เรื่องราวการใช้งานบัตรเครดิตในประเทศอินเดีย

ช่วงเวลาเดือนมกรา ก่อนที่ Covid-19 จะมีการระบาด ผมได้มีโอกาสเดินทางไปอินเดียและได้แวะพักที่เมือง Mysore เป็นเวลา 2 คืน พอวันที่ 18 มกรา ได้ทำการ Checkout โดยยอดรวมค่าใช้จ่ายค่าที่พัก 2 คืน บวกกับ soft bar นิดหน่อยเป็นจำนวนเงิน 5021 รูปี
ในการใช้งานบัตรเครดิตที่อินเดีย เราจะต้องเผื่อใจว่ามันอาจจะใช้ไม่ได้ ถึงมันจะมีตรา VISA อยู่ก็ตาม โดยทางร้านค้าหรือโรงแรมได้แจ้งว่าไม่สามารถรับบัตรที่เป็น international ได้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
โดยผมได้ใช้บัตรกรุงศรี VISA ก่อน ซึ่งก็รูดไม่ผ่าน แต่ของกรุงศรีจะไม่มีปัญหาอะไร
จากนั้นจึงได้ลองใช้อีกบัตรหนึ่งซึ่งก็รูดไม่ผ่านเช่นกัน ทางโรงแรมจึงได้นำเครื่องรูดจากร้านค้าที่อยู่ตรง lobby มาใช้งาน ซึ่งผมก็ไม่ได้เอะใจว่ามันจะมีปัญหาอะไร ซึ่งมันก็ยังรูดไม่ผ่านเช่นเดิม คำว่ารูดไม่ผ่านคือมันมีข้อความว่าไม่สามารถใช้งานได้ และไม่สามารถพิมพ์ slip ใดๆออกมาได้ แน่นอนนั่นหมายความว่าผมไม่เคยเซ็นต์ลายเซ็นต์ผมลงใน slip ใดๆของโรงแรมแห่งนั้น
ยังดีที่ผมมีเพื่อนชาวอินเดียมาด้วย เค้าจึงได้สำรองจ่ายก่อนด้วยบัตรของเค้า (ไม่แน่ใจว่าเป็นบัตรเดบิต หรือเครดิต) ซึ่งแน่นอนว่าบัตรของเค้ารูดจ่ายได้ปรกติ
ผมนั่งรถกลับมาบังกะลอว์แวะพักอีกอาทิตย์หนึ่ง จากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพ
ทุกอย่างเหมือนไม่มีปัญหาอะไร
 
ปัญหามันเริ่มต้นเมื่อ statement จากธนาคารมีการเรียกเก็บเข้ามาในเดือนถัดไป โดยเป็นการตัดยอด ณ วันที่ 7 กุมภา โดยมีกำหนดชำระวันที่ 2 มีนา แจ้งว่ามีการใช้งานเป็นจำนวน 5021 รูปีซึ่งธนาคารแปลงเป็นเงินไทยเป็น 2216.19บาท
ผมได้ทำการตรวจสอบ เพราะปรกติผมจะมีการจดบันทึกการใช้จ่ายอยู่เสมอๆ เมื่อสอบเทียบดูก็พบว่ายอดนี้มันตรงกันกับค่าโรงแรมที่มีการรูดใช้งานเมื่อวันที่ 18 มกราคม
ผมได้ติดต่อไปยัง call center ของธนาคาร เพื่อทำการปฏิเสธยอดการใช้งาน
ซึ่ง CC ก็รับปากดำเนินการให้ โดยขอให้ผมส่งเอกสารเช่น slip หรือใบเสร็จ หรืออะไรก็ตาม เผื่อเป็นหลักฐาน
แน่นอนว่าผมไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ผมได้แต่ติดต่อไปที่เพื่อนชาวอินเดีย เพื่อขอใบเสร็จของโรงแรม เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้ชำระเงินไปจริง และส่งมันให้ทาง CC เพื่อยืนยัน
ทาง CC ยังแนะนำว่าผมอาจจะชำระยอดค่าใช้จ่ายเข้ามาก่อน หรือไม่ก็ได้ ซึ่งผมก็ชำระเต็มจำนวนไปก่อน เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยหรืออะไรก็ตามในภายหลัง
จากนั้นก็ได้แต่รอ ระหว่างนั้นเคยโทรไปตามเรื่องกับทาง CC เพราะเห็นว่ารอมาเกือบสองเดือน คำตอบคือ มันยังไม่ครบ 90 วัน ซึ่งผมก็ลองถามว่าต้องใช้เวลา 90 วันเต็มเลยเหรอ คำตอบคือ ใช่
โอเคครับ รอก็รอ
ระหว่างนั้นก็อยู่เมืองไทย มีการใช้บัตรเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
จน statement ตัดยอดวันที่ 8 พฤษภา ปรากฏว่ามียอด -2216.19บาท เข้ามาในบัญชี
สำหรับผมนี่ก็เหมือนว่า process จบแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปรกติหลังจากอดทนรอมา 3 เดือนเต็ม
ซึ่งยอดลบที่เข้ามาก็เอาไปหักกลบลบหนี้กับยอดค่าใช้จ่ายในเดือนถัดไป
ทุกอย่างดูถูกต้อง
จนเดือนกรกฎา ผมพบว่ามียอดจำนวน 2216.19 บาทตัดเข้ามาอีกครั้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยใดๆ
ผมรีบสอบถามกับ CC เพราะครั้งนี้ดูไม่ปรกติ
ซึ่งคำตอบของทาง CC ก็ดูไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ เช่นอาจจะมีข้อผิดพลาดในระบบเลยตัดกลับมาที่บัตรใบเดิม แนะนำให้เปลี่ยนบัตรใหม่ ซึ่งผมก็บอกตกลง
แต่ผมก็ยังแจ้งให้ดำเนินการปฏิเสธยอดนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมไม่สำรองจ่ายเงิน แน่นอนผมได้ยืนยันกับ CC ก่อน ซึ่ง CC ก็บอกว่าไม่มีปัญหา
จากนั้นผมก็รอ เหมือนเดิม

