เราโดน ทำร้ายร่างกายค่ะ เราไม่รู้จะทำอย่างไร อยากปรึกษาพี่ๆน้องๆในพันทิป
ขอเล่า ย้อนก่อนนะคะ
ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา สนิมสนมกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปี1 (พศ 2556)
เรียนจบ ผู้ชายคนนี้พาเราเข้าไปอยู่ที่บ้าน เพื่อช่วยกันเริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยกัน เงินลงทุนเป็นของบ้านผู้ชาย เรามาช่วยในเรื่องแรงและความคิดค่ะ เป็นคลินิก (ย่านพุทธมณฑล)
ค่าตอบแทนเราได้เป็นเงินเดือน เหมือนพนักงานคนนึงในคลินิก (แต่ได้ในจำนวนเงินที่สูงกว่าที่อื่นค่ะ)
( องค์ความรู้ครึ่งนึงเป็นของผู้ชาย และมีส่วนที่ครึ่งนึงเป็นของเรา )
ตั้งแต่ ช่วงปี 61 เดือนสิงหาคม ผู้ชายคนนี้ พานักศึกษา ผู้หญิง เข้ามาดูงานที่คลินิก สรุปเดือนตุลาคม เราจับได้ ว่าเค้าทั้งคู่แอบคุยกัน เราจึงให้เค้าเคลียร์ปัญหา วันนั้น วันที่จับได้ ผู้ชายพูดกับเราว่าจะเลิกติดต่อน้องให้ ต่อหน้าเรา เค้าบอกแบบนี้ แต่ลับหลังเรา เราไม่รู้ เลย แต่ผลสรุปสุดท้าย วันที่ 26 ตุลาคม แฟนไปตามง้อน้อง เค้าไม่ได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับน้องนักศึกษาค่ะ ยังคบหากันอยู่ จนถึงปัจจุบัน
เราด้วยความที่เรารักเค้ามาก เคยอยากให้เค้าเป็นผู้ชายคนแรก คนเดียวและคนสุดท้ายในชีวิต จึงยอมอยู่แบบนี้ความสัมพันธ์ที่ เรายังอยู่ในบ้านเค้า ยังช่วยกันทำงาน ยังทำกิจกรรมส่วนตัวร่วมกันทุกอย่างเหมือนเดิม
ผู้ชายคนนี้ยังเดินเข้าห้องนอนเรา จะมานอนเมื่อไหร่กี่โมงก็ได้
เค้าขอดูแลเราเหมือนเดิม จะให้สิทธิเราเหมือนเดิมพร้อมบอกเราว่า บ้านและคลินิกยังเป็นที่ของเราเสมอ เราจึงให้เงื่อนไขไปว่า ได้ งั้นห้ามนักศึกษามาที่บ้านและห้ามมาที่คลินิก แล้วเราจะยอมอยู่แบบนี้
วันสำคัญต่างๆ เค้าจะอยู่กับน้องผู้หญิง เช่น
วันลอยกระทงไปลอยกับน้อง แต่วันถัดมา จะพาเราไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกินอาหารฝรั่งเศสชดเชย
วันสงกรานต์พาน้องไปเที่ยว กลับมาหาเรา พาเราไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้เราเพื่อชดเชย
เราทนกับความสัมพันธ์แบบนี้ ตั้งแต่ปี 61-62
วันปีใหม่ ปี62 เรารู้สึกว่า ทนไม่ไหว เราเจ็บช้ำน้ำใจมาก เราไม่มีความสุข เรานอนร้องไห้แทบทุกคืน
เราจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์
แต่ผู้ชายขอให้เราทำงานที่คลินิกเหมือนเดิม เค้าบอกยังรักเรา และถ้าขาดเราไป คลินิกจะเจ๊ง
