นักศึกษาทันตแพทย์น่าจะเคยผ่านตาภาพป้ายโฆษณาลูกอมโคเคนแก้ปวดฟัน ราคา 15 เซนต์ ผลิตโดยบริษัท Lloye Manufacturing Co. ใน ค.ศ. 1885 กันมาบ้าง ภาพนี้สะท้อนให้เห็นว่าในอดีตก่อนที่สังคมจะตระหนักถึงโทษของโคเคนในฐานะสารเสพติด มีความเชื่อว่าโคเคนสามารถใช้รักษาโรคทางทันตกรรมได้ และมีการใช้งานทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
นอกจากนี้ยังพบว่าในอดีต โคเคนยาชาเฉพาะที่ (local anesthetic) ชนิดแรกที่ใช้ในทางทันตกรรมด้วย ก่อนจะถูกยกเลิกไปในเวลาต่อมา
การที่เราจะทำความเข้าใจถึงการใช้โคเคนรักษาทางการแพทย์ในอดีต รวมถึง "โคคา" ที่เป็นต้นกำเนิดของมันกันก่อนครับ
โคเคน (Cocaine) เป็นสารประกอบที่สกัดมาจากใบโคคา (Coca) หรือ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Erythroxylum coca เป็นพืชในอเมริกาใต้ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีการเพาะปลูกและการใช้งานใบโคคาในแถบโบลิเวียและเทือกเขาแอนดีสมาตั้งแต่ประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล แต่ก็มีงานศึกษาที่พบว่าในมนุษนย์ในเปรูตอนเหนือมีการเคี้ยวใบโคคามาตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนแล้ว
ใบโคคา
วัฒนธรรมการเคี้ยวใบโคคาสืบต่อมาจนถึงสมัยโมเช (Moche) และสมัยอินคา (Inca) ชาวอินคาถือว่าใบโคคาเป็นพืชที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้เป็นเครื่องบวงสรวงในพิธีกรรม จากการศึกษาทางโบราณคดีมีการพบถุงใส่ใบโคคา และพบใบโคคาไว้ในปากของมัมมี่หรือศพที่เชื่อว่าถูกบูชายัญด้วย
ชาวอินคากับใบโคคา
ภาพถ่ายรังสีและภาพสแกนสามมิติของหัวกะโหลกมัมมี่อินคาเพศหญิงที่ถูกบูชายัญ พบว่าในปากมีก้อนโคคา (สีเขียว) สันนิษฐานว่าเป็นเหยื่อบูชายัญ โดยถูกบังคับให้กินเหล้าและโคคาปริมาณมากก่อนจะเสียชีวิต
https://phys.org/news/2013-07-frozen-mummy-inca-children-coca.html
ในยุคแห่งการสำรวจ (Age of Discovery) คริสต์ศควรรษที่ 16 กองกิสตาดอร์ (conquistador) หรือกลุ่มทหารและนักสำรวจจากสเปนได้เดินทางมาถึงทวีปอเมริกา ใบโคคาถูกกล่าวถึงในจดหมายเหตุของนักสำรวจชาวสเปนหลายชิ้น เช่น จดหมายเหตุที่เขียนใน ค.ศ. 1571 โดย เปโดร ปิซาร์โร (Pedro Pizarro) ลูกพี่ลูกน้องของ ฟรันซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro) กองกิสตาดอร์ผู้พิชิตจักรวรรดิอินคา ได้บันทึกว่า ชนชั้นสูงและขุนนางผู้ใหญ่ในจักรวรรดิของจักรวรรดิอินคาล้วนบริโภคใบโคคา
ฟรันซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro) กองกิสตาดอร์ผู้พิชิตจักรวรรดิอินคา
ดิเอโก ตรูฆีโย (Diego Trujillo) นายทหารของปิซาร์โรบันทึกว่ามีการกักตุนใบโคคาไว้ในนครหลวงนครหลวงกุสโก (Cuzco) จึงสันนิษฐานใบโคคาถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นปกครองของอินคา จนกระทั่งจักรวรรดิอินคาถูกสเปนรุกรานจนล่มสลายใน ค.ศ. 1532 ใบโคคาจึงแพร่หลายไปในประชากรทั่วไป
