สาธารณรัฐโรมันตอนปลายกับปัญหาสังคมและสงครามกลางเมือง res publica clade indicantis (Republic Overthrown) IV

    สาธารณรัฐโรมันที่ตอนนี้ได้เผชิญปัญหาใหญ่หลวงเข้าซะแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะเล่าส่วนนั้น ผมจะเล่าสงครามมาซิโดเนียที่ผมเล่าข้ามๆไปตอนก่อนเข้าเนื้อหาหลัก เมื่อกษัตริย์ฟิลิปที่ 5 ได้ช่วยส่งกองทัพสนับสนุนฮานนิบาลในสงครามพิวนิคครั้งที่สอง เกิดเป็นสงครามมาซิโดเนียครั้งแรกขึ้น (215-205 ก่อน ค.ศ.)  จบลงเพียงเสมอกันทั้งคู่ ปัญหาโรมันไม่ได้อยู่ที่ฟิลิปแค่คนเดียว แต่ยังมีแอนติโอคัสที่ 3 (Antiochus 3) แห่งอาณาจักรเซลูซิด (Seleucid) ที่กำลังฟื้นฟูอำนาจ โรมันกลัวว่าทั้งคู่จะทำสัญญาตกลงร่วมมือกันจึงหาวิธีลดอำนาจทั้งคู่ลง เมื่อฟิลิปและแอนติโอคัสได้ช่วยกันตีอียิปต์ อียิปต์ได้ขอให้โรมช่วย โรมได้กดดันต่อไปให้ฟิลิปหยุด แต่พระองค์ไม่มีท่าว่าจะสนใจ โรมเลยประกาศสงครามกับฟิลิป เป็นสงครามมาซิโดเนียครั้งที่ 2 (200-196 ก่อน ค.ศ.) โรมได้ชนะสงครามแต่ไม่ได้ยึดดินแดนใดๆ แต่ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมชดเชยและต้องยอมถอนกำลังออกจากกรีซ ยอมสัญญาว่าจะไม่แทรกแซงกิจการของบรรดานครรัฐกรีก อีกทั้งต้องเป็นพันธมิตรกับโรม ไม่ต่างจากแอนติโอคัสที่แพ้แล้วดื้อไม่ยอมรับข้อตกลง จึงถูกโรมเล่นหนักให้อาณาจักรเซลูซิตกำจัดตัวเองออกไปอยู่เฉพาะทางตะวันออกเขาทอรัส เลิกใช้ช้างศึก มาซิโดเนียยังคงอำนาจไว้อยู่จนสิ้นรัชกาลฟิลิปที่ 5 กษัตริย์เพอร์ซูส (Perseus) ได้สืบทอดบังลังค์และจะแก้แค้นในสิ่งที่โรมทำ ท่านเลยพยายามขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกโรมัน บานปลายเกิดสงครามมาซิโดเนียครั้งที่ 3 (172-168 ก่อน ค.ศ.) ไม่ต้องเดาครับ แพ้ที่สมรภูมิพีเอ็ดนา (Pyedna) เพอร์ซูสโดนเนรเทศ มาซิโดเนียรวมเป็นส่วนหนึ่งของโรมและถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน 
   มาต่อกับปัญหาที่โรมต้องเจอกัน อย่างที่ผมเกริ่นไว้ทำไหมปัญหาจึงเกิดคนอ่านคงสงสัย ยังจำได้ใช่ไหมครับว่าพอโรมไปรบแล้วชนะมาได้สิ่งที่นำมา คือ พวกทาสและทรัพย์สิน ซึ่งก็ดีแต่พอโรมเริ่มชนะสงครามมากขึ้น เชลยชาติที่เริ่มไหลเข้าสู่อาณาจักรโรมันก็เริ่มมากขึ้น เชลยศึกไม่ว่าเป็นใครมาจากไหน ล้วนตกอยู่ในฐานะทาส จนถูกแจกจ่ายให้พวกข้ารัฐการและบรรดานายพลต่างๆ สุดท้ายภาระก็ตกอยู่ที่พวกทาสต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องหางานให้ทาสทำและงานที่เหมาะกับทาสจำนวนมาก ถ้าไม่ใช่งานก่อสร้างก็มีงานเพาะปลูก ผลผลิตที่ได้มาก็ขายสร้างรายได้เเละยังเป็นเสบียงให้กับทาสได้  จึงเป็นการเกษตรแบบใหม่คือ ลาตินฟุนเดีย (Latifundia)
   