เราจึง ยังอยู่ทำงานต่อ และยังค้างที่บ้านผู้ชาย ค่ะ เพราะว่า หมอทุกคนของคลินิก ได้รับสวัสดิการที่พักฟรี (เราจึงอยู่ในเงื่อนไขนี้ ) เราเริ่มล็อกห้องไม่ให้ผู้ชายเข้าห้องตั้งแต่ตอนนี้นะคะ
เราเปิดใจ ใช้ชีวิตโสดเต็มที่ ไปเที่ยวคนเดียว ไปทำอะไรที่เคยอยากทำแต่ไม่ได้ทำ เริ่มออกไปค้างกับเพื่อนผู้หญิงบ้างไม่ได้นอนที่บ้านผู้ชายทุกวัน จนวันนึง เราไปงานแต่งงาน และแต่งตัวsexy มาก ฉีกลุ๊คเดิมที่เคยเป็นสาวหวานๆ จนทำให้ มีรุ่นพี่ผู้ชายคนนึง เข้ามาจีบ เรา
เราในสถานะที่ตั้งใจจะตัดใจแล้ว (จากความคิดว่า เวลาไม่ช่วยอะไร คนใหม่ต่างหากจะช่วยเยียวยา) ในวันนั้น จึงเปิดใจให้ผู้ชายคนใหม่ ได้ลองคุยกัน จนความสัมพันธ์พัฒนา ตั้งแต่ปลายปี ปีใหม่ 62 มาเรื่อยๆ จนคบหากัน ในกลางปี 63 สิงหาคม พอเรามีแฟนใหม่ เราจึงมีการคุยกับแฟนเก่าของเรา เรื่องการขอย้ายออกจากบ้าน ขอเปลี่ยนที่อยู่อาศัย รวมทั้งเราได้มีการเขียนใบลาออกยื่นใบลาออกแล้ว
ใบลาออกของเราถูกขยำทิ้ง โยนใส่ถังขยะ
และ การขอย้ายออกจากบ้าน ทำให้เค้าไม่พึงพอใจเรา ไม่รู้ว่าหึงหวง หวงก้าง หรืออะไร แต่เค้าทำร้ายร่างกายเรา เค้าพูดว่า เราหยามเค้า
-บีบคอ คอเรามีแต่รอยเเดงและมีรอยเล็บที่หน้าอก
-บีบหน้า กลามข้างขวาปวดไปหมด และแก้มบวม ในกระพุ้งแก้มเรามีแผล เพราะฟันกลามกระแทก
-โยนเราลงพื้น ตัวเราเหวี่ยงฝาดพื้นและกำแพง
-เรานอนบนพื้น เค้ายืนเตะเรา
-มีการหยิบไม้แขวนเสื้อมาตีเรา
-มีการหยิบไม้สำหรับใช้ทำกายบริหารมาตีเรา
-เข่าศอกท้องเรา
-มีหยิบเก้าอี้จะฟาดเรา
-และมีการเดินไปหยิบมีด กะจะแทงเรา
-ทำร้ายข้าวของ จะเผาเสื้อผ้าเรา
โยนเครื่องสำอางค์เราทิ้งแตกพังทั้งหมด
-เศษแก้วเต็มพื้นห้อง ของกระจาย เละเทะ
เค้าพูดว่า "ถ้าเธอจะไปก็ให้ไปแบบเป็นศพ"
เค้ายืนยันจะทำร้ายเรา จนกว่าเราจะยอมเลิกกับแฟนใหม่เรา เค้าขอเรา 3 ข้อ และทำร้ายร่างกายเราไปด้วย
1.) ให้เรา พักกับเค้าที่บ้านเค้าเหมือนเดิม
2.) ให้เราทำงานที่เดิม
3.) ให้เราเลิกกับแฟนคนปัจจุบัน
เเต่เราทำให้เค้าไม่ได้ เพราะผู้ชายคนปัจจุบันดีกับเรามาก เราทำร้ายจิตใจเค้าไม่ลง และเราไม่อยากกลับไปอยู่ในวังวนที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้วค่ะ
เราวิ่งหนีออกมาได้ มีตัวและโทรศัพท์
เราไปโรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน นั่งแท็กซี่ไป
ที่ท้องเราเจ็บช้ำมากบริเวณ LLQ และ Pelvic หมอเเค่เอานิ้ววางเราก็เจ็บแล้ว