งานพระศพอะตาฮวลปา (Atahualpa) ผู้เป็นซาปาอิคา (Sapa Inca) หรือประมุขอินคาองค์สุดท้ายซึ่งถูกสเปนจับสำเร็จโทษ ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1533 ผลงานของ ลูอิส มอนเตโร (Luis Montero)
หลักฐานร่วมสมัยชิ้นแรกที่บันทึกเรื่องการบริโภคใบโคคาคือ จดหมายของ บิเซนเต เดอ บัลเบร์เด (Vicente de Valverde) บิชอปแห่งกุสโกส่งไปถวายจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 (Charles V) แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1539 ได้รายงานว่า
“…โคคา, เป็นใบไม้ของต้นไม้ขนาดเล็กคล้ายกับซูแมค (sumac) ที่พบในดินแดนกัสตียาของเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่ชาวอินเดียนรับประทานไม่เคยขาดปากเลย พวกเขากล่าวว่ามันช่วยบำรุงกำลังและทำให้กระปรี้กระเปร่า ถึงขนาดที่แม้ว่าจะอยู่ภายใต้แสงแดด พวกเขาก็ไม่รู้สึกถึงความร้อน และพวกมันมีค่าดุจทองคำ และส่วนใหญ่ถูกขึ้นบัญชีเป็นภาษีร้อยชักสิบด้วย”
บิเซนเต เดอ บัลเบร์เด (Vicente de Valverde
เปโดร เซียซา เดอ เลอ้อน (Pedro Cieza de León) กองกิสตาดอร์และนักจดหมายเหตุแห่งเปรู บันทึกไว้ใกล้เคียงกันว่า
“ทั่วทั้งเปรู ชาวอินเดียนอมใบโคคาไว้ในปากตั้งแต่รุ่งเช้าจนเอนกายลงนอนหลับ พวกเขาไม่เคยนำมันออกมาเลย เมื่อข้าพเจ้าถามชาวอินเดียนบางคนว่าเหตุใดพวกเขาจึงอมใบไม้ไว้ในปาก ซึ่งพวกเขาไม่ได้กินแต่ยึดไว้ที่ระหว่างซอกฟัน พวกเขาตอบว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรู้สึกหิว และทำให้พวกเขามีพละกำลัง”
ชาแมนในประเทศเปรูถือใบโคคาสำหรับประกอบพิธีกรรม ชาวเปรูในปัจจุบันยังนิยมนำใบโคคามาทำเป็นชาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย
การล่าอาณานิคมของสเปนทำให้ใบโคคาแพร่หลายไปยังทวีปยุโรป ชาวยุโรปเริ่มศึกษาสรรพคุณของใบโคคาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ สำหรับหลักฐานลายลักษณ์อักษรชิ้นแรกที่บันทึกการใช้ใบโคคาทางทันตกรรมคือ บันทึกของ บาร์นาเบ้ โกโบ (Bernabé Cobo) บาทหลวงเยซูอิตชาวสเปนใน ค.ศ. 1653 ระบุว่าการเคี้ยวใบโคคาสามารถระงับอาการปวดฟันได้
“...และเรื่องนี้เคยเกิดกับข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าไปหาช่างตัดผม* เพื่อขอให้ถอนฟันที่โยกและปวดออก แต่ช่างตัดผมกล่าวว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่ต้องถอนเพราะฟันยังมีสุขภาพดีอยู่ และพระรูปหนึ่งที่เป็นสหายของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยและได้ยินจึงแนะนำให้ข้าพเจ้าเคี้ยวใบโคคาสักสองสามวัน เมื่อข้าพเจ้าทำตาม อาการปวดฟันก็หายไปอย่างรวดเร็ว”