ฟาร์มลาตินฟุนเดีย
ตลาดค้าทาสในโรม


    เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ให้ทาสทำงานและอยู่ คนที่สามารถเป็นเจ้าของได้ก็ต้องร่ำรวยอยู่พอตัว ทำให้พวกที่เป็นเจ้าของฟาร์มมีแต่จะร่ำรวยขึ้น แต่สิ่งที่แย่คือ ชาวนารายย่อยที่เป็นคนโรมันแท้มีแต่จะยากจนลง พวกเขาขายสิ่งค้าแข่งกับเจ้าที่ดินไม่ไหว บางทีจำต้องขายทั้งที่ขาดทุน เหตุการณ์ค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ จนปลายสาธารณรัฐพวกนี้เป็นหนี้ท่วมตัวจนไม่มีจ่าย หลายคนเป็นคนจนต้องขายที่ดินให้กับพวกบรรดาเจ้าของลาตินฟุนเดีย แล้วเดินทางเข้าโรมเพื่อหาอาชีพเดียวที่พอทำได้ คือเป็นกรรมกรขายแรงงานในกรุงโรม
    ประจวบเหมาะกับเรื่องการเมืองในเวลานั้น มีการแข่งขันเพื่อได้รับเลือกตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งสูงต่างๆ เริ่มกันอย่างดุเดือด เหล่าบรรดาคนชั้นสูงจึงทุ่มเงินเอาใจคนเบี้ยล่าง จัดงานบรรเทิงต่างๆเอาคะเเนนเสียงจากผู้คน การที่จะได้ตำแหน่งแต่ละอันมาต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนจากสภาร้อยและสภาเผ่าก่อนทำให้นักการเมืองจึงจัดงานบรรเทิงกันใหญ่ เเรกๆงานเทศกาลและการแข่งขันทำกันง่ายๆ แต่มันก็เริ่มทำให้คนโรมันเห็นแก่ความสนุกสนาน ยิ่งนานวันก็ยิ่งเคยตัว ยิ่งเรียกร้อง งานก็เริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ  ทุกคนน่าจะเห็นสภาพโรมในตอนนี้เเล้วว่า คนรวยก็มีแต่จะร่ำรวย คนจนก็เพิ่มมากขึ้นเพราะทาส ความเหลื่อมล้ำทำให้หลายคนไม่พอใจ จนในที่สุดก็แบ่งเป็นสองพวกคือ พวกออปติเมต (Optimates) พวกวุฒิสภาที่เห็นชอบและชื่นชมผลกำไรที่ได้มาง่ายๆ
พวกพอพพูลาเรส (Populares) เป็นพวกไม่เห็นด้วยกับความไปเพราะเห็นใจคนจนที่ไม่มีความผิด แต่ต้องอดอยากยากจนหลังความร่ำรวยจากทาส
    ฝ่ายพอพพูลาเรส ได้เห็นสมควรที่จะปรับปรุงความเป็นไปให้เสมอภาคมากขึ้น ความขัดแย้งจึงเกิดในปลายสาธารณรัฐโรมันจนรุนแรงมากขึ้น