หมอกลัวจะมีเลือดออก เลยจับเรา อัลตร้าซาวด์ และx-ray ช่องท้องและทรวงอก
ผลตรวจโชคดี ที่
ภายในเราไม่มีเลือดออกเลย และไม่มีกระดูกหัก
แต่มีภาวะลำไส้และมดลูกช้ำ
และเรามีรอยเล็บที่หน้าอก จึงถูกฉีดบาดทะยัก
เราถูกนัดมาหาหมอ เพื่อประเมินสภาพร่างกายอย่างต่อเนื่อง แฟนคนปัจจุบัน พอรู้เรื่องก็มาหาเราที่โรงพยาบาล เเละรับเรากลับไปด้วย ไม่ยอมให้เรากลับไปทำงานที่คลินิกและเข้าบ้านผู้ชายอีก
คือ ให้เราทิ้งทุกอย่างไปเลย ของไม่ต้องเอา เอาชีวิตรอดพอ เพราะไม่รู้ว่า กลับไปเราจะโชคดี รอดจากการโดนแทงไหม หรือถ้าเราโดนทำร้ายซ้ำแล้วหัวกระเเทกพื้นเป็นอะไรขึ้นมาไม่คุ้ม
เราเดินทางจากกรุงเทพกลับต่างจังหวัด หลังพบหมอตามนัดจนครบกำหนด (ระหว่างหาหมอ เราเช่าโรงแรมใกล้โรงพยาบาลนอน)
เราไม่ได้รับการขอโทษ จากผู้ชายคนนี้แต่อย่างใด ทุกอย่างเงียบมากๆ จนผ่านไป 2 คืน ผู้ชายคนนี้ ทักมาบอกเราทางเฟสบุ๊คว่า
"เค้าจะไปบวช เข้าทางธรรม"
เราก็คิดว่า โอเค ถ้าเค้าสำนึกผิด เราก็พร้อมให้อภัยอโหสิกรรม
เวลาผ่านมา 1 เดือน สรุปว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้บวช และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ
เราอยากสอบถาม เพื่อนๆทุกคนว่า เราควรทำอย่างไรดี เราผิดหวังและเสียใจที่เค้าโกหกเราว่าจะบวชให้แต่ไม่บวช
ผู้ชายคนนี้จะพูดว่า ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่จับเบาๆ และพูดถึงเราว่าเราพูดเกินจริงในสิ่งที่เขาทำกับเรา
แต่เราเชื่อว่า รู้กันอยู่แก่ใจ ว่าเค้าทำเรารุนแรง
จริงรึป่าว ?
(ถ้าหากว่าแค่ดึง หรือกระชากตัวเบาๆ เราคงให้อภัยและจะไม่ออกมาพูดแบบนี้เลย แต่สิ่งที่เค้าทำกับเรารุนแรงจริงค่ะ)
-เราเองก็ไม่ใช่คนดี เราเคยทำผิดพลาดในหลายเรื่องเหมือนกันที่หลงหัวโขน จนบางครั้งคิดถึงเงินมากกว่าจรรยาบรรณ
ที่เราออกมาพูดในโซเชียลตรงนี้ เรายืนยันว่าส่วนที่เราพูดเป็นความจริงทั้งหมด
เราควรทำยังไงดี ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
ป.ล. สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายพูดเอาไว้กับเราคือ ขอร้องไม่ให้ดำเนินคดีและไม่เอาเรื่อง เพราะ เขาจะไปเล่นการเมืองในสภาวิชาชีพ ค่ะ
เรามีผลตรวจร่างกายและใบรับรองแพทย์ ค่ะ
ว่าเราโดนทำร้ายร่างกายจริง ค่ะ
พยานในที่เกิดเหตุมี 1 คน เป็นรุ่นน้องของผู้ชาย
กล้องวงจรปิดไม่สามารถขอได้ปัจจุบันคาดว่าภาพน่าจะถูกเคลียร์และลบ
ภาพนิ่งในโทรศัพท์ไอโฟนถูกลบ แต่กู้มาได้
ฉันถูก "แพทย์แผนไทย" ทำร้ายร่างกาย !!!