* ช่างตัดผมในยุโรปยุคกลางเป็นผู้ให้การรักษาทางศัลยกรรมรวมถึงถอนฟันด้วย จึงถูกเรียกว่า Barber-Surgeon
Barber-Surgeon ถอนฟันให้คนไข้
ประวัติศาสตร์ของ โคคา-โคเคน ในทางทันตกรรม
นอกจากนี้ยังพบว่าในอดีต โคเคนยาชาเฉพาะที่ (local anesthetic) ชนิดแรกที่ใช้ในทางทันตกรรมด้วย ก่อนจะถูกยกเลิกไปในเวลาต่อมา
การที่เราจะทำความเข้าใจถึงการใช้โคเคนรักษาทางการแพทย์ในอดีต รวมถึง "โคคา" ที่เป็นต้นกำเนิดของมันกันก่อนครับ
โคเคน (Cocaine) เป็นสารประกอบที่สกัดมาจากใบโคคา (Coca) หรือ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Erythroxylum coca เป็นพืชในอเมริกาใต้ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีการเพาะปลูกและการใช้งานใบโคคาในแถบโบลิเวียและเทือกเขาแอนดีสมาตั้งแต่ประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล แต่ก็มีงานศึกษาที่พบว่าในมนุษนย์ในเปรูตอนเหนือมีการเคี้ยวใบโคคามาตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนแล้ว
ใบโคคา
วัฒนธรรมการเคี้ยวใบโคคาสืบต่อมาจนถึงสมัยโมเช (Moche) และสมัยอินคา (Inca) ชาวอินคาถือว่าใบโคคาเป็นพืชที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้เป็นเครื่องบวงสรวงในพิธีกรรม จากการศึกษาทางโบราณคดีมีการพบถุงใส่ใบโคคา และพบใบโคคาไว้ในปากของมัมมี่หรือศพที่เชื่อว่าถูกบูชายัญด้วย
ชาวอินคากับใบโคคา
ภาพถ่ายรังสีและภาพสแกนสามมิติของหัวกะโหลกมัมมี่อินคาเพศหญิงที่ถูกบูชายัญ พบว่าในปากมีก้อนโคคา (สีเขียว) สันนิษฐานว่าเป็นเหยื่อบูชายัญ โดยถูกบังคับให้กินเหล้าและโคคาปริมาณมากก่อนจะเสียชีวิต https://phys.org/news/2013-07-frozen-mummy-inca-children-coca.html
ในยุคแห่งการสำรวจ (Age of Discovery) คริสต์ศควรรษที่ 16 กองกิสตาดอร์ (conquistador) หรือกลุ่มทหารและนักสำรวจจากสเปนได้เดินทางมาถึงทวีปอเมริกา ใบโคคาถูกกล่าวถึงในจดหมายเหตุของนักสำรวจชาวสเปนหลายชิ้น เช่น จดหมายเหตุที่เขียนใน ค.ศ. 1571 โดย เปโดร ปิซาร์โร (Pedro Pizarro) ลูกพี่ลูกน้องของ ฟรันซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro) กองกิสตาดอร์ผู้พิชิตจักรวรรดิอินคา ได้บันทึกว่า ชนชั้นสูงและขุนนางผู้ใหญ่ในจักรวรรดิของจักรวรรดิอินคาล้วนบริโภคใบโคคา
ฟรันซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro) กองกิสตาดอร์ผู้พิชิตจักรวรรดิอินคา
ดิเอโก ตรูฆีโย (Diego Trujillo) นายทหารของปิซาร์โรบันทึกว่ามีการกักตุนใบโคคาไว้ในนครหลวงนครหลวงกุสโก (Cuzco) จึงสันนิษฐานใบโคคาถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นปกครองของอินคา จนกระทั่งจักรวรรดิอินคาถูกสเปนรุกรานจนล่มสลายใน ค.ศ. 1532 ใบโคคาจึงแพร่หลายไปในประชากรทั่วไป
