หนังเก่าเล่าใหม่ 159: Back to the Future (Robert Zemeckis, 1985)
Back to the Future คือภาพยนตร์ย้อนอดีตที่หยิบมาดูซ้ำก็ยังคงความสนุกและคลาสสิคอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่ม มาร์ตี้ แม็กฟลาย (ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์) และ ดร. เอ็มเม็ตต์ (ด็อก) บราวน์ (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) นักวิทยาศาสตร์บ้า ๆ บอ ๆ ถือเป็นจุดขายของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ความลงตัวเคมีเข้ากันของตัวละครทั้งสองตัวนี้ ทำให้หนังเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเหตุการณ์ลุ้นเอาใจช่วยผ่านเรื่องราวการย้อยอดีต ผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส และ สตีเฟน สปีลเบิร์ก ผู้อำนวยการสร้าง จัดท่าทีตัวละครพล็อตเรื่องได้อย่างลงตัว ความดีงามของบทภาพยนตร์และวิธีเล่าเรื่องของหนังถูกที่ถูกเวลา ทำให้เมื่อเราหยิบภาพยนตร์เรื่องนี้มาดูอีกครั้งในยุคสมัยที่ภาพยนตร์ย้อนเวลาและงานโปรดักชั่นด้านภาพก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว แต่ตัวหนังยังคงมีเสน่ห์และทำให้เรายังคงสนุกสนานกับการผจญภัยของตัวละคร
Back to the Future เล่าเรื่องราวจับพลักจับผลูของ มาร์ตี้ แม็กฟลาย ที่ช่วยเหลือด็อกในการอัดวิดิโอสาธิตการทดลองไทม์แมชชีน ด็อกอธิบายถึงหลักการทำงานของรถยนต์ที่ถูกดัดแปลงเป็นไทม์แมชชีนว่า ต้องให้รถวิ่งด้วยความเร็ว 88 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยใช้พลังงานพลูโตเนียมจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ให้เกิดพลังงาน 1.21 จิ๊กกะวัตต์ โดยกำหนดเป้าหมายวันเดินทางที่จะไปคือวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1955 ซึ่งเป็นวันแรกที่ด็อกเริ่มคิดการสร้างสร้างเครื่องแปรพลังงาน อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดไทม์แมชชีน แต่แล้วก็มีผู้ก่อการร้ายลิเบียมาตามเอาพลูโตเนียมที่ด็อกขโมยมา ซึ่งผู้ก่อการร้ายได้ยิงด็อกจนตาย ส่วนมาร์ตี้ ก็หนีเข้าไปในรถต์ไทม์แมชชีน และย้อนเวลากลับไปอดีต โชคร้ายคือ ด็อกลืมใส่พลูโตเนียมขากลับมาด้วย ทำให้ มาร์ตี้ ต้องตามหาด็อกในวัยหนุ่มและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเพื่อทำให้เขากลับไปอยู่ในปัจจุบันเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของมาร์ตี้ในวัยสาวดันมาชอบมาร์ตี้ แทนที่จะชอบพ่อของเขาในวัยหนุ่ม ทำให้เรื่องราวในอนาคตที่มาร์ตี้อยู่ ผิดเพี้ยงไปหมด มาร์ตี้ จึงต้องทำให้พ่อกับแม่ของเขากลับมารักกันให้ได้
ท้ายสุด Back to the Future คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความกลมกล่อมทั้งพล็อตเรื่องและวิธีการนำเสนอ เส้นเรื่องต่าง ๆ ถูกร้อยเรียงไว้ได้อย่างลงตัว รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ของหนังถูกจัดวางไว้อย่างจงใจและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทำให้แง่งามของภาพยนต์เรื่องนี้เมื่อหยิบกลับมาดูซ้ำก็ยังคงความสนุกสนานเพลิดเพลินและตอบโจทย์สำหรับการนั่งดูหนังคลาสสิค สบาย ๆ แน่นอนว่า ความสำเร็จของ Back to the Future คือสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังแนวย้อนเวลาและผสมผสานเส้นเรื่องซ้อนทับกันเป็นที่นิยมและมักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะหนังที่เข้าถึงคนดูทุกเพศทุกวัย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 159: Back to the Future (Robert Zemeckis, 1985) รีวิวโดย MDC