ขอเล่า ย้อนก่อนนะคะ
ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา สนิมสนมกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปี1 (พศ 2556)
เรียนจบ ผู้ชายคนนี้พาเราเข้าไปอยู่ที่บ้าน เพื่อช่วยกันเริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยกัน เงินลงทุนเป็นของบ้านผู้ชาย เรามาช่วยในเรื่องแรงและความคิดค่ะ เป็นคลินิก (ย่านพุทธมณฑล)
ค่าตอบแทนเราได้เป็นเงินเดือน เหมือนพนักงานคนนึงในคลินิก (แต่ได้ในจำนวนเงินที่สูงกว่าที่อื่นค่ะ)
( องค์ความรู้ครึ่งนึงเป็นของผู้ชาย และมีส่วนที่ครึ่งนึงเป็นของเรา )
ตั้งแต่ ช่วงปี 61 เดือนสิงหาคม ผู้ชายคนนี้ พานักศึกษา ผู้หญิง เข้ามาดูงานที่คลินิก สรุปเดือนตุลาคม เราจับได้ ว่าเค้าทั้งคู่แอบคุยกัน เราจึงให้เค้าเคลียร์ปัญหา วันนั้น วันที่จับได้ ผู้ชายพูดกับเราว่าจะเลิกติดต่อน้องให้ ต่อหน้าเรา เค้าบอกแบบนี้ แต่ลับหลังเรา เราไม่รู้ เลย แต่ผลสรุปสุดท้าย วันที่ 26 ตุลาคม แฟนไปตามง้อน้อง เค้าไม่ได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับน้องนักศึกษาค่ะ ยังคบหากันอยู่ จนถึงปัจจุบัน
เราด้วยความที่เรารักเค้ามาก เคยอยากให้เค้าเป็นผู้ชายคนแรก คนเดียวและคนสุดท้ายในชีวิต จึงยอมอยู่แบบนี้ความสัมพันธ์ที่ เรายังอยู่ในบ้านเค้า ยังช่วยกันทำงาน ยังทำกิจกรรมส่วนตัวร่วมกันทุกอย่างเหมือนเดิม
ผู้ชายคนนี้ยังเดินเข้าห้องนอนเรา จะมานอนเมื่อไหร่กี่โมงก็ได้
เค้าขอดูแลเราเหมือนเดิม จะให้สิทธิเราเหมือนเดิมพร้อมบอกเราว่า บ้านและคลินิกยังเป็นที่ของเราเสมอ เราจึงให้เงื่อนไขไปว่า ได้ งั้นห้ามนักศึกษามาที่บ้านและห้ามมาที่คลินิก แล้วเราจะยอมอยู่แบบนี้
วันสำคัญต่างๆ เค้าจะอยู่กับน้องผู้หญิง เช่น
วันลอยกระทงไปลอยกับน้อง แต่วันถัดมา จะพาเราไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกินอาหารฝรั่งเศสชดเชย
วันสงกรานต์พาน้องไปเที่ยว กลับมาหาเรา พาเราไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้เราเพื่อชดเชย
เราทนกับความสัมพันธ์แบบนี้ ตั้งแต่ปี 61-62
วันปีใหม่ ปี62 เรารู้สึกว่า ทนไม่ไหว เราเจ็บช้ำน้ำใจมาก เราไม่มีความสุข เรานอนร้องไห้แทบทุกคืน
เราจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์
แต่ผู้ชายขอให้เราทำงานที่คลินิกเหมือนเดิม เค้าบอกยังรักเรา และถ้าขาดเราไป คลินิกจะเจ๊ง