    การปฏิรูปของกรักคุส (133-121 ก่อน ค.ศ.)
พี่น้องกรักคุส
     มีพี่น้องจากตระกูลสูงตระกูลหนึ่ง คือ ตระกูลกรักคุส (Gracchus) สองคน คือ ไทบีเรียส กรักคุส (Tiberius Gracchus) คนนี้ได้ตำแหน่งทรีบูนในปี 133 ก่อน ค.ศ. ส่วน น้องชายไกอุส กรักคุส (Gaius Gracchus) ได้เป็นทรีบูนทีหลังพี่ชายในปี 123 และ 121 ก่อน ค.ศ. พี่น้องทั้งสองเป็นญาติชั้นหลานกับสคิปิโอ แอฟริกานุส ที่โดนการเมืองเล่นงานจนปลีกตัวออกจากโรม คนพี่ไทบีเรียสได้รับรัฐการทหารระยะแรก มองเห็นปัญหาและต้องการแก้ไข
เขาหาเสียงจนได้รับแรงสนับสนุนจากสภาเผ่าจนได้ตำแหน่งทรีบูน 
     เขารู้ตั้งแต่ยังทำหน้าที่ทหารว่า สงครามทาสในซิซีลีขยายวงกว้างก็เพราะการใช้แรงงานทาส เชลยศึกจำนวนมาก ถ้าคนโรมันสามารทำการเพาะปลูกได้เองอาจทำให้ปํญหาเบาบางลงไม่ต้องรอรับส่วนแบ่งขนมปังที่รัฐแจก เมื่อเป็นทรีบูนแล้วไทบีเรียสจัดการสะสางปัญหาจจนสำเร็จไปหลายเรื่อง
แม้ว่าจะไม่รับการสนับสนุนจากวุฒิสภาก็ตาม ซึ่งวุฒิสภาหลายรายเป็นเจ้าของลาตินฟุนเดีย
     ถึงจะมีคนไม่พอใจแต่ไทบีเรียสได้แรงสนับสนุนจากประชาชนทำให้วุฒิสภาต้องยอมผ่านร่างที่ไทบีเรียสเสนอ เช่น หาที่ทำกินให้กับชาวนาที่เสียที่ดินไปไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินที่ยึดครองหรือผืนดินของรัฐและให้คนรวยเช่าทำลาตินฟุนเนียสร้างถนนและฉางข้าวเพิ่มขึ้น ไทบีเรียสยังพยายามจะขยายอำนาจของทรีบูนและสภาเผ่าเพิ่มขึ้น เพื่อคานอำนาจคนรวย
     การกระทำแบบนี้ทำให้เป็นเป้าฝ่ายปกครองสะสมความรังเกียจขึ้นและเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อการเข้ารับเลือกทรีบูนครั้งที่ 2 เหตุการณ์กลายเป็นการตะลุมบอนย่อยๆ ไทบีเรียส ถูกลุมกระทืบตายระหว่างที่ชลมุนกัน 
การตายของไทบีเรียส
     ทว่ากฎของกรักคุสเป็นที่นิยมในหมู่คนจน จนรัฐไม่กล้าแตะ จนน้องของไทบีเรียสมาสืบทอดความคิดต่อจากพี่ชาย  ไกอัสได้เป็นทรีบูนในเวลาต่อมา
ทำงานปฎิรูปต่อและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น กระจายทรัพย์สินให้ประชาชน ให้ความเป็นพลเมืองโรมันแก่ผู้ที่พูดละตินทั้งหมด 
การกระทำของไกอัส ไม่เป็นที่ถูกตาวุฒิสภาเช่นเดียวกับไทบีเรียส ถึงจะสามารถช่วยคนจนได้มากมาย แต่ดำเนินไปด้วยการขัดขาพวกเสียประโยชน์
สุดท้ายพวกวุฒิสภายอมเสียประโยชน์เพื่อเอาใจประชาชนบ้าง ไกอัสเห็นความไม่จริงใจเลยค้าน เรื่องนี้ทำให้ประชาชนไม่พอใจ ก่อจราจล ทำให้ไกอัสถูกฆ่าตายกลางความวุ่นวาย รวมทั้งบริวารของเขาประมาณ 3,000 คน ได้ถูกประหารชีวิต

      ไกอัส มาริอุส (Gaius Marius)
    ได้เวลาที่ผมจะอธิบายแล้วว่าทำไมพวกนายพลยุคปลายนี้ ถึงสามารถมีอำนาจมากกว่ารัฐได้และมีอิทธิพลทางการเมือง เพราะเขาคนนี้ละครับ
จุดเริ่มต้นจากอาณาจักรนูมีเดียที่เคยภักดีต่อโรม ที่นี่เกิดต้นเหตุสำคัญเลยคือ ยูเกอธา (Jugurtha) ได้สร้างความยุ่งยากภายในราศวงศ์คือการกำจัดน้องชายของตนออกไปจากเส้นทางบังลังค์ เรื่องถึงหูโรมันนี่ไม่ชอบใจ แต่ไม่อาจมายุ่งเกี่ยวได้เพราะเหตุผลมีไม่พอ แต่เมื่อยูเกอธาขึ้นเป็นกษัตริย์ยกทัพไปฆ่าพวกอิตาลีที่ตั้งถิ่นที่แอฟริกา เหตุผลนี้มากพอที่จะประกาศสงครามแต่ยูเกอธาเล่นเส้นสาย ส่งสินบนให้เรื่องก็เริ่มวุ่นวายขึ้นเมื่อคนโรมันพยายามหาคนรับสินบน แต่พอดีที่กงสุล ควินตัส เมตเตลลัส ได้ประกาศสงครามแล้วส่งนายพล ไกอัส มาริอุส จัดการ
     ไกอัส มาริอุส ได้มีวีรกรรมหลายเรื่องเช่น ตอนที่ตนเป็นกงสุลได้ปรับเปลี่ยนระบบทหารใหม่ สั่งยกเลิกกฎเดิมที่ต้องให้ทหารออกเงินค่าอาวุธเอง
ให้กลายเป็นรัฐออกให้หมด ทำให้เกิดอาชีพทหารขึ้น ซึ่งคะเเนนเสียงต้องมีอยู่แล้วครับเพื่อให้นายพลที่รับปากจะให้แบ่งเงินรางวัลหลังชนะสงคราม
       ในปี 105 มาริอุส ยังคงมีปัญหาไม่หายกับยูเกอธาแต่ความยุ่งยากก็มาทางตอนเหนือของอิตาลี พวกเยอรมันได้อพยพโจมตีทางใต้ฝรั่งเศลที่โรมันครอบครองอยู่ทหารสู้ไม่ได้ จนกงสุล พับลิอุส รูติเลียส รูฟัส ไปรบชนะและความสำเร็จของมาริอุสที่จัดการยูเกอธาได้
      เมื่อสงครามจบก็แบ่งทรัพย์สินกันไปให้กับทหาร แต่ผู้คนเรียกร้องให้กำจัดระบบเผด็จการนี้ไป บทบาทของมาริอุสจะจบลงด้วย นายพลอีกคน
 