งานพระศพอะตาฮวลปา (Atahualpa) ผู้เป็นซาปาอิคา (Sapa Inca) หรือประมุขอินคาองค์สุดท้ายซึ่งถูกสเปนจับสำเร็จโทษ ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1533 ผลงานของ ลูอิส มอนเตโร (Luis Montero)
หลักฐานร่วมสมัยชิ้นแรกที่บันทึกเรื่องการบริโภคใบโคคาคือ จดหมายของ บิเซนเต เดอ บัลเบร์เด (Vicente de Valverde) บิชอปแห่งกุสโกส่งไปถวายจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 (Charles V) แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1539 ได้รายงานว่า
“…โคคา, เป็นใบไม้ของต้นไม้ขนาดเล็กคล้ายกับซูแมค (sumac) ที่พบในดินแดนกัสตียาของเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่ชาวอินเดียนรับประทานไม่เคยขาดปากเลย พวกเขากล่าวว่ามันช่วยบำรุงกำลังและทำให้กระปรี้กระเปร่า ถึงขนาดที่แม้ว่าจะอยู่ภายใต้แสงแดด พวกเขาก็ไม่รู้สึกถึงความร้อน และพวกมันมีค่าดุจทองคำ และส่วนใหญ่ถูกขึ้นบัญชีเป็นภาษีร้อยชักสิบด้วย”
บิเซนเต เดอ บัลเบร์เด (Vicente de Valverde
เปโดร เซียซา เดอ เลอ้อน (Pedro Cieza de León) กองกิสตาดอร์และนักจดหมายเหตุแห่งเปรู บันทึกไว้ใกล้เคียงกันว่า
“ทั่วทั้งเปรู ชาวอินเดียนอมใบโคคาไว้ในปากตั้งแต่รุ่งเช้าจนเอนกายลงนอนหลับ พวกเขาไม่เคยนำมันออกมาเลย เมื่อข้าพเจ้าถามชาวอินเดียนบางคนว่าเหตุใดพวกเขาจึงอมใบไม้ไว้ในปาก ซึ่งพวกเขาไม่ได้กินแต่ยึดไว้ที่ระหว่างซอกฟัน พวกเขาตอบว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรู้สึกหิว และทำให้พวกเขามีพละกำลัง”
ชาแมนในประเทศเปรูถือใบโคคาสำหรับประกอบพิธีกรรม ชาวเปรูในปัจจุบันยังนิยมนำใบโคคามาทำเป็นชาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย
การล่าอาณานิคมของสเปนทำให้ใบโคคาแพร่หลายไปยังทวีปยุโรป ชาวยุโรปเริ่มศึกษาสรรพคุณของใบโคคาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ สำหรับหลักฐานลายลักษณ์อักษรชิ้นแรกที่บันทึกการใช้ใบโคคาทางทันตกรรมคือ บันทึกของ บาร์นาเบ้ โกโบ (Bernabé Cobo) บาทหลวงเยซูอิตชาวสเปนใน ค.ศ. 1653 ระบุว่าการเคี้ยวใบโคคาสามารถระงับอาการปวดฟันได้
“...และเรื่องนี้เคยเกิดกับข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าไปหาช่างตัดผม* เพื่อขอให้ถอนฟันที่โยกและปวดออก แต่ช่างตัดผมกล่าวว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่ต้องถอนเพราะฟันยังมีสุขภาพดีอยู่ และพระรูปหนึ่งที่เป็นสหายของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยและได้ยินจึงแนะนำให้ข้าพเจ้าเคี้ยวใบโคคาสักสองสามวัน เมื่อข้าพเจ้าทำตาม อาการปวดฟันก็หายไปอย่างรวดเร็ว”
* ช่างตัดผมในยุโรปยุคกลางเป็นผู้ให้การรักษาทางศัลยกรรมรวมถึงถอนฟันด้วย จึงถูกเรียกว่า Barber-Surgeon
Barber-Surgeon ถอนฟันให้คนไข้