เริ่มต้นอ่านงบการเงินง่ายนิดเดียว ตอนงบแสดงฐานะทางการเงิน(3)


ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่ารายละเอียดของหนี้ แบบไหนมีแล้วดี แบบไหนไม่ควรมีเยอะ แสกนให้เห็นถึงสุขภาพของกิจการว่าแข็งแรงจริงหรือไม่ ลูกหนี้การค้าและเจ้าหนี้การค้าแบบไหนดี

ตอน1 https://pantip.com/topic/40092017
ตอน2 https://pantip.com/topic/40101430


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจระหว่างลูกหนี้การค้าและเจ้าหนี้การค้า  ลองเดาดูในใจเล่นๆว่าอย่างไหนดีกว่ากัน

สมมุติว่าเราเป็นร้านขายเสื้อผ้า ควรเก็บเงินลูกค้าก่อนส่งมอบสินค้าหรือเก็บเงินหลังจากส่งมอบสินค้า? แบบไหนดีกว่ากัน?
และหากเราเป็นลูกค้าควรได้สินค้ามาก่อนจ่ายเงินหรือจ่ายเงินก่อนได้สินค้า?แบบไหนดีกว่ากัน?
เดี๋ยวมีเฉลยครับ


ลูกหนี้การค้านั้น แปลว่าเราส่งมอบสินค้าหรือบริการแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินมา (ขายเชื่อหรือcredit sale) จึงจัดเป็นลูกหนี้การค้า ถือเป็นสินทรัพย์ เพราะเราจะได้รับเงินมา 

กลับกัน เจ้าหนี้การค้านั้น ได้รับสินค้าหรือบริการแล้วแต่ชำระเงินทีหลัง (ซื้อเชื่อหรือcredit purchase)
จึงจัดเป็นเจ้าหนี้การค้า ถือเป็นหนี้สิน เพราะเราต้องจ่ายเงินแต่ตอนนี้ยังไม่จ่ายเปรียบเสมือนติดหนี้คู่ค้าอยู่นั่นเอง


มาลองทำแบบฝึกหัดกันดู
บริษัทAและบริษัทBมีความสัมพันธ์กันอย่างไร 
Aเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ของB
Bเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ของA


เฉลย

Aเป็นเจ้าหนี้ของB 
จะบันทึกในงบดุลของบริษัทAว่ามีลูกหนี้การค้า500บาท

Bเป็นลูกหนี้ของA 
จะบันทึกในงบดุลของบริษัทBว่า มีเจ้าหนี้การค้า500บาท

หากเป็นการซื้อขายเชื่อ (ซื้อขายแบบไม่ใช่เงินสด)ในคู่ค้าทั้งสองฝั่งจะมีฝั่งนึงเป็นลูกหนี้และอีกฝั่งเป็นเจ้าหนี้เสมอ
จำง่ายๆว่า เอาของเค้ามาก่อนเค้าก็จะมีเจ้าหนี้ เราให้ของเค้าไปก่อนเราก็จะมีลูกหนี้


มาถึงตรงนี้เราเชื่อว่าอาจมีหลายคนคิดว่าลูกหนี้การค้าเป็นสินทรัพย์นะ ต้องดีกว่าเจ้าหนี้การค้าที่เป็นหนี้สินแน่ๆเลย แต่ว่าเป็นอย่างนั้นจริงมั้ย? ลองมาดูกันครับ
เวลาขายสินค้าถ้าได้เงินสดมาเลยย่อมดีกว่าใช่หรือไม่
และหากลูกหนี้ติดหนี้นานๆก็ย่อมมีความเสี่ยงที่อาจเกิดหนี้สูญด้วยใช่หรือไม่
กลับกันหากเราเป็นลูกค้าได้สินค้ามาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินทีหลังก็ย่อมดีกว่าใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้น เมื่อเราเป็นผู้ขายสินค้าการขายเงินสดมากกว่าขายเชื่อย่อมดีกว่า เนื่องจากลดความเสี่ยงหนี้สูญนั่นเองครับ แต่เมื่อเราเป็นลูกค้าบ้าง สมมุติว่าซื้อวัสดุหรือวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้าเราก็ย่อมอยากซื้อเชื่อโดยเอาสินค้ามาก่อนแล้วค่อยจ่ายทีหลัง เนื่องจากได้เวลาหมุนเงินหรือสามารถรอให้ขายสินค้าก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน และที่สำคัญที่สุดคือเจ้าหนี้การค้านั้นเป็นหนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ยครับ!!
และความสำคัญอีกอย่างของการที่กิจการสามารถรับสินค้ามาก่อนค่อยจ่ายเงินยังหมายถึงการมีอำนาจต่อรองสูงอีกด้วย ลองนึกภาพว่าเราเป็นกิจการที่คู่ค้าอยากขายของให้ แม้จะจ่ายเงินช้าก็ยอมส่งสินค้าให้ก่อนนั่นเองครับ


ทีนี้ลองมาดูงบจริงกันบ้าง หากลองดูแค่ตัวเลขสินทรัพย์หมุนกับหนี้สินหมุนจะเห็นว่าจำนวนหนี้สินหมุนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนอยู่พอประมาณและคำนวณออกมาเป็นสภาพคล่องก็จะแสดงว่าบริษัทนี้มีสภาพคล่องที่ค่อนข้างจะติดขัด0.69เอง (ยิ่งสูงยิ่งดี) 
แต่เราจะสรุปง่ายๆเลยว่าบริษัทนี้สภาพคล่องไม่ดีได้หรือไม่?
คำตอบคือไม่ได้ครับ


เราลองมาดูส่วนประกอบต่างๆของหนี้สินหมุนเวียนว่ามีอะไรบ้าง
หลักๆแล้วหนี้สินหมุนเวียนเกินครึ่งเป็นเจ้าหนี้การค้า (65%กว่า) ซึ่งอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าเจ้าหนี้การค้านั้นเป็นหนี้สินประเภทเดียวที่ไม่มีดอกเบี้ย และยังแสดงถึงอำนาจในการต่อรองอีกด้วย ก็แปลว่าหนี้จากเจ้าหนี้การค้านั้นเป็นหนี้ที่ดี
ส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินนั้นจุดประสงค์คือใช้ในการหมุนเวียนกิจการ ซึ่งคิดเป็นเกือบ2%เท่านั้นจากหนี้สินรวมทั้งหมด จุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกิจการที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อใช้ในการหมุนกิจการ 
จึงสามารถสรุปได้คร่าวๆว่าโครงสร้างหนี้สินหมุนเวียนของบริษัทนี้นั้นจัดว่าดีเลยล่ะครับ
ถึงแม้ว่าการใช้สูตรคำนวณสภาพคล่องอาจบอกได้ไม่เที่ยงตรงนักในกรณีที่บริษัทมีเจ้าหนี้การค้าเยอะ แต่หากเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนของส่วนประกอบในหนี้สินเท่าๆกัน ก็สามารถมองเห็นภาพรวมขั้นแรกได้ครับ


สำหรับตอนหน้าจะเป็นตอนจบของงบแสดงฐานะทางการเงิน เราจะมาดูกันในส่วนสุดท้ายของงบแสดงฐานะทางการเงินนั่นคือส่วนของผู้ถือหุ้นหรือส่วนทุนกัน
ฝากกดไลค์ กดแชร์เพจเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่