Back to the Future คือภาพยนตร์ย้อนอดีตที่หยิบมาดูซ้ำก็ยังคงความสนุกและคลาสสิคอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่ม มาร์ตี้ แม็กฟลาย (ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์) และ ดร. เอ็มเม็ตต์ (ด็อก) บราวน์ (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) นักวิทยาศาสตร์บ้า ๆ บอ ๆ ถือเป็นจุดขายของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ความลงตัวเคมีเข้ากันของตัวละครทั้งสองตัวนี้ ทำให้หนังเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเหตุการณ์ลุ้นเอาใจช่วยผ่านเรื่องราวการย้อยอดีต ผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส และ สตีเฟน สปีลเบิร์ก ผู้อำนวยการสร้าง จัดท่าทีตัวละครพล็อตเรื่องได้อย่างลงตัว ความดีงามของบทภาพยนตร์และวิธีเล่าเรื่องของหนังถูกที่ถูกเวลา ทำให้เมื่อเราหยิบภาพยนตร์เรื่องนี้มาดูอีกครั้งในยุคสมัยที่ภาพยนตร์ย้อนเวลาและงานโปรดักชั่นด้านภาพก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว แต่ตัวหนังยังคงมีเสน่ห์และทำให้เรายังคงสนุกสนานกับการผจญภัยของตัวละคร
Back to the Future เล่าเรื่องราวจับพลักจับผลูของ มาร์ตี้ แม็กฟลาย ที่ช่วยเหลือด็อกในการอัดวิดิโอสาธิตการทดลองไทม์แมชชีน ด็อกอธิบายถึงหลักการทำงานของรถยนต์ที่ถูกดัดแปลงเป็นไทม์แมชชีนว่า ต้องให้รถวิ่งด้วยความเร็ว 88 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยใช้พลังงานพลูโตเนียมจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ให้เกิดพลังงาน 1.21 จิ๊กกะวัตต์ โดยกำหนดเป้าหมายวันเดินทางที่จะไปคือวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1955 ซึ่งเป็นวันแรกที่ด็อกเริ่มคิดการสร้างสร้างเครื่องแปรพลังงาน อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดไทม์แมชชีน แต่แล้วก็มีผู้ก่อการร้ายลิเบียมาตามเอาพลูโตเนียมที่ด็อกขโมยมา ซึ่งผู้ก่อการร้ายได้ยิงด็อกจนตาย ส่วนมาร์ตี้ ก็หนีเข้าไปในรถต์ไทม์แมชชีน และย้อนเวลากลับไปอดีต โชคร้ายคือ ด็อกลืมใส่พลูโตเนียมขากลับมาด้วย ทำให้ มาร์ตี้ ต้องตามหาด็อกในวัยหนุ่มและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเพื่อทำให้เขากลับไปอยู่ในปัจจุบันเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของมาร์ตี้ในวัยสาวดันมาชอบมาร์ตี้ แทนที่จะชอบพ่อของเขาในวัยหนุ่ม ทำให้เรื่องราวในอนาคตที่มาร์ตี้อยู่ ผิดเพี้ยงไปหมด มาร์ตี้ จึงต้องทำให้พ่อกับแม่ของเขากลับมารักกันให้ได้
ท้ายสุด Back to the Future คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความกลมกล่อมทั้งพล็อตเรื่องและวิธีการนำเสนอ เส้นเรื่องต่าง ๆ ถูกร้อยเรียงไว้ได้อย่างลงตัว รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ของหนังถูกจัดวางไว้อย่างจงใจและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทำให้แง่งามของภาพยนต์เรื่องนี้เมื่อหยิบกลับมาดูซ้ำก็ยังคงความสนุกสนานเพลิดเพลินและตอบโจทย์สำหรับการนั่งดูหนังคลาสสิค สบาย ๆ แน่นอนว่า ความสำเร็จของ Back to the Future คือสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังแนวย้อนเวลาและผสมผสานเส้นเรื่องซ้อนทับกันเป็นที่นิยมและมักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะหนังที่เข้าถึงคนดูทุกเพศทุกวัย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/