เราจึง ยังอยู่ทำงานต่อ และยังค้างที่บ้านผู้ชาย ค่ะ เพราะว่า หมอทุกคนของคลินิก ได้รับสวัสดิการที่พักฟรี (เราจึงอยู่ในเงื่อนไขนี้ ) เราเริ่มล็อกห้องไม่ให้ผู้ชายเข้าห้องตั้งแต่ตอนนี้นะคะ
เราเปิดใจ ใช้ชีวิตโสดเต็มที่ ไปเที่ยวคนเดียว ไปทำอะไรที่เคยอยากทำแต่ไม่ได้ทำ เริ่มออกไปค้างกับเพื่อนผู้หญิงบ้างไม่ได้นอนที่บ้านผู้ชายทุกวัน จนวันนึง เราไปงานแต่งงาน และแต่งตัวsexy มาก ฉีกลุ๊คเดิมที่เคยเป็นสาวหวานๆ จนทำให้ มีรุ่นพี่ผู้ชายคนนึง เข้ามาจีบ เรา
เราในสถานะที่ตั้งใจจะตัดใจแล้ว (จากความคิดว่า เวลาไม่ช่วยอะไร คนใหม่ต่างหากจะช่วยเยียวยา) ในวันนั้น จึงเปิดใจให้ผู้ชายคนใหม่ ได้ลองคุยกัน จนความสัมพันธ์พัฒนา ตั้งแต่ปลายปี ปีใหม่ 62 มาเรื่อยๆ จนคบหากัน ในกลางปี 63 สิงหาคม พอเรามีแฟนใหม่ เราจึงมีการคุยกับแฟนเก่าของเรา เรื่องการขอย้ายออกจากบ้าน ขอเปลี่ยนที่อยู่อาศัย รวมทั้งเราได้มีการเขียนใบลาออกยื่นใบลาออกแล้ว
ใบลาออกของเราถูกขยำทิ้ง โยนใส่ถังขยะ
และ การขอย้ายออกจากบ้าน ทำให้เค้าไม่พึงพอใจเรา ไม่รู้ว่าหึงหวง หวงก้าง หรืออะไร แต่เค้าทำร้ายร่างกายเรา เค้าพูดว่า เราหยามเค้า
-บีบคอ คอเรามีแต่รอยเเดงและมีรอยเล็บที่หน้าอก
-บีบหน้า กลามข้างขวาปวดไปหมด และแก้มบวม ในกระพุ้งแก้มเรามีแผล เพราะฟันกลามกระแทก
-โยนเราลงพื้น ตัวเราเหวี่ยงฝาดพื้นและกำแพง
-เรานอนบนพื้น เค้ายืนเตะเรา
-มีการหยิบไม้แขวนเสื้อมาตีเรา
-มีการหยิบไม้สำหรับใช้ทำกายบริหารมาตีเรา
-เข่าศอกท้องเรา
-มีหยิบเก้าอี้จะฟาดเรา
-และมีการเดินไปหยิบมีด กะจะแทงเรา
-ทำร้ายข้าวของ จะเผาเสื้อผ้าเรา
โยนเครื่องสำอางค์เราทิ้งแตกพังทั้งหมด
-เศษแก้วเต็มพื้นห้อง ของกระจาย เละเทะ
เค้าพูดว่า "ถ้าเธอจะไปก็ให้ไปแบบเป็นศพ"
เค้ายืนยันจะทำร้ายเรา จนกว่าเราจะยอมเลิกกับแฟนใหม่เรา เค้าขอเรา 3 ข้อ และทำร้ายร่างกายเราไปด้วย
1.) ให้เรา พักกับเค้าที่บ้านเค้าเหมือนเดิม
2.) ให้เราทำงานที่เดิม
3.) ให้เราเลิกกับแฟนคนปัจจุบัน
เเต่เราทำให้เค้าไม่ได้ เพราะผู้ชายคนปัจจุบันดีกับเรามาก เราทำร้ายจิตใจเค้าไม่ลง และเราไม่อยากกลับไปอยู่ในวังวนที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้วค่ะ
เราวิ่งหนีออกมาได้ มีตัวและโทรศัพท์
เราไปโรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน นั่งแท็กซี่ไป
ที่ท้องเราเจ็บช้ำมากบริเวณ LLQ และ Pelvic หมอเเค่เอานิ้ววางเราก็เจ็บแล้ว
