นานะ สาวน้อยยอดนักสืบ ep 0.5 นานะกับคดีโจรกรรมบนรถไฟสายตะวันตก

ไม่ได้เอางานเขียนมาลงที่นี่ซะนานเลย  ขออนุญาตแปะตอนแรกสุดของนิยายสืบสวนที่เราเขียนและเคยทำเป็นหนังสือทำมือให้ทดลองอ่านเล่นกันดูนะครับ หากอ่านแล้วชอบไม่ชอบอย่างไรก็ฝากความเห็นไว้ได้ครับ ถือเสียว่าเปิดพื้นที่ให้ชายไทยวัยสี่สิบกว่า ๆ ได้ยืดเส้นยืดสาย ^^'

เมื่อสองปีก่อนผมเขียนนิยายสืบสวนขึ้นมาโดยมีตัวเอกเป็นสาวแว่นผมยาว  ลงเป็นอีบุ๊คแล้วก็นึกสนุกพิมพ์เป็นเล่มทำมือด้วย เล่ม 1 นี่พิมพ์อยู่สองครั้ง มีคดีสั้นๆห้าเรื่องในเล่ม เลยขอเอาคดีแรกในเล่มมาลงนะครับ  หลายคนอาจจะว่าทำไมคดีแรกมันดูเบา ๆ จัง  ขอตอบว่าเพราะเราตั้งใจให้มันค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นจากเบาไปหนักครับ  พอขึ้นคดีที่สองสามสี่เท่านั้นแหละคุณเอ๊ย เลือดสาดเลย ^^'

เอาละ ไม่ให้เสียเวลา ขอลงเรื่องเลยนะครับ

ธามาดา

================================================================

นานะสาวน้อยยอดนักสืบ Season 1
ep 0.5  นานะกับคดีโจรกรรมบนรถไฟสายตะวันตก



- Prologue -

เสียงรองเท้าสองคู่วิ่งตามกันไปในซอยเปลี่ยวและมืด สองข้างทางคือตึกแถวเก่าจนเกือบร้าง ล้วนปิดประตูหน้าต่างเงียบเชียบเหมือนไม่อยากรับรู้สิ่งใด แสงไฟสลัวตามทางก็ดูไร้อารมณ์สนใจความหวาดกลัวของเจ้าของรองเท้านั้น เด็กหญิงหายใจหอบเหนื่อย หันไปด้านหลังเห็นหญิงวัยผู้ใหญ่อีกคนกำลังวิ่งตามมาติดๆ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่ง อย่างน้อยแม่ก็ยังอยู่กับเธอในตอนนี้

ข้างหลัง – ห่างออกไปจากทั้งสองไม่มากนัก รองเท้าอีกคู่กำลังวิ่งไล่ตามมา ระยะห่างของสองแม่ลูกและคนที่กำลังติดตามแคบลงเรื่อยๆ เด็กหญิงหันไปมองนิดหนึ่งแล้วหลับตาปี๋ แสงไฟริบหรี่จากด้านบนเผยให้เห็นแวบหนึ่งว่าคนที่วิ่งไล่ติดตามเธอและแม่เป็นชายร่างใหญ่ รอยสักที่โผล่พ้นแขนเสื้อสูทสีเทาของมันดูไม่ชัดเจนนัก ใบหน้าของมันยังอยู่ในเงามืด เธอมีโอกาสมองเห็นเพียงแค่นั้น

“นานะ อย่าหันไปมอง! วิ่งต่อไป!”

เสียงของแม่ร้องบอก เด็กหญิงผมสั้นก้มหน้าวิ่งต่อไปในซอยระหว่างตึกแถวที่แคบและชื้น แม่ฉุดแขนเธออย่างแรงจนตัวแทบปลิวเมื่อมาถึงทางแยก สองแม่ลูกเลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยที่มืดยิ่งกว่าด้านนอก มีความหวังเพียงเล็กน้อยว่าความมืดและรกในตรอกแคบๆ นั้นจะช่วยกำบังพวกเธอให้พ้นจากการตามล่าได้ หวังได้แค่นั้นจริงๆ   

แม่ดันหลังเด็กหญิงให้วิ่งนำขึ้นไปข้างหน้า หญิงผมยาวมัดรวบเป็นหางม้าพยายามเป็นฝ่ายวิ่งรั้งท้ายเสมอเพื่อปกป้องลูกสาววัยหกขวบให้ได้ ถ้าจะมีอะไรเข้ามาทำร้ายลูกสาวของเธอ มันต้องผ่านเธอไปก่อน!

