กว่าจะมีวันนี้ วันที่มีคนเรียกฉันว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data”

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ในปี 2560 ที่ผ่านมา ปัจจุบันแป้งทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทพัฒนาโครงการ Big Data และเป็นที่ปรึกษาองค์กรภาครัฐหลายแห่ง วันนี้จะนำประสบการณ์ในระหว่างทางของแป้ง กว่าที่จะมีวันนี้ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ 

ก่อนอื่น ต้องบอกว่า เรื่องราวที่จะเล่า อาจจะมีบางส่วนที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคม ซึ่งแป้งไม่อยากให้มีการตามล่า ดราม่า ไม่อยากให้สืบ หรือมี Comment ที่เสียหายต่อใคร เพราะในโลกของการทำงาน การกระทบกระทั่ง หรือมีความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เหตุผลที่แป้งนำมาแชร์ เพราะต้องการให้เด็กรุ่นใหม่เห็นภาพว่า กว่าจะมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปค่ะ 

หมายเหตุ* ด้วยข้อจำกัดเรื่องข้อมูล แป้งจะไม่ลงรายละเอียดถึงบุคคล และรายละเอียดเชิงลึกของข้อมูล แต่จะอธิบายในเชิงกว้างเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ซึ่งในเนื้อหาจะกล่าวถึงว่า Data Scientist ยังเป็นที่ต้องการหรือไม่? แล้วการที่ในตลาดมีแต่คนเรียกตัวเองว่า Data Scientist ทั้งๆ ที่อาจจะไม่ใช่ตัวจริง จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจ และ Ecosystem ของธุรกิจ 

ใน Live สดอาจจะมีเวลาเพียงจำกัด และเป็นการสัมภาษณ์สดที่ไม่มีการเตรียมตัวกันก่อน แป้งจึงอยากถ่ายทอดประสบการณ์ ที่แป้งได้เกริ่นเอาไว้ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานในองค์กรใหญ่ การสะสมประสบการณ์ในการออกแบบ Data Model การเผชิญหน้ากับการเมืองภายในองค์กร รวมไปถึงการเป็น Founder บริษัท Big Data ตั้งแต่อายุยังน้อย 

เริ่มกันเลยนะคะ ยิ้ม อาจจะมีคำศัพท์เทคนิคบ้าง ซึ่งแป้งจะซ้อนคำอธิบายเอาไว้เผื่อใครต้องการอ่านเพิ่มเติมค่ะ

ชีวิตการทำงาน แตกต่างจากที่เรียนโดยสิ้นเชิง เพราะในห้องเรียน เรารู้ว่าวันนี้อาจารย์มาสอนวิชาอะไร เรารู้ว่าโจทย์คืออะไร การแก้ปัญหา ก็แก้ด้วยตัวเราเอง แต่ในขณะที่การทำงานจริง บางครั้งเราต้องคิดโจทย์เอง และต้องประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องที่มีความเชี่ยวชาญคนละด้านกับเรา ซึ่งคนที่มีพื้นฐานต่างกัน มักจะใช้ภาษาที่ไม่เหมือนกัน เช่น คำศัพท์เทคนิค หรือวิธีการอธิบายการทำงาน 

ที่ทำงานในสายธุรกิจแห่งแรกของแป้ง คือ ธนาคารแห่งหนึ่ง ณ วันนั้นยังไม่มีคำว่า Big Data และก็ยังไม่มีตำแหน่ง Data Scientist เกิดขึ้น จำได้ว่าคนที่สัมภาษณ์แป้งเข้าไปทำงานคนแรก คือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (ต่อไปจะเรียกว่า นาย1) และคนที่สัมภาษณ์รอบ 2 คือ รองกรรมการผู้จัดการ (ต่อไปจะเรียกว่า นาย2) เรียกได้ว่า เป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรกในสายธุรกิจ ที่เจองานหินกันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี และทั้ง 2 ท่าน ก็ได้กลายเป็นมาเจ้านายที่แป้งรัก และเคารพมาจนถึงทุกวันนี้ 

พอทำงานช่วงแรก ได้รับโจทย์มาว่า ทางธนาคารต้องการซื้อ Software เพื่อใช้บริหารตู้ ATM แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า จะต้องใส่ตัวแปรต่างๆ ให้ถูกต้อง โดยแป้งจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจตัวแปรต่างๆ และประเมินผลว่า Software ดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ 

