เปลือกชีวิต The Series 24 (ฉาก..ชีวิต)

คนในสมัยก่อนมักเปรียบเปรยคำพูดที่ว่า  “ชีวิตเป็นดั่งละคร” หรือ “ดูละคร ให้ย้อนมองชีวิต”  ไม่เชิงว่าเป็นประโยคคำพูดที่ใช้สอนลูก ๆ หลาน ๆ ให้ย้อนมองทบทวนเรียนรู้ชีวิตของตัวเอง เพราะทุก ๆ บทของตัวละคร มีโอกาสที่เราจะได้เจอมันในชีวิตจริงเสมอ  และมีความเป็นไปได้ที่ว่า ผู้สร้างละครแต่ละเรื่อง มักผูกโยงบทของตัวละครให้สอดคล้องกับบางช่วงเวลาในชีวิตของคนดู ก็จะมีบางฉากที่มุ่งสะท้องแง่มุมคิดที่ผู้สร้างมีต่อกระแสสังคมในขณะนั้น ซึ่งมันก็เปลี่ยนไปตามบริบทของสังคมที่แปรเปลี่ยนไป
                ลองย้อนกลับมาดูฉากบางช่วงชีวิตของเรากันดูบ้าง  เรามักพบว่าเรามีชีวิตในบางช่วงคล้ายกับบางตอนในละครที่เราได้ชมจริง ๆ 

                ในช่วงวัยเด็ก  เราก็เปรียบได้เสมือนนักแสดงตัวจิ๋ว ที่ได้รับบทบาทการแสดงจากผู้กำกับ ที่ได้กำหนดบทเอาไว้ให้เราได้เล่น  ซึ่งผู้กำกับก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน  พวกเขาคือ พ่อและแม่ของเรานั่นเอง  พวกเราสวมบทของลูกกตัญญูรู้คุณของพ่อแม่  ด้วยการเชื่อฟังคำสั่งสอนของพวกท่าน  เราไปโรงเรียนที่พ่อแม่เรากำหนดให้เราไปเรียน   เรากินอาหารที่พวกท่านเตรียมเอาไว้ให้ บางสัปดาห์พวกท่านยังเขียนบทให้เราได้ไปเที่ยวเล่นที่สวนสนุก  พวกเราก็ไปและเล่นไปตามบทต่าง ๆ ที่พวกท่านกำกับให้เล่นอย่างเป็นมืออาชีพ
                แน่นอนว่า นักแสดงแต่ละคนก็มีความสามารถไม่เท่าเทียมกัน มันจึงมีทั้งคนที่แสดงได้ดี และแสดงได้แย่ผสมปนเปรวมกันอยู่ในทุก ๆ เรื่อง  เด็กบางคนตีบทแตกจนเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่พี่น้องในครอบครัว  แต่เด็กบางคนก็แสดงไม่ค่อยเก่ง  และถูกสั่ง Cut  อยู่บ่อย ๆ   ดู ๆ แล้วเหมือนจะไม่มีแววเป็นนักแสดงที่ดีในอนาคตได้  เด็กเหล่านั้นจึงอาจไม่เป็นที่พอใจของคนในครอบครัวสักเท่าไหร่