วิ่งเข้ามาได้เพียงไม่กี่สิบเมตร ความมืดและข้าวของระเกะระกะในซอยก็ทำให้นานะสะดุดล้มลง เสียงแม่เรียกเธอดังลั่น สองมือดึงตัวเธอเข้าไปหลบหลังกองโต๊ะเก้าอี้ไม้ที่สุมกันอยู่หลังตึกๆ หนึ่ง ตอนแรกนานะพยายามขัดขืนด้วยความตกใจ แต่มือนั้นก็เลื่อนมาปิดปากเธอเอาไว้

“นี่แม่เอง เงียบไว้ หนูอยู่กับแม่ไม่ต้องกลัวนะ”

ปากพูดไปแบบนั้นเอง นานะรู้สึกได้ แขนและร่างกายของแม่กำลังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัวไม่แพ้กัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอสองคนถูกตามล่าเพราะอะไร แม่อาจจะรู้ แต่นานะไม่รู้ เด็กหญิงรู้เพียงแค่ว่าถ้าหากมันมาถึงตัวจริงๆ แม่จะต้องปกป้องเธอไว้ด้วยชีวิตแน่นอน!!

เสียงรองเท้าผู้ชายที่วิ่งตามมาเริ่มได้ยินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงทางแยกเมื่อครู่มันก็หยุดวิ่ง ความเงียบแผ่เข้าปกคลุมซอยมืดนั้นอย่างน่าขนลุก มือของแม่ที่ปิดปากนานะประกบแน่นยิ่งขึ้น เด็กหญิงมองลอดช่องว่างของเก้าอี้ไม้ที่วางระเกะระกะกำบังตัวไว้ออกไปที่ทางแยก  เห็นรองเท้าคู่นั้นยังคงยืนนิ่งอยู่บนทางเดินชื้นแฉะหลังฝนเหมือนกำลังหยุดคิดว่าจะออกล่าพวกเธอได้ที่ไหน ชวนให้นึกถึงภาพของสัตว์ร้ายที่กำลังออกล่าเหยื่อในป่าลึก

แล้วมันก็ตัดสินใจมาทางนี้

เงาดำของอสุรกายในชุดสูททาบทับลงบนกำแพงและกองโต๊ะเก้าอี้ แต่ละก้าวของมันที่เดินเข้ามาดูเชื่องช้า มันไม่มีความจำเป็นต้องรีบ อย่างไรเธอกับแม่ในฐานะเหยื่อของมันคงอยู่ที่ใดที่หนึ่งในซอยเล็กๆ นี้ เพียงแต่ว่าใครจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนเท่านั้นเอง

แม่ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากเป็นสัญญาณบอกให้นานะเงียบที่สุด  พยายามกดตัวเธอให้ก้มหลบด้านหลังโต๊ะไม้ที่วางตะแคงตัวหนึ่งเข้าไว้  ส่วนแม่ขยับห่างออกไปเล็กน้อย มือยังคงดันหัวไหล่ของลูกสาวไม่ให้เข้ามาใกล้เกินไป รอจังหวะจนกระทั่งชายร่างใหญ่นั้นเดินผ่าน วินาทีนั้นเองความเงียบในซอยก็ถูกทำลาย แม่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สองมือจับขาเก้าอี้ไม้จากกองขยะตรงนั้นฟาดเข้าไปที่ด้านหลังของชายชุดเทาทันที นานะได้ยินเสียงมันร้องด้วยความเจ็บปวด เงาของผู้ใหญ่สองคนกำลังต่อสู้กันเป็นเหมือนละครหุ่นบนกำแพง ชายร่างยักษ์ถอยไปสองสามก้าวแล้วทำท่าพุ่งเข้ามาหา แม่เหวี่ยงเก้าอี้ไปที่ใบหน้าของมันอีก มันอาจจะโชคดีที่รอบแรกก้มหลบได้ทัน แต่ครั้งต่อมาแม่ก็หวดลงมาไม่พลาด ชายคนนั้นทรุดลงไปนั่งกับพื้น จากจุดที่นานะซ่อนตัวอยู่เธอเห็นเงาของหญิงผมยาวมัดหางม้าหันกลับมาทางนี้

“นานะ วิ่ง!”