โครงการ ATM เป็นส่วนหนึ่งของโครงการบริหารเงินสดของธนาคาร ประกอบไปด้วย การจัดการเงินที่ศูนย์กระจายเงินสด เงินที่ตู้อิเล็กทรอนิกส์ เงินที่สาขา และการบริหารจัดการการขนส่งเงิน 



จากรูปจะเห็น Flow ของการบริหารเงินสดของธนาคาร กล่าวคือ จะต้องมีศูนย์กระจายเงินสด ส่งเงินไปที่รถ และรถก็จะไปส่งที่จุดบริการ เช่น ตู้อิเล็กทรอนิกส์ สาขา จุดแลกเปลี่ยนเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าเอาเงินไปกองที่จุดบริการมากเกินไป ก็จะเสียโอกาสในการนำเงินสดไปหมุนเวียน แต่ถ้าเอาเงินไปส่งน้อยเกินไป ก็จะต้องขนส่งบ่อยครั้ง การบริหารเงินสด จึงเป็นหัวใจของธนาคารโดยตรง

ในระหว่างรอการเจรจาจัดซื้อจัดจ้าง Software แป้งพบว่า ก่อนหน้านี้มีการวาง KPI ของโครงการเอาไว้ ด้วยหลักการที่ไม่น่าจะเหมาะสม เช่น สิ้นวัน เงินที่ศูนย์ฯจะต้อง = 0 ซึ่งในความเป็นจริง จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อสิ้นวันเงินต้องกองอยู่ที่ศูนย์ฯสิ เพราะรถขนเงินมาเก็บที่ศูนย์ฯ ในช่วงสิ้นวัน ทำให้แป้งเริ่มสงสัยในวิธีการออกแบบ Model เพื่อตั้งเป็น KPI 

สิ่งแรกที่พบ คือ ต้นทุนการขนส่งที่แท้จริง ซึ่งตัวตั้งต้นในสมการ จะใช้ค่าเฉลี่ยทั้งปี กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายรวม หารด้วย จำนวนจุดบริการที่ไป กลายเป็นว่า จุดบริการทุกจุด จะมีค่าใช้จ่ายเท่ากัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง มีจุดห่างไกล จุดบริการบนเกาะ และจุดที่อยู่ติดกัน ที่ไม่ควรมีต้นทุนที่แท้จริงเท่ากัน 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นองค์กรใหญ่ ทำให้ข้อมูลต่างๆ รวมไปถึง KPI ของบุคลากรแต่ละคนแยกส่วนกัน การจะวิเคราะห์ว่าต้นทุนที่แท้จริงคืออะไร ไม่ใช่เรื่องง่าย เริ่มจาก แป้งติดต่อไปที่แผนกเดินรถ เพื่อขอประวัติการเดินรถ และพบว่ามีการเก็บประวัติในกระดาษ แต่จดเพียงว่าวันนี้ไปจุดที่ 1 กี่โมง จุดที่ 2 กี่โมง เท่านั้น ทำให้ต้องนำข้อมูลจุดที่ 1 นั้นไปเชื่อมโยงกับข้อมูลชุดอื่นเพื่อให้ทราบว่า จุดที่ 1 คืออะไร 

เมื่อข้อมูลเป็นกระดาษ แน่นอนว่ามันใช้วิเคราะห์อะไรไม่ได้ แป้งจึงออกแบบตารางใน Excel ขึ้นมา เพื่อให้พนักงานคีย์ข้อมูล กรอกรายละเอียดให้ โดยใช้ข้อมูลการเดินรถ 15 สายรถ ทั้งหมด 3 เดือนย้อนหลัง เพื่อวิเคราะห์เส้นทาง 

มีหัวหน้าแผนกเดินรถท่านหนึ่ง กล่าวกับแป้งในวันที่พาแป้งไปเปิดโกดังเก็บกระดาษเดินรถใต้บันได พี่เขาบอกว่า “ไม่เคยมีใครมาสนใจกระดาษพวกนี้เลย จนกระทั่งหนูเนี้ยแหละมาถามว่าพี่การจดบันทึกมั้ย” 

ในระหว่างที่รอข้อมูลการเดินรถ พบว่ายังขาดข้อมูล Master Data ของข้อมูลจุดบริการ ที่แสดงรายละเอียดของจุดบริการนั่นๆ เช่น ตู้ ATM 010203 ชื่อตู้ ที่อยู่ วันที่ติดตั้ง Latitude และ Longitude เป็นต้น ซึ่งทางฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการเก็บ Master Data เอาไว้ แต่จะ Updte ทุก 6 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อมูลกระจัดกระจาย การเรียกชื่อตู้ หรือความ Update ของข้อมูล ทำให้แป้งขาดข้อมูล Latitude และ Longitude ของตู้ ATM จำนวนมาก 