พอได้รับ statement ของเดือนแปดผมพบว่า มียอดตัดเพิ่มเติมมาอีก 40.98 บาท 
จากการสอบถามปรากฏว่าเป็นยอดดอกเบี้ยของยอดค่าโรงแรมที่ผมไม่สำรองจ่ายก่อน
ครั้งนี้ผมพบว่าธนาคารเหมือนจะประสานงานได้แย่มาก ทาง CC รับปากว่าจะทำการพักยอดออกไปก่อนแล้วดำเนินการปฏิเสธยอดอีกครั้ง
ครั้งนี้ผมได้กดดันให้ทาง CC ดำเนินการให้ดีกว่านี้ เพราะมันกินเวลามาร่วม 6 เดือนแล้ว
แต่ผลที่ได้รับ คือ
1.      อ้างว่ายอดค่าใช้จ่ายเป็นของร้านค้า แต่ใบเสร็จเป็นของโรงแรม ถือว่าเป็นคนละรายการใช้จ่ายไม่สามารถอ้างอิงได้
         a.      ร้านค้าเป็นร้านค้าในโรงแรม ผมในฐานะคนจ่ายเงิน คงไม่สามารถบอกได้ว่าโรงแรมจะเอาเครื่องจากไหนมารูด แต่ยอดค่าใช้จ่าย วันที่ใช้จ่ายที่เกิดในใบเสร็จของโรงแรม กับที่มาจากร้านค้า มันคืออันเดียวกัน
2.      อ้างว่าทางร้านค้าปฏิเสธที่จะคืนเงิน
          a.      เป็นข้ออ้างง่ายๆ ที่ฟังแล้วแปลกใจกัยวิธีการประสานงาน เพราะไม่สามารถติดตาม slip มาพิสูจน์ได้เลย
3.      อ้างว่าให้ผมไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางโรงแรมหรือร้านค้า เพราะธนาคารเป็นเพียงตัวกลาง
          a.      ครับ ให้ผมบินไปอินเดียเพื่อแจ้งความ 
          b.      แต่ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ได้เป็นคนถูกร้านค้าโกง เพราะ(เพื่อนชาวอินเดียของ)ผมจ่ายค่าโรงแรม ร้านค้าเรียกเก็บเงินกับธนาคารโดยไม่มี slip แต่ธนาคารเรียกเก็บเงินกับผม แล้วบอกให้ผมไปแจ้งความ
4.      อ้างว่าตอนที่ธนาคารแจ้งว่าใบเสร็จไม่ถูกต้อง ได้ส่ง SMS และจดหมายมาหาผมให้ทำการยืนยันภายใน 7 วัน แต่เนื่องจากผมไม่ได้รับจดหมาย ประกอบกับทางธนาคารชอบฟลัด SMS โฆษณาเข้ามาบ่อยๆ เลยไม่ได้สนใจ (ไม่รู้ว่ามีเข้ามาจริงหรือเปล่าด้วยซ้ำ แน่นอนถ้ามีจริงถือว่าเป็นความผิดพลาดส่วนหนึ่งของผมเองด้วย) แน่นอนว่าผมไม่ได้ตอบกลับไปในเวลา 7 วันที่ธนาคารอ้าง และธนาคารถือว่า ผมได้ยอมรับว่าเป็นการใช้งานจริงโดยปริยาย
          a.      ตอนผมปฏิเสธยอด ผมได้ติดต่อเพื่อคุยกับคนจริง โดยธนาคารขอเวลา 90 วันเต็ม
          b.      ตอนธนาคารแจ้งผม ใช้วิธีส่งจดหมายกับ SMS ให้เวลาผม 7 วัน
5.      อ้างว่าเกินกำหนดเวลา 90 วันแล้วไม่สามารถยื่นเรื่องปฏิเสธได้อีกต่อไป
          a.      ธนาคารใช้เวลาทำทุกอย่างเกิน 90 วันเอง แต่อ้างว่าผมทิ้งเวลาเกิน 90 วันจึงไม่สามารถทำเรื่องใหม่ได้อีก