หญิงสาวกับเด็กสาวจับมือกันวิ่งต่อ จากซอยเล็กวิ่งย้อนออกมาซอยใหญ่ จากซอยใหญ่วิ่งมาถึงถนนที่มีรถวิ่งไปมา นานะกับแม่วิ่งไม่คิดชีวิต หวังเพียงจะให้รอดพ้นจากการตามล่าของมัน ไม่ใช่แค่ในซอยด้านหลัง แต่พวกมันมีอยู่ทุกที่

มองไปอีกฝั่งถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากอาคารแถวนั้น ชายชุดเทาอีกไม่ต่ำกว่าสามคนกำลังชี้มาที่พวกเธอและส่งเสียงบอกต่อๆ กัน บางคนรีบวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถมาทางนี้จนได้ยินเสียงแตรและรถเบรกดังเอี๊ยด หันไปมองด้านหลังก็เห็นชายร่างยักษ์ชุดเทาคนเดิมวิ่งกะเผลกออกมาจากซอย สีหน้าโกรธสุดขีด ไม่ใช่แค่คนเดียว ด้านหลังของชายตัวใหญ่นั้นยังมีพรรคพวกชายหญิงที่แต่งชุดสีเทาและมีรอยสักที่เดียวกันอีกหลายคนตามมา แม่ไม่มีทางเลือกนอกจากพาเด็กหญิงตัวเล็กวัยประถมวิ่งไปข้างหน้าต่อ ป้ายบอกทางที่หัวมุมถนนบอกว่าอีกเพียงหนึ่งร้อยเมตรจะเป็นสถานีรถไฟ ถ้าอยากมีโอกาสรอดคงต้องหนีขึ้นรถไฟให้ได้

ในที่สุดสองแม่ลูกก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง ทั้งคู่วิ่งออกไปกลางถนนใหญ่ ตั้งใจวิ่งบนเส้นแบ่งกลางถนนเพื่อให้อยู่ในที่สว่างและมีคนเห็นมากที่สุด รถยนต์ทั้งสองฟากบีบแตรและแล่นผ่านตัวหญิงสาวกับลูกไปอย่างเฉียดฉิว ได้ผลที่พวกคนมีรอยสักเริ่มวิ่งตามมาลำบาก ขึ้น เสียงโหวกเหวกไล่หลังเริ่มได้ยินห่างออกไป แต่มันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ชั่วคราวเท่านั้น พวกมันมีอยู่ทุกที่ อีกไม่กี่นาทีที่นี่จะเต็มไปด้วยคนที่กำลังตามล่าเธอ

เด็กหญิงผมสั้นกับแม่กระโดดขึ้นบันไดเข้าสู่สถานีรถไฟเหมือนตัวลอยได้ วิ่งชนกับผู้คนที่เดินสวนกันจนกระเด็น ไม่มีเวลาแม้แต่จะ ขอโทษ โชคดีที่ท่าทางเหนื่อยหอบกับบาดแผลตามแขนมีเลือดไหลเป็นทางของแม่ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้พวกเธอนัก แม่ได้รับบาดเจ็บมาตลอดทางทั้งจากสิ่งของและคนแต่ก็กัดฟันดึงแขนเธอวิ่งต่อไปตามทาง ทุกวินาทีที่ผ่านไปช่างยาวนานเหมือนเป็นการหนีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“อีกนิดเดียวนะลูก อีกนิดเดียว เราจะหนีมันพ้นแล้ว”

เสียงหวูดรถไฟดังกระหึ่มชานชาลา กลิ่นเหล็กลอยอบอวลในอากาศ ลำโพงบนเพดานสถานีประกาศว่าขบวนรถที่กำลังจะมาถึงเป็นรถด่วนพิเศษไม่แวะจอด ขอให้ทุกคนถอยจากเส้นริมชานชาลาเพื่อความปลอดภัย มองไปก็เห็นแสงไฟจากหัวรถจักรกำลังใกล้สถานีเข้ามาอย่างไม่มีการชะลอ
หมดกัน โอกาสที่จะขึ้นรถไฟหนี หมดกัน!!