ในช่วง 2 เดือนแรกของการทำงาน หน้าที่หลักของแป้ง คือ การหา Latitude และ Longitude ของตู้ ATM กว่า 3,000 ตู้  เพื่อใช้ประกอบการสร้าง Cost Structure Model วิธีการมีหลายวิธีมาก ตั้งแต่การเอาชื่อสถานที่ตั้งตู้ไปกดดูใน Google เช่น Big C ราชบุรี เป็นต้น หรือแม้แต่ติดต่อไปที่แผนกเดินรถ เพื่อขอแอด Line พี่คนขับที่ทำหน้าที่เปลี่ยนกล่องเติมเงิน ให้เขาช่วย Share Location ของตู้มาให้หน่อย 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่แป้งไปนั่งห้อง GPS ของแผนกตรวจสอบการเดินรถ มีพี่ท่านหนึ่งเดินมาหา แล้วพูดว่า  “ทำไมไม่บอกพวกพี่ละ ว่าน้องเป็นด๊อกเตอร์ พี่ไม่เข้าใจว่า ธนาคารเอาด๊อกเตอร์มานั่งหา Latitude และ Longitude เองทำไม มาเถอะ พวกพี่ช่วยหา” 

เรื่องขำๆ ฮาๆ ก็มีนะคะ ชื่อตู้ ATM บางตู้ น่ารักมากเลย เช่น ตู้หน้าโรงเรียน (เอิ่ม โรงเรียนอะไรละคะ) ตู้ร้านแตงโม ตู้ผู้ใหญ่ไก่ ตู้หน้า 7-11 ซอย 2 และนี้แหละ คือ เหตุผลที่ว่า ทำไมจึงต้องมี ID และต้องมี Update Master Data อยู่เสมอ เพราะตู้เกิดขึ้นทุกวัน ถอดถอนทุกวัน ข้อมูลที่สะอาด เกิดขึ้นจากการให้ความใส่ใจ แต่ถ้าข้อมูลนั้นเกิดความสกปรกไปแล้ว ก็ยากที่จะทำให้มันสะอาดได้อย่างสมบูรณ์

2 เดือนแรกของการทำงาน แป้งนั่งหา Latitude และ Longitude จนครบ พร้อมกับสร้าง Data Set ของการเดินรถ จนกระทั่งสามารถสร้าง Cost Structure Model ได้ แสดงให้เห็นว่า ระยะห่างจากศูนย์ฯ ประเภทของตู้ ประเภทของสถานที่ และจำนวนตู้ใกล้เคียง มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการจัดการตู้โดยทั้งสิ้น ดังนั้น จุดบริการแต่ละจุด ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายเท่ากัน 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ผลจากการไปนั่งหา Latitude และ Longitude ด้วยตัวเอง ทำให้แป้งเข้าใจการทำงานที่หน้างาน เข้าใจหัวอกคนที่ต้องกรอกข้อมูล และพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็นได้ว่า “ข้อมูล” เป็นสิ่งที่สำคัญ จนกระทั่งในเวลาต่อมา ทางธนาคารจึงมีโครงการจัดซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจดบันทึกการเดินรถ 

Cost Structure Model ของแป้ง มีแป้งนั่งทำอยู่คนเดียว เพราะมีพี่ในแผนก (เป็น ดร.) เตือนแป้งว่า  “พี่รู้นะ ว่าเธอไฟแรง แต่อย่าทำอะไรให้เหนื่อยเลย การทำงานจริง ไม่เหมือนงานวิจัยนะ เขาอยากได้อะไรเร็วๆ ง่ายๆ ไม่ได้อยากได้อะไรลึกๆ หรอก” ถามว่าจริงมั้ย ก็ต้องยอมรับว่าจริง แต่สิ่งที่แป้งทำ มันก็ไม่ได้เสียเวลาชีวิตเท่าไหร่นะ ก็แค่ 2 เดือนเอง มันอยู่ที่ว่า สิ่งที่เราทำให้มันลึก มันได้ประโยชน์หรือเปล่าต่างหาก 

((ยังมีต่อที่ Comment นะคะ))
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่