หมอกลัวจะมีเลือดออก เลยจับเรา อัลตร้าซาวด์ และx-ray ช่องท้องและทรวงอก
ผลตรวจโชคดี ที่
ภายในเราไม่มีเลือดออกเลย และไม่มีกระดูกหัก
แต่มีภาวะลำไส้และมดลูกช้ำ
และเรามีรอยเล็บที่หน้าอก จึงถูกฉีดบาดทะยัก
เราถูกนัดมาหาหมอ เพื่อประเมินสภาพร่างกายอย่างต่อเนื่อง แฟนคนปัจจุบัน พอรู้เรื่องก็มาหาเราที่โรงพยาบาล เเละรับเรากลับไปด้วย ไม่ยอมให้เรากลับไปทำงานที่คลินิกและเข้าบ้านผู้ชายอีก
คือ ให้เราทิ้งทุกอย่างไปเลย ของไม่ต้องเอา เอาชีวิตรอดพอ เพราะไม่รู้ว่า กลับไปเราจะโชคดี รอดจากการโดนแทงไหม หรือถ้าเราโดนทำร้ายซ้ำแล้วหัวกระเเทกพื้นเป็นอะไรขึ้นมาไม่คุ้ม
เราเดินทางจากกรุงเทพกลับต่างจังหวัด หลังพบหมอตามนัดจนครบกำหนด (ระหว่างหาหมอ เราเช่าโรงแรมใกล้โรงพยาบาลนอน)
เราไม่ได้รับการขอโทษ จากผู้ชายคนนี้แต่อย่างใด ทุกอย่างเงียบมากๆ จนผ่านไป 2 คืน ผู้ชายคนนี้ ทักมาบอกเราทางเฟสบุ๊คว่า
"เค้าจะไปบวช เข้าทางธรรม"
เราก็คิดว่า โอเค ถ้าเค้าสำนึกผิด เราก็พร้อมให้อภัยอโหสิกรรม
เวลาผ่านมา 1 เดือน สรุปว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้บวช และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ
เราอยากสอบถาม เพื่อนๆทุกคนว่า เราควรทำอย่างไรดี เราผิดหวังและเสียใจที่เค้าโกหกเราว่าจะบวชให้แต่ไม่บวช
ผู้ชายคนนี้จะพูดว่า ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่จับเบาๆ และพูดถึงเราว่าเราพูดเกินจริงในสิ่งที่เขาทำกับเรา
แต่เราเชื่อว่า รู้กันอยู่แก่ใจ ว่าเค้าทำเรารุนแรง
จริงรึป่าว ?
(ถ้าหากว่าแค่ดึง หรือกระชากตัวเบาๆ เราคงให้อภัยและจะไม่ออกมาพูดแบบนี้เลย แต่สิ่งที่เค้าทำกับเรารุนแรงจริงค่ะ)
-เราเองก็ไม่ใช่คนดี เราเคยทำผิดพลาดในหลายเรื่องเหมือนกันที่หลงหัวโขน จนบางครั้งคิดถึงเงินมากกว่าจรรยาบรรณ
ที่เราออกมาพูดในโซเชียลตรงนี้ เรายืนยันว่าส่วนที่เราพูดเป็นความจริงทั้งหมด
เราควรทำยังไงดี ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
ป.ล. สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายพูดเอาไว้กับเราคือ ขอร้องไม่ให้ดำเนินคดีและไม่เอาเรื่อง เพราะ เขาจะไปเล่นการเมืองในสภาวิชาชีพ ค่ะ
เรามีผลตรวจร่างกายและใบรับรองแพทย์ ค่ะ
ว่าเราโดนทำร้ายร่างกายจริง ค่ะ
พยานในที่เกิดเหตุมี 1 คน เป็นรุ่นน้องของผู้ชาย
กล้องวงจรปิดไม่สามารถขอได้ปัจจุบันคาดว่าภาพน่าจะถูกเคลียร์และลบ
ภาพนิ่งในโทรศัพท์ไอโฟนถูกลบ แต่กู้มาได้