หันไปที่ถนนด้านนอก พวกมันมากันแล้วจริงๆ คราวนี้มากันนับสิบ บางส่วนก้าวขึ้นมาบนสถานีแล้วด้วย วินาทีนั้นแม่คว้าตัวเด็กหญิงผมสั้นมากอดไว้กับตัวแน่น กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นเหงื่อที่คุ้นเคยอยู่แทบปลายจมูกของลูกสาววัยหกขวบ นานเท่าไหร่จำไม่ได้ แล้วแม่ก็จับไหล่เธอไว้ มองหน้าเหมือนจะจดจำใบหน้าของลูกให้ได้มากที่สุด  

“แม่....?”

“นานะ ก้มหัวต่ำๆ เอาแขนทั้งสองข้างบังหัวไว้นะ”

“แม่.....!?”

“จำไว้นะ แม่รักหนูเสมอ”

ชายร่างยักษ์ที่วิ่งตามมาตั้งแต่ในซอยมืดกำลังจะมาถึงตัวแล้ว  เสี้ยววินาทีนั้นเองแม่ก็หมุนตัวนานะให้หันหลัง จับใต้รักแร้ทั้งสองข้างไว้ ไม่มีการนับใดๆ ทั้งสิ้น ร่างของเด็กหญิงถูกเหวี่ยงออกจากชานชาลาไปลอยอยู่เหนือรางรถไฟ นานะเบิกตากว้าง มองเห็นภาพหัวรถจักรกลับด้านกำลังพุ่งเข้ามาหา แสงสว่างจ้าจากโคมไฟหน้ารถสาดลงมาบนใบหน้าของเธอ เสียงหวูดรถไฟดังหูแทบแตก จากนั้นขบวนม้าเหล็กก็พุ่งเฉียดผ่านตัวเธอไปในระยะกระชั้นชิด  

เด็กหญิงที่ถูกโยนตัดหน้ารถไฟไม่รู้ว่าเวลาตอนนั้นผ่านไปนานแค่ไหน มันมีทั้งความช็อค ความกลัว ความสับสน และความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีการร่ำลา นานะมองลงมาดูตัวเองในเวลานั้น เห็นเสื้อที่ใส่อยู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของแม่ แม้ตัวเองยังไม่เป็นอะไรก็ยังรู้สึกเหมือนเจ็บไปด้วย กระนั้นในวินาทีสุดท้ายเธอยังจำคำของแม่ได้ ก้มหัว ยกแขนบังหัวเอาไว้ และแม่รักเธอ
......
.....
....
...
..
.
ร่างของนานะลอยต่ำลงไปที่รางรถไฟฝั่งตรงข้าม มองเห็นคนบนชานชาลาอีกฝั่งกำลังกรีดร้องตกใจ จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท  
นั่นคือความทรงจำครั้งสุดท้ายที่เธอมีเกี่ยวกับแม่
 

ในความฝันหลายๆ ครั้ง นานะเหมือนมองเห็นตัวเองในวัยเด็กนอนอยู่บนรางรถไฟ หลับตาเหมือนไม่มีสติรับรู้ คนหลายคนลงมาช่วยอุ้มเธอออกมา เสียงผู้คนที่กำลังตกใจถูกเสียงรถไฟที่วิ่งอยู่อีกรางกลบจนมิด ใครบางคนอุ้มเธอไปขึ้นรถมืดๆ จากนั้นภาพทั้งหมดก็เหมือนไหลผ่านอย่างรