เมื่อคืนตอนดึกๆ ฝนตกมาอย่างหนัก ได้ยินเสียงเรียกของพี่บุญมี “ไอ้เอๆ ฝนตก ๆ “ ผมไม่สนใจ ยังคงนอนหลับต่ออย่างสบาย อันเนื่องมาจากตั้งแต่เย็น ก็นั่งซัดเครื่องดื่มบำรุงกำลังข้าไปเยอะหน่อย เลยหลับเพลิน ไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่ตากไว้เลย กระเป๋าที่ลืมปิดให้สนิทที่วางอยู่นอกเต็นท์โดนน้ำเข้าไปขัง
เช้ามาเลยเกิดอาการเซ็งๆ เต็นท์และข้าวของบางส่วน ยังคงเปียกอยู่ ต้องหาถุงพลาสติกใส่แล้วยัดเข้ากระเป๋า เพื่อเตรียมเดินทางต่อไป
พวกเราหุงหาอาหารเช้ากินรองท้องกันง่ายๆ ประมาณ 08.00 น.ก็เตรียมเดินทางกันต่อ
วันที่ 3 ของการเดินทาง ( บ้านสะปัน – โรงเรียนบ้านขุนน้ำน่าน )
ออกจากที่พักพวกเราปั่นเข้าไปถ่ายรูปกันที่หมู่บ้านสะปันกันก่อน ฝนที่ตกหนักมาเมื่อคืน ทำให้เกิดสายหมอกไหลล่องลอยตามภูเขา พวกเราพบเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านตอนเช้า ที่ต่างคนก็มุ่งหน้าไปทำไร่ทำนากัน นาข้าวยามหน้าฝนที่บ้านสะปันเขียวขจี ฉากหลังเป็นภูเขาทอดยาวล้อมรอบ วันนี้ลำน้ำว้าที่ไหลลอดสะพานปูนเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะฝนตกหนักเมื่อคืนนี้ ถ้าน้ำว้าเป็นอย่างวันนี้ พวกเราคงไม่ได้เล่นน้ำว้ากันแน่ ถือเป็นโชคดีของพวกเรา ที่พวกเรามาถึงเมื่อวาน
ออกจากบ้านสะปันเข้าสู่ถนนที่จะไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ (1081) พวกเราแวะซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างไว้กินกลางทาง จากชาวบ้านที่ตั้งร้านอยู่ริมทาง เสร็จแล้วจึงเดินทางกันต่อ
ถนนลาดยางขึ้นลงเนินสลับกันไป ฝั่งขวามองเห็นนาข้าวของชาวบ้าน โดยเห็นลำน้ำว้าไหลอยู่ไม่ไกล ผ่านบ้านสะว้ากันมาได้ซักพัก ทางก็เริ่มขึ้นเขาทันที
เขาลูกนี้ดูจะไม่ธรรมดา เพราะมันเริ่มชันขึ้นๆเรื่อย ถึงจะไม่ชันมาก แต่ชันยาวครับ พวกเรามาแวะพักเหนื่อยตรงเพิงพักร้านกาแฟของชาวบ้านริมทาง ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเห็นวิวทิวทัศน์ที่พวกเราปั่นขึ้นเขามาได้อย่างสวยงาม ชาวบ้านเจ้าของร้านกาแฟเชิญชวนพวกเราเข้ามานั่งพักในร้าน พร้อมบอกว่า อีกไม่ไกลก็จะถึงยอดแล้ว
เสื้อต้อมนั่งพัก กินขนม ชมวิว
หายเหนื่อยพวกเราก็ออกปั่นกันต่อ ทางเริ่มชันขึ้นกว่าเดิม ผมก้มหน้าก้มตางัดเนินไปเรื่อยๆ ถนนหนทางถือว่าดีครับ เหมือนเพิ่งทำมาใหม่ นานๆจะมีรถสวนมาซักคัน อากาศวันนี้ สบายๆครับ ไม่ร้อนเหมือนเมื่อวาน แต่การปั่นจักรยานคือการออกกำลังกายครับ อากาศจะดีแค่ไหน ตัวคุณก็จะมีเหงื่ออยู่ตลอดเวลา
พักใหญ่ๆ พวกเราก็มาถึงยอดจนได้ ก่อนที่จะไหลลงเขายาว ก่อนที่จะสลับกันขึ้นๆ ลงๆ ไปเรื่อยๆ สองข้างทาง โดยเฉพาะฝั่งซ้ายจะมองเห็นนาข้าวของชาวบ้านที่ปลูกลาดหลั่นลงไปกันตามริมเขา มองดูเพลินๆครับ หากทอดสายตาให้ยาวออกไป ก็จะเห็นเหล่าทะเลภูเขากระจัดกระจายออกไปไกลตา ผมต้องยอมหลับเลยว่าถนนเส้นนี้สวยงามกว่าเส้นที่ปั่นขึ้นมาทางดอยภูคามากครับ
