คำถามจากไลน์กลุ่มอานาปานสติ
@ตื่นรู้สึกตัว. สิ่งที่คุณถามก็ดีน่ะ เรื่องการนับ. ขอขยายความตรงนี้ครับ
การนับไม่มีปรากฎในชั้นพุทธพจน์หรือปฏิสัมภิทามรรคเลยในปฎิสัมภิทาจะมีคำที่ดูเหมือนว่า การท่องจำในสมัย พศ.950 (สมัยกำเนิดวิสุทธิมรรค) นั้นอาจมีการทรงจำที่เคลื่อนมา เพราะสมัยนั้นอรรถกถาไม่มีในภาษาบาลีเพราะสูญหายหมด
คำน่าสงสัย นั้นคือ 2 คำนี้
1.คณนา(การนับ)
2.อัทธานสังขาเต(นับว่ายาวตามกาล)
คำว่า "คณนา" หรือภาษาไทยว่าคะเน คำนวน ความหมายอย่างนี้ ในปฏิสัมภิทา พระสารีบุตรท่านใช้คำนี้บอกเรื่องที่ท่านจะอธิบาย ว่ามีขอบเขตเท่าไร คือมีราว 230 ข้อ หรือ คะเนเอาว่ามีราว 200. ท่านจึงกล่าวว่า อานาปานสติญาณ 200. แต่ในวิสุทธิมรรค คณนา กลายเป็น เรื่องการสอนให้นับลมหายใจ อันนี้ศัพท์แรก
ส่วนศัพท์ อัทธานสังขาเต. แปลว่า ความยาวตามกาลเวลา คำนี้อย่างที่ผมกล่าวบ่อยว่า เป็นคำที่เข้าใจเคลื่อนได้ง่ายมาก เพราะอัทธานะ แปลว่า ระยะทางก็ได้ ระยะเวลาก็ได้ ซึ่งโดยปกติเราจะไม่ค่อยคิดเรื่องความหมายในเชิง ระยะเวลาสักเท่าไร. และที่เป็นเงื่อนปัญหาการแปลอีกครั้งเมื่อ ผู้แปลหากจะดูบริบทสัมพันธ์การแปลในบทหน้า. จะพบพุทธพจน์อีกคำ คือ "ปริมุขํสตึ อุปัฏฺฐเปตฺวา"
ซึ่งคำนี้ ทั่วไปทั้งไทย ทั้งพม่า แปลว่า "ดำรงสติเฉพาะหน้า" แต่ในพระไตรปิฎกโบราณภาคภาษาบาลี มี ข้อบ่งชี้ไว้ว่า อาจารย์บางเหล่าแปลว่า "ทาง(มีนัยยะนำออก)"
เพราะอะไร เพราะคำว่า มุข. แปลได้ 2 นัย คือ แปลว่า "หน้า" ก็ได้ แปลว่า "ทาง" (ที่มีนัยยะนำออก)ก็ได้.
ยกตัวอย่างคำ เช่นคำว่า เรือนจตุรมุข (= เรือน4 หน้า) และ เช่น อบายมุข(= ทางออกแห่งอบาย)
เมื่อแปลมาถึง นับว่ายาว ผู้แปลจะไม่มีทางคิดได้เลยว่าจะแปลว่า ยาวตามกาล. เพราะอะไร เพราะคิดเสมอว่า "ดำรงสติเฉพาะหน้าแล้ว" (อดีตสมบูรณ์ กรรมวาจก past perfect tense passive voice) จากสัมพันธ์บทต้น จึงต้องแปลว่ายาว (โดยไม่มีกาลเพราะคิดว่าเป็นระยะทาง) รวมทั้งมีการตามไปจุดต่างๆ เช่น จมูก คอ อก หรือเคลื่อนจุดไปทั่วกาย หรือจักกะ. ก็มี
*ซึ่งในความเป็นจริง "ปริมุขํสตึ อุปฏฺฐเปตฺวา" ควรได้รับการแปลอย่างถูกตรงว่า "ถูกตั้งสติไว้แล้วที่บริเวณทางออก(แห่งลม)" พระสารีบุตรชี้ชัดว่าปลายจมูก จากบาลี "นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา"
และอีกประการคำว่า สังขาเต นั้นแปลว่า การนับ ก็ได้ ซึ่งพระสารีบุตรเดิม หมายจะ ขยายคำพระองค์ ว่า ยาวหมายถึง นับว่ายาวตามกาล
ฉะนั้น การแปล อัทธานสังขาเต. จากปฏิสัมภิทา ในยุค พศ.950. เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเกิดการเข้าใจเคลื่อน อย่างที่กล่าวมา
เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดอีกครั้งหลังจาก การค้นพบคัมภีร์วิมุตติมรรค (แต่ง: พ.ศ.850) ค้นพบในญี่ปุ่น โดยชาวอังกฤษ ราวปี พ.ศ.2504 ภาคภาษาจีน ปัญหาเกิดตอนจะแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่สามารถแปลได้ ได้แต่ ว่างไว้..... สู่เชิงอรรถ (ตามรูป)
และอีกประการสำคัญ หากเราท่านได้ดูโครงสร้างของ อานาปานสติ ในวิสุทธิมรรค ที่แปลโดยสมบูรณ์(ฉบับ มมร. ราว 140 หน้า) เมื่อเราเห็นสมมติฐานข้างต้นแล้ว เราจะสามารถเห็นได้ว่า. ข้อความเรื่องการนับลม ที่มีลักษณะสอดเข้ามาตรงกลางของเนื้อหานั้นไม่น่าเกิดขึ้นได้ เพราะท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้แต่งก็อ้าง ปฏิสัมภิทามรรคมาตลอดการดำเนินเรื่อง ยกเว้นเรื่องการนับ และสืบเป็นวิธีการเรียน ตั้งแต่ คณนา อนุพันธนา...เป็นต้นไป.
ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าเป็นความเข้าใจชั้นหลัง จากปัญหาสัมพันธ์การแปลเบื้องข้างต้น และอาจเป็นวิธีที่กระจายการเรียนการสอนอยู่ในสังฆมณฑลขณะนั้นจนท่านต้องยกมาสอดไว้ท่อนกลาง อย่างไม่มีที่อ้างชั้นปฏิสัมภิทา
จากข้อความทั้งหมดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ในการปลูกสัทธาปสาทะแก่ท่านที่ขวนขวายเรียนการปฏิบัติอย่างที่พระองค์ทรงสอนอย่างแท้จริง และจะเป็นอื่นไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะพิสูจน์คือ อย่าพึ่งสาธุ อย่าพึ่งปฏิเสธ. ลองตรองดูแล้ว ลองทำตาม ถ้าตรงไม่กี่บัลลังก์ก็จะเห็นผล. เมื่อเห็นผลท่านเอง(เมื่อถึงวัตถุ9-12)ต้องบอกต่อในวิธีการอัศจรรย์ของพระพุทธองค์ ให้สืบต่อไปกับบุคคลผู้มาภายหลัง
คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อานาปานสติ" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
https://line.me/ti/g2/r_Gd7fC6H3ibbPKR7RO12g?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ศัพท์สำคัญในการปฎิบัติอานาปานสติภาวนา
@ตื่นรู้สึกตัว. สิ่งที่คุณถามก็ดีน่ะ เรื่องการนับ. ขอขยายความตรงนี้ครับ
การนับไม่มีปรากฎในชั้นพุทธพจน์หรือปฏิสัมภิทามรรคเลยในปฎิสัมภิทาจะมีคำที่ดูเหมือนว่า การท่องจำในสมัย พศ.950 (สมัยกำเนิดวิสุทธิมรรค) นั้นอาจมีการทรงจำที่เคลื่อนมา เพราะสมัยนั้นอรรถกถาไม่มีในภาษาบาลีเพราะสูญหายหมด
คำน่าสงสัย นั้นคือ 2 คำนี้
1.คณนา(การนับ)
2.อัทธานสังขาเต(นับว่ายาวตามกาล)
คำว่า "คณนา" หรือภาษาไทยว่าคะเน คำนวน ความหมายอย่างนี้ ในปฏิสัมภิทา พระสารีบุตรท่านใช้คำนี้บอกเรื่องที่ท่านจะอธิบาย ว่ามีขอบเขตเท่าไร คือมีราว 230 ข้อ หรือ คะเนเอาว่ามีราว 200. ท่านจึงกล่าวว่า อานาปานสติญาณ 200. แต่ในวิสุทธิมรรค คณนา กลายเป็น เรื่องการสอนให้นับลมหายใจ อันนี้ศัพท์แรก
ส่วนศัพท์ อัทธานสังขาเต. แปลว่า ความยาวตามกาลเวลา คำนี้อย่างที่ผมกล่าวบ่อยว่า เป็นคำที่เข้าใจเคลื่อนได้ง่ายมาก เพราะอัทธานะ แปลว่า ระยะทางก็ได้ ระยะเวลาก็ได้ ซึ่งโดยปกติเราจะไม่ค่อยคิดเรื่องความหมายในเชิง ระยะเวลาสักเท่าไร. และที่เป็นเงื่อนปัญหาการแปลอีกครั้งเมื่อ ผู้แปลหากจะดูบริบทสัมพันธ์การแปลในบทหน้า. จะพบพุทธพจน์อีกคำ คือ "ปริมุขํสตึ อุปัฏฺฐเปตฺวา"
ซึ่งคำนี้ ทั่วไปทั้งไทย ทั้งพม่า แปลว่า "ดำรงสติเฉพาะหน้า" แต่ในพระไตรปิฎกโบราณภาคภาษาบาลี มี ข้อบ่งชี้ไว้ว่า อาจารย์บางเหล่าแปลว่า "ทาง(มีนัยยะนำออก)"
เพราะอะไร เพราะคำว่า มุข. แปลได้ 2 นัย คือ แปลว่า "หน้า" ก็ได้ แปลว่า "ทาง" (ที่มีนัยยะนำออก)ก็ได้.