                ฉากในการแสดงของพวกเรา เปลี่ยนไปตามช่วงวัยที่เจริญเติบโตขึ้น จากเด็กน้อยเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ฉากใหม่ ๆ ก็ผ่านมาให้เราได้แสดงกันต่อ ไม่ว่าจะเป็น ฉากของการซื้อใจเพื่อนสนิท ฉากกุ๊กกิ๊กจีบสาว ฉากการมุ่งมั่นตั้งใจเรียนให้จบ ฉากของความต้องการโลกส่วนตัวสูง  ฉากอารมณ์หุนหันพลันแล่น  และอีกหลาย ๆ ฉาก ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นฉากที่เราต่างต้องแสดงให้จบด้วยกันทั้งสิ้น
                เหมือนเช่นเคย  มันก็จะมีบางฉากที่เราแสดงได้ไม่ดีนัก แม้ว่าจะพยายามซ้อมบทท่องจำบทมาแล้วอย่างดี แต่เวลาเข้าฉาก อารมณ์และท่าทางการแสดงอาจจะยังไม่ได้  เราจึงอาจไม่เป็นที่ถูกใจของเพื่อนฝูง หรือไม่ประทับใจของสาวที่เราเฝ้าตามจีบ  บางครั้งก็รวมถึงครอบครัวพ่อแม่พี่น้องของเราเองอีกด้วย สิ่งที่ตามมาหลังการแสดงของเราก็คือ  ความไม่ลงรอยกันระหว่างฝูงเพื่อน  การจากลาของคนที่เราใฝ่ฝันจะได้ครองคู่  กระทั่งความไม่เข้าใจกันในหมู่พี่น้อง

                แต่ฉากที่ผ่านเข้ามาแล้วในช่วงวัยรุ่น ก็มักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันเวลาเดินไปอย่างไม่หยุดนิ่ง มันเปลี่ยนฉากใหม่ให้เราได้แสดงบทต่อไปเสมอ นั่นคือ ฉากของการเดินทางเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ ที่ต้องออกไปแสดงบทบาทในการทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวอันเป็นที่รัก  แต่ฉากอันใหม่นี้เราอาจจะยังไม่คุ้นชินกับมันมากนัก เพราะมันเต็มไปด้วยสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ  คนที่ไม่เคยพบเจอมากมาย 

                เราจึงพยายามอย่างหนักอีกครั้ง ทุ่มเทความสามารถที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น  เพื่อที่จะสามารถแสดงในฉากของการแข่งขันในที่ทำงาน ที่มีทั้งความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ บางทีก็แฝงมาด้วยความประทับใจอยู่ลึก ๆ  จากเพื่อนบางคนที่เราไม่เคยรู้จักเขามาก่อน  

                บางฉากเราก็ไม่ค่อยอยากจะเล่น แต่อาจถูกบังคับให้เล่นเพื่อการเอาตัวให้รอดในสังคมมายาแห่งนี้  เช่น ฉากของการแย่งกันเอาอกเอาใจหัวหน้าผู้บังคับบัญชา  ฉากแห่งการสร้างภาพพจน์ในตัวเองดูดีกว่าผู้อื่น เป็นต้น  แต่ในช่วงวัยทำงานนี้ เราจะได้พบกับฉาก ๆ หนึ่ง ซึ่งสำคัญสำหรับชีวิตของพวกเราเป็นอย่างมาก  นั่นคือ ฉากแห่งการสร้างครอบครัวที่ดีในความหมายของตัวเราเอง  รวมถึงฉากแห่งการแสวงหาสิ่งที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวในหน้าที่การงาน ที่อาจมีผลต่อชีวิตของเราในช่วงวัยหลังเกษียณอีกด้วย
                ถึงแม้ว่าเราจะมีช่วงชีวิตร่วงเลยเข้าสู่วัยหลังเกษียณแล้วก็ตาม แต่ฉากแห่งชีวิตของเราก็ไม่เคยหยุดเปลี่ยน มันยังเปลี่ยนฉากให้เราแสดงบทบาทไปเรื่อย ๆ ตามเข็มนาฬิกาบอกวันเวลาที่ผ่านไป  มีเพียงบางสิ่งที่อาจดูไม่เหมือนฉากเก่า ๆ ที่ผ่าน ๆ มา  เพราะช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแต่ละฉากในช่วงนี้ มันยาวนานขึ้นมากกว่าตอนสมัยที่เราเป็นหนุ่มเป็นสาว