ไม่นานพวกเราก็ถึงบ้านบ่อหยวก ที่บ้านบ่อหยวกเป็นชุมชนใหญ่พอสมควร แต่ว่าเงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย
ผมปั่นมาถึงบ้านบ่อหยวกใต้ เห็นต้นลำไยที่อยู่ริมทาง ออกลูกดกเต็มต้น เลยถามชาวบ้านแถวนั้นว่าขอเด็ดไปกินได้ไหมครับ ขาวบ้านบอกได้เลย แต่มันไม่ค่อยหวานนะ ผมไม่รอช้าผมกระโจนลงจากจักรยานเข้าจู่โจมทันที ได้มาหลายกิ่ง ก่อนนำไปฝากใส่กระเป๋าของเสือต้อมที่จอดจักรยานคุมเชิงอยู่ แล้วรีบจะสลายตัวในเวลาอันรวดเร็ว
ปั่นมาได้ซักพัก ใกล้เวลาเที่ยง พวกเราแวะศาลาริมทาง หน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ่อเกลือเหนือ
โดยก่อนหน้านั้นเสือเบิร์ดมาถึงก่อนใครแล้ว (ตากผ้าตากเต็นท์รอเลย 555++)
ไก่ย่างข้าวเหนียว ขนมปัง ผลไม้ต่างๆ ถูกเอามาสังหารกันในศาลา เสือเบิร์ดที่ปั่นมาถึงก่อน เอาพวกผ้าเต็นท์ ผ้าใบที่เปียกแต่เมื่อคืนออกมาตาก แดดกำลังดี
หลังจากอิ่มท้องและหายเหนื่อยกันแล้ว พวกเราออกปั่นกันต่อ เส้นทางเริ่มขึ้นเขาชันกันอีกครั้ง สองข้างทางหลังจากพ้นบ้านบ่อหยวก จะเป็นทุ่งนาลาดหลั่นไปตามเชิงเขา สลับกับไร่ข้าวโพดที่ปลูกกันมากมาย อากาศเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ
พวกเราปั่นตามกันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นจุดให้แวะพักโดยมีป้ายบอกสถานที่ให้ได้ถ่ายรูปว่าได้มาถึงแล้ว เพื่อเป็นที่ระลึกอีกด้วย
แต่จุดที่จะดูต้นกำเนิดแม่น้ำน่านจริงๆ ต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าราว 200 เมตร เสือเบิร์ดกับเสือต้อมแรงคงเหลือ แกเลยเดินเข้าไปสำรวจ ผมกับพี่บุญมี ขอนั่งรอนอนรอกันตรงนี้ล่ะกัน พักใหญ่ ทั้งสองเสือที่อยากรู้ก็กลับมา บอกว่า มันก็จะเหมือนตาน้ำที่ผุดออกมานั่นแหละ
พวกเราออกปั่นกันต่อ เส้นทางลงเขายาว ดูร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่สองข้างทาง จนทะลุมาถึงบ้านนาปง มองเห็นหมู่บ้านและแปลงนาสลับกับแปลงข้าวโพดสวยงามยิ่งนัก จากตรงนี้ไป เริ่มมองเห็นลำห้วยน้ำสีแดงๆ ขนานกับถนนไปตลอด โดยลำห้วยนี้ก็คือแม่น้ำน่านนั่นเอง มันจะไหลควบคู่กับถนนที่เราปั่นไปอีกหลายกิโลเลยล่ะ แม่น้ำน่านช่วงนี้ก็แปลกดีนะ ไหลขึ้นทางเหนือเหมือนแม่น้ำเมยที่ จ.ตาก เลย
จากบ้านนาปง ทางเริ่มขึ้นเขาอีกครั้ง สายน้ำน่านยังไหลเคียงคู่เรามาอย่างเรื่อยๆ บางช่วงก็อ้อมห่างหายออกไป แต่บางช่วงก็ไหลกับมาอยู่เคียงข้าง นาข้าวที่อยู่ในท้องทุ่งก็คงได้อาศัยลำน้ำแห่งนี้หล่อเลี้ยง
พวกเราปั่นจนถึงที่ชันที่สุด เข้าเขตบ้านเวร ซึ่งมีป้ายบอกอยู่ ตรงนี้เหมาะที่จะพักรถพักคนเพราะงัดเนินกันจนมาได้ที่พอดี ทิวทัศน์ตรงนี้ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ลมเย็นพัดสบายๆ แม้จะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ลำน้ำน่านสีแดงไหลพาดผ่านทุ่งนาข้าวของชาวบ้านที่เขียวขจี โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่สวยงาม