      สงครามกลางเมืองและการปกครองของซุลลา (91-80 ก่อน ค.ศ.)
สงครามกลางเมืองของโรมัน
      เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นในอิตาลีเมื่อพลเมืองไม่สนใจที่จะเป็นพลเมืองโรมัน พวกเขาอยากเลิกวิธีปกครองแบบเผด็จการออก เพราะมาริอุสเอาแต่ให้รางวัลทหารแบบผิดกฏหมาย ไหนเรื่องที่สภาเซเนทอนุญาติให้ทหารผ่านศึกครอบครองดินแดนบนอิตาลี จนเกิดการจลาจลขึ้นเผ่าต่างๆรวมตัวกันเป็นพันธมิครเกิดเป็นสงครามการเมือง โรมจัดการได้และจึงยอมผ่านร่างให้ความเป็นพลเมืองแก่คนที่ต้องการ
      นายพลซุลลาที่เป็นศัตรูแค้นกับมาริอุสเพราะช่วงที่ยูเกอธาโดนปราบเป็นฝีมือของซุลลาเองที่วางแผนจับยูเกอรธาได้ แต่มาริอุสได้ชื่อเสียงไปหมด
ซุลลาแสดงความคิดต่งกับมาริอุสโดยการเข้าข้างออพติเมตีส ซุลลาเห็นว่า ควรนำอำนาจของทรีบูนกับสภาเผ่ากลับคืนให้เป็นอำนาจของเซเนท
เมื่อปัญหาเกิดมีคนพยายามเอากฏหมายร่างยกเลิกเสียงของพลเมืองใหม่มาแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่ยุติธรรม เรื่องเริ่มลุกลามจนซุลลาและกงสุลต้องหนีออกจากเมืองโรม กฏหมายนั้นก็ผ่าน ซุลลาตอบโต้ด้วยการขอร้องทัพ เดินทัพเข้าโรม เป็นครั้งแรกที่กองทัพส่วนตัวทหารเข้าบุกโรม 
      เมื่อขมขู่ขวัญเเล้ว พอซุลลาได้เป็นผู้เผด็จการหลังไปรบที่กรีกมา ก็เริ่มการกำจัดได้เลย ใครที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเตรียมโดนประหารได้เลย ส่วนมาริอุสป่วยตายไปก่อนแล้ว ซุลลาใช้อำนาจปฎิรูปให้อำนาจเซเนทเป็นศูนย์กลาง ลดอำนาจทรีบูน ง่ายๆเปลี่ยนให้รัฐมั่นคงขึ้นกว่าเดิมมาก 
   
ซุลลา
ซุลลาบุกเข้าโรม
       ปลายๆปีการปกครอง ซุลลาได้ลดอำนาจลงเพื่อให้รัฐฟื้นฟูเองและเกษียณอายุไปเป็นพลเมืองธรรมดา แต่ปัญหายังไม่จบเมื่อมีนายพล 3 คน ที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองโรมไปเป็นยุคใหม่


 
       

     
  


      
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่