แน่นอน ผมว่ามันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่ธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งจะให้บริการเช่นนี้ 
ผมได้สอบถามเพื่อยืนยันว่าทางธนาคารได้ตรวจสอบอย่างไรบ้าง
สิ่งที่ผมอยากให้ธนาคารเรียกร้องจากร้านค้า คือ slip ที่ได้มาจากเครื่องรูดบัตร เผื่อเป็นสิ่งยืนยันว่ามีการใช้งานจริง เพราะผมมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มี slip ที่มีลายเซ็นผม หรือต่อให้ slip ที่ไม่มีลายเซ็นผม แต่คำตอบจาก CC นั้นน่าตกใจกว่าเพราะหลังจากคุยไปซักระยะหนึ่ง CC บอกว่าจะประสานงานเรื่อง slip ให้ นั่นคือ 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีการยืนยันกับร้านค้า แค่เพราะร้านค้าปฏิเสธมา จึงกลับมาบอกผมว่านั่นเป็นยอดที่ใช้งานจริง ไม่ต้องมีหลักฐานไม่ต้องมี slip ง่ายๆแค่นั้น

หลังจากหายไปสองสามวัน CC ได้โทรมาเพื่อยืนยันกับผมอีกครั้งว่าทางร้านค้าไม่มี slip นำส่งมาเรียกเก็บเงิน และร้านค้าปฏิเสธการคืนเงิน แล้วระยะเวลาเกิน 90 วัน โดยพยายามผลักภาระมาลงที่ผม อ้างว่าผมไม่ได้ยืนยันเอกสารภายในเวลา 7 วัน
เหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ผมตกใจกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังแปลกใจกับวิธีการทำงานในเรื่องการปฏิเสธยอดอีกด้วย 

ถามว่าท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าผมคงจะต้องจ่ายยอดนี้เพื่อจบเรื่องราววุ่นวาย และการเสียเวลาทำงานถ้ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ทางธนาคารคงจะมีทีมงานกฎหมายที่พร้อมจะดำเนินการอยู่แล้ว ในขณะที่ผมคงไม่คุ้มด้วยค่าใช้จ่ายค่าเสียเวลาที่อาจจะเกิดขึ้นกับยอดเงินจำนวน 2216.19 บาท และดอกเบี้ยอีกนิดหน่อย(หากธนาคารจะกล้าเรียกเก็บ)
แต่ก็อยากให้ทุกท่านได้ระมัดระวังการใช้บัตรเครดิตให้ดี โดยเฉพาะเวลาเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการใช้งานขึ้น เพราะใครจะรู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรแบบนี้กับคุณหรือเปล่า
 
Note:
ณ เวลาเดียวกันที่เครื่องมีปัญหา ผมได้ใช้บัตรกรุงศรีด้วย แต่ไม่พบว่ามียอดที่มีปัญหาใดๆเข้ามา
ผมเคยทำรายการปฏิเสธยอดใช้จ่ายครั้งหนึ่งของบัตร Citibank ก็ใช้เวลารอนานพอสมควร แต่ไม่มีปัญหาใดๆ
จนมาครั้งนี้ที่นอกจากจะมีปัญหา ยังพบว่าการประสานงานนั้นแย่กว่าที่คิด และความปลอดภัยในการใช้งานก็ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น CC ที่มารับเรื่องคนสุดท้ายถือว่าได้มีการตามงานดีหน่อย แต่สุดท้ายด้วยความไม่ได้เรื่องตั้งแต่เริ่ม ทำให้ธนาคารผลักความผิดพลาดทุกอย่างมาให้ผมรับผิดชอบอย่างน่าเกลียดที่สุด
 
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่