                ทว่า  ความเปลี่ยนแปลงของแต่ละฉากที่ช้าลงนี้  มันแอบแฝงมาด้วยฉากบางฉากที่เราอาจเฝ้าตามหา เพื่อที่จะแสดงบทบาทนี้ให้ดีที่สุดในท้ายของชีวิต  นั่นคือ ฉากของคนที่มีแต่ความสงบสุขภายในจิตใจ  มันอาจเป็นฉากแห่งบทสรุปของทุก ๆ ฉากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราตั้งแต่เราเป็นเด็ก จวบจนเราเดินทางไกลเข้าสู่ช่วงวัยชราภาพ

                แต่ก็อย่าพึ่งคาดหวังว่า ฉากจบสุดท้ายของชีวิตเราทุกคน จะจบลงด้วยความสุขเสมอไปเหมือนอย่างที่ละครชอบสร้างให้เป็นเช่นนั้น  จริงอยู่ที่ละครมักสร้างจากชีวิตของคน แต่ในชีวิตจริงคงไม่สามารถเป็นเหมือนดั่งละครได้ไปเสียทุกอย่างที่ใจหวัง  เนื่องเพราะบางฉากของชีวิตในแต่ละช่วงที่ผ่านมา  เราอาจจะแสดงบทบาทได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น  มันจึงมีผลต่อฉากจบของชีวิตเราแต่ละคนที่ไม่อาจเหมือนกันได้
                สาเหตุอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงผู้กำกับในบางช่วงของชีวิต  เพราะภายหลังจากที่เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว  พ่อแม่ที่เคยกำกับให้ชีวิตเราเล่นบทบาทตามที่พวกท่านเขียนไว้นั้น  เริ่มเปลี่ยนไป  อีกส่วนหนึ่งเพราะตัวเราเองเป็นคนขอเปลี่ยนตัวผู้กำกับเสียเอง  เราต่างอยากกำกับชีวิตตัวเองเมื่อเราเติบโตขึ้น  ซึ่งพ่อแม่ของเราก็เข้าใจในจุดนี้ดี  พวกท่านก็ลดบทบาทจากการเป็นผู้กำกับ มาเป็นเพียงผู้ชมละครชีวิตเรื่องหนึ่ง โดยมีเราเป็นผู้กำกับด้วยตัวเองแทน
 
                ฉากชีวิตในช่วงตั้งแต่วัยทำงาน จนถึงวัยเกษียณ จึงมักเป็นไปตามที่ตัวเราเองเป็นผู้กำหนดหรือจัดฉาก แต่ละฉากในการแสดงให้ตัวเองทั้งสิ้น  จะดีหรือร้ายคงไม่สามารถไปโทษผู้กำกับคนอื่นได้  มันจึงขึ้นอยู่กับว่า เราอยากให้ชีวิตมีฉากจบสุดท้ายเป็นอย่างไร  ก็ให้เราเขียนบทไปตามนั้น เราอาจแสดงบางบทได้ดี หรือบางบทก็เล่นได้ไม่ดีบ้าง  ก็คงไม่เป็นไร
                เพราะเราสามารถแสดงใหม่แก้ไขการแสดงอันเดิมที่เล่นไว้ไม่ดีได้เสมอ  อีกทั้งเราในฐานะผู้กำกับฉากแต่ละฉากของตัวเราเอง เราจึงได้กำกับฉากจบของเรื่องราวชีวิตของเราไว้แล้ว เพียงแต่เราใช้ความพยายามในการปรับปรุงการแสดงให้ดีขึ้น ดีขึ้น  

               เชื่อว่าเมื่อถึงฉากจบสุดท้ายจริง ๆ แล้ว มันจะเป็นฉากจบอย่างที่เราคาดหวังว่ามันจะจบได้ดี และเป็นฉากจบที่มีแต่ความสงบสุขภายในจิตใจอย่างที่เราคาดหวัง  

                ถ้าพร้อมแล้วก็ Action!  กันต่อเลย

Cr. เปลือกชีวิต The Series   (Series ที่จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น)  By ดช.จุ่น
ติดตามบทความอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่