ใช้อุณหภูมิขายหน้าตาแฟชั่นทำขายเลยแบบไม่คิดอะไร ไม่แปลกที่จะเจ๋งขาดทุนแต่แม่ก็ให้ทุนคืนไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัว แต่กับแปลกมองมาที่เรา เราพยายามทำ ทำมันจนสำเร็จเอาขนมส่งขายให้อาได้ รองสูตรจนอาบอกว่าขายได้ พ่อกับแม่เรากับท่วงถามค่านำ้ค่าไฟ เราโอเคถ้าเราค้าขายมันก็ต้องเสีย เรายินดีให้ แต่เค้าไม่คุยกันเดี๋ยวแม่พูดเดี๋ยวพ่อพูดขายยังไม่ถึงเดือนตอนนั้นเราไม่เข้าใจน้อยใจเปรียบเทียบกับสิ่งที่พี่น้องเราทำ และเราแต่ด้วยความรับผิดชอบเราทำขนมส่งร้านแล้วเราก็ต้องทำต่อ ต่อให้มีปากเสียงกันก็ตาม
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อเราเมา เราอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกันทุกคนย่าโทรมาหาเราย่าแค่บอกให้พ่อไปรับเค้าพรุ่งนี้เช้า(หมู่บ้านอยู่ต ดกัน)ไม่รู้ว่าเค้าอารมณ์ไหนเค้าตะคอกเราพูดว่าเค้าไม่อยากยุ่งกับย่า เรางง? ยอมรับว่าเราก็ขึ้นเสียงแต่คำพูดเราที่พูดเสียงดังก็พูดว่า"ทำไมแค่ย่าบอกให้ไปรับเค้าพรุ่งนี้ไปใส่บาตรมันจะทำไม จะไม่อยากยุ่งได้ไงนั้นก็แม่ของพ่อปะ?มันคือทางผ่านค่ะที่ๆย่าจะไปใส่บาตร)เค้าไม่พอใจเค้าปาแก้วเหล้าลงกลางโต๊ะ เราอะจากเด็กกับสิ่งที่เราเจอทุกครั้งที่เราเห็นเราจะสั่นใจสั่นมากๆแต่ตอนนั้นกับเป็นพี่เราที่เอานำ้แกงตรงหน้าเราสาดใส่พ่อ เรา
จนครั้งนั้นแม่เราพาพวกเราสามคนไปหาจิตแพทย์ เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงเป็น"โรคซึมเศร้า" หมอบอกปัญหามาจากพ่อ แต่สำหรับเรามันทั้งพ่อและแม่ใช้ชีวิตผิดๆกันมาโดยตลอด พ่อกับแม่ใช้วิชีตที่ผิดให้กำเนิดเด็กทั้งๆที่ไม่พร้อมไม่มีงานแค่รักสนุก จนมีเรา5คน ค่ะ5คน เหลือกันอยู่สาม แต่อีกสองพ่อกับแม่คิดฆ่าชีวิตเค้าไปแล้ว มีพี่มีเราแล้วมีน้องสองคนนั้นจนมีน้องคนสุดท้องในปัจจุบัน
หลังจากทุกอย่างผ่านไปปัญหาก่อนหน้านี้เรื่องที่เราทำขนมขายแม่ก็เปล่ยนห้องเก็บของให้เป็นพื้นที่ให้เราทำขนมเราช่วยแม่ลื้อของทั้งหมดออกเราทาสีใหม่จัดใหม่หมดเลยหวังว่าจะได้ที่ทำขนมอย่างสบายใจ แต่เปล่าเลยแม่คิดไกลเกินไปแม่เปิดร้านกาแฟให้พี่ทั้งๆที่พี่ทำอะไรไม่เป็น จากที่เราจะได้ทำขนมกับไม่มีที่แม้แต่วางแป้งเราด้วยซ้ำ เรา
จนมาอีกวันน้องสาวเรากลับจากคอนโดมานอนบ้านบอกเงินที่แม่ให้ใช้ไม่พอ แต่กับเอาเงินไปซื้อหวยเล่น นั่งสองแถวไม่ได้เพราะเสียเวลาต้องนั่งวินมอไซ เดินสยาม วันนั้นทุกคนก็ถาม น้องถามเราว่าเราใช้พอหรอก็ตอบไปว่าก็ไม่พอแต่มีเงินทำงานเลยพอ แม่ไม่ได้สอนอะไรน้องเลยกับให้เงินเพิ่ม งง แต่พอกลับกันประมาณอาทิตย์กว่าแค่เราโทรบอกให้แม่โอนเงินจ่ายค่าเน็ตให้หน่อยต้องไปมอ ติดต่ออาจารย์ แม่กับด่าเราจนเราต้องไปขอยืมย่า
พออารมณ์เสียใช้เราไม่ได้นู้นนี้ก็บอกว่าถ้าเรายังขอเงินเค้าอยู่ไม่ต้องมาพูด ทำเหมือนจะตบปากเรา แต่เค้ากับไม่คิดบ้างเลยว่าเราไม่ได้ต้องการเค้าเราอยู่ได้ให้เราไปลำบากหาเงินเองได้เราไม่ใช้พี่กับนัองนะที่ต้ดของแพงติดดินไม่เป็น สอนอะไรกัน?
ทังหมดนี้แหละค่ะ เรามีคำถาม
ว่าสิ่งที่เราคิดมันผิดหรือถูก บาปหรือแย่ขนานไหน
เราคิดมาตลอดว่าวันที่เราเข้าโรงพยาบาลก็ยังพอมีเค้า แต่กลับกันเค้าเหมือนคนที่จะรู้ตัวเหมือนตอนจะสายไป พอมีเราอยู่ทำร้ายจิตใจให้ชีวิตใหม่แต่ก็ทำร้ายจินใจเรา ถ้าวันนึงเราออกไปจากบ้านนี้และปล่อยเค้าไปเราจะบาปมั้ย คิดที่ว่าปล่อยแต่ก็ยังจะส่งเงินให้นะคะอาเราย่าเราสอนมาอย่างนี้ อย่างน้อยเราจะไม่ดูแลเค้าให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นแต่เราส่งเงินให้ ได้มั้ย? เราจะไปดิ้นลนใช้ชีวิตเอง
กับสิ่งที่เราเป็น เรามีเลือดออกในสมองใส่ท้อมันมีระยะเวลาของมัน ช่วงที่พิมพ์เข้าปีที่5ช่วงที่หมอบอกว่ามันอยู่ได้ประมาณนั้นก็ต้องเปลี่ยน แต่เราจะไม่เปลี่ยนถ้าอาการกลับมาเป็นอีกครั้งเราจะนอนไปนิ่งๆเพราะเราคิดว่าต่อให้อยู่ต่อ ครอบครัวก็จะยังอยู่บันทอนจิตใจเราอยู่แบบนี้เราหลับไปยังดีกว่า เราบริจาคร่างกายไว้แล้วค่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราเป็นห่วงย่าๆอยู่คนเดียว อาทำงานหนักเค้ามาดูแลย่าบ่อยแต่ก็เชื่อว่าเค้ายังเหงา
เราอยากให้อนาคตเราสำเร็จส่วนนึงก็เพราะย่า แต่อีกมุมก็อยากหลับไปเลย
ถ้าวันนึงย่าไม่อยู่ ก็อยากให้มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดเราได้ก่อนก็แล้วกัน
อาจจะไล้สาระขอโทษด้วยนะคะ แต่เราอยากเก็บอันนี้ไว้เป็นไดอารี่ของเรา
ขอบคุณค่ะ