ถึงเวลานี้แล้ว พวกเราปรึกษากันแล้วว่าจะต้องหาที่พักให้ได้โดยเร็ว เสื้อผ้า ข้าวของที่หมักกันมาทั้งวันในกระเป๋า ควรที่จะได้รับการตากแดด
พวกเราไหลจักรยานลงมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเสือเบิร์ดออกนำไปแล้ว ผมกับพี่บุญมีตามมา เสียงพี่บุญมีตะโกน เฮ้ยตรงนี้มีลำธารด้วย น้ำใสเลย กางเต็นท์พักแรมตรงนี้ดีกว่า มีลานกว้างหน้าหมู่บ้าน สบายเลย
เสียตะโกนเรียกเสือเบิร์ดให้กลับมา ๆ “จะรีบไปไหนนี่ ไอ้รถพับนี่มันจะแรงไปถึงไหน”
พวกเราปั่นเข้าไปสำรวจบริเวณสถานที่ เห็นโรงเรียนอยู่ใกล้ ๆ เลยตกลงว่าจะเข้าไปขอคุณครูเพื่อใช้ห้องน้ำ เพื่อไว้บ้างเวลาปวดหนัก
ที่นี่โรงเรียนบ้านขุนน้ำน่าน
เสือเบิร์ด กับพี่บุญมี เป็นทัพหน้าเข้าไปในโรงเรียนเพื่อติดต่อขอใช้สถานที่ก่อน เสือต้อมยืนคุมเชิงอยู่หน้าโรงเรียน ส่วนผมเข้าไปทักทายเด็กนักเรียนที่เกาะรั้วประตูโรงเรียนดูพวกเราอย่างให้ความสนใจ
พี่บุญมีกลับเสือเบิร์ดเดินมาพร้อม ผอ.โรงเรียน ที่เป็นผู้หญิง ทุกอย่างไม่มีปัญหา ได้รับความอนุเคราะห์ตามที่ร้องขอ โดยต้องรอให้เด็กนักเรียนเลิกเรียนกันก่อน นอกจากนี้ท่าน ผอ.ผู้มีน้ำใจยังเชิญชวนให้พวกเราอุดหนุนร้านกาแฟ Earn Pong'De Cafe ของทางโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งเป็นกาแฟของโรงเรียนเป็นโครงการส่งเสริมทักษะอาชีพนักเรียน โดยทางร้านใช้เมล็ดกาแฟในท้องถิ่นจากหมู่บ้านในเขตบริการของโรงเรียนครับ
ตอนนี้เวลาประมาณบ่ายสามโมง ช่วงรอเด็กนักเรียนเลิก พวกเราเอาเต็นท์ ผ้าใบ และเสื้อผ้าที่เปียกออกมาตากที่ลานกว้างหน้าโรงเรียน จากนั้นก็เดินสำรวจ สถานที่โดยรอบ ผมกับเสือเบิร์ดเดินไปเที่ยวชมแปลงนาของชาวบ้านที่อยู่หน้าโรงเรียนไม่ไกลนัก
น่านเหนือในหน้าฝน กับคนเดินทาง ด้วยจักรยานทัวร์ริ่ง ตอนที่ 3
เช้ามาเลยเกิดอาการเซ็งๆ เต็นท์และข้าวของบางส่วน ยังคงเปียกอยู่ ต้องหาถุงพลาสติกใส่แล้วยัดเข้ากระเป๋า เพื่อเตรียมเดินทางต่อไป
พวกเราออกปั่นกันต่อ เส้นทางลงเขายาว ดูร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่สองข้างทาง จนทะลุมาถึงบ้านนาปง มองเห็นหมู่บ้านและแปลงนาสลับกับแปลงข้าวโพดสวยงามยิ่งนัก จากตรงนี้ไป เริ่มมองเห็นลำห้วยน้ำสีแดงๆ ขนานกับถนนไปตลอด โดยลำห้วยนี้ก็คือแม่น้ำน่านนั่นเอง มันจะไหลควบคู่กับถนนที่เราปั่นไปอีกหลายกิโลเลยล่ะ แม่น้ำน่านช่วงนี้ก็แปลกดีนะ ไหลขึ้นทางเหนือเหมือนแม่น้ำเมยที่ จ.ตาก เลย
จากบ้านนาปง ทางเริ่มขึ้นเขาอีกครั้ง สายน้ำน่านยังไหลเคียงคู่เรามาอย่างเรื่อยๆ บางช่วงก็อ้อมห่างหายออกไป แต่บางช่วงก็ไหลกับมาอยู่เคียงข้าง นาข้าวที่อยู่ในท้องทุ่งก็คงได้อาศัยลำน้ำแห่งนี้หล่อเลี้ยง