ยกตัวอย่างคำ เช่นคำว่า เรือนจตุรมุข (= เรือน4 หน้า) และ เช่น อบายมุข(= ทางออกแห่งอบาย)
เมื่อแปลมาถึง นับว่ายาว ผู้แปลจะไม่มีทางคิดได้เลยว่าจะแปลว่า ยาวตามกาล. เพราะอะไร เพราะคิดเสมอว่า "ดำรงสติเฉพาะหน้าแล้ว" (อดีตสมบูรณ์ กรรมวาจก past perfect tense passive voice) จากสัมพันธ์บทต้น จึงต้องแปลว่ายาว (โดยไม่มีกาลเพราะคิดว่าเป็นระยะทาง) รวมทั้งมีการตามไปจุดต่างๆ เช่น จมูก คอ อก หรือเคลื่อนจุดไปทั่วกาย หรือจักกะ. ก็มี
*ซึ่งในความเป็นจริง "ปริมุขํสตึ อุปฏฺฐเปตฺวา" ควรได้รับการแปลอย่างถูกตรงว่า "ถูกตั้งสติไว้แล้วที่บริเวณทางออก(แห่งลม)" พระสารีบุตรชี้ชัดว่าปลายจมูก จากบาลี "นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา"
และอีกประการคำว่า สังขาเต นั้นแปลว่า การนับ ก็ได้ ซึ่งพระสารีบุตรเดิม หมายจะ ขยายคำพระองค์ ว่า ยาวหมายถึง นับว่ายาวตามกาล
ฉะนั้น การแปล อัทธานสังขาเต. จากปฏิสัมภิทา ในยุค พศ.950. เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเกิดการเข้าใจเคลื่อน อย่างที่กล่าวมา
เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดอีกครั้งหลังจาก การค้นพบคัมภีร์วิมุตติมรรค (แต่ง: พ.ศ.850) ค้นพบในญี่ปุ่น โดยชาวอังกฤษ ราวปี พ.ศ.2504 ภาคภาษาจีน ปัญหาเกิดตอนจะแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่สามารถแปลได้ ได้แต่ ว่างไว้..... สู่เชิงอรรถ (ตามรูป)
และอีกประการสำคัญ หากเราท่านได้ดูโครงสร้างของ อานาปานสติ ในวิสุทธิมรรค ที่แปลโดยสมบูรณ์(ฉบับ มมร. ราว 140 หน้า) เมื่อเราเห็นสมมติฐานข้างต้นแล้ว เราจะสามารถเห็นได้ว่า. ข้อความเรื่องการนับลม ที่มีลักษณะสอดเข้ามาตรงกลางของเนื้อหานั้นไม่น่าเกิดขึ้นได้ เพราะท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้แต่งก็อ้าง ปฏิสัมภิทามรรคมาตลอดการดำเนินเรื่อง ยกเว้นเรื่องการนับ และสืบเป็นวิธีการเรียน ตั้งแต่ คณนา อนุพันธนา...เป็นต้นไป.
ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าเป็นความเข้าใจชั้นหลัง จากปัญหาสัมพันธ์การแปลเบื้องข้างต้น และอาจเป็นวิธีที่กระจายการเรียนการสอนอยู่ในสังฆมณฑลขณะนั้นจนท่านต้องยกมาสอดไว้ท่อนกลาง อย่างไม่มีที่อ้างชั้นปฏิสัมภิทา
จากข้อความทั้งหมดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ในการปลูกสัทธาปสาทะแก่ท่านที่ขวนขวายเรียนการปฏิบัติอย่างที่พระองค์ทรงสอนอย่างแท้จริง และจะเป็นอื่นไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะพิสูจน์คือ อย่าพึ่งสาธุ อย่าพึ่งปฏิเสธ. ลองตรองดูแล้ว ลองทำตาม ถ้าตรงไม่กี่บัลลังก์ก็จะเห็นผล. เมื่อเห็นผลท่านเอง(เมื่อถึงวัตถุ9-12)ต้องบอกต่อในวิธีการอัศจรรย์ของพระพุทธองค์ ให้สืบต่อไปกับบุคคลผู้มาภายหลัง
คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อานาปานสติ" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
https://line.me/ti/g2/r_Gd7fC6H3ibbPKR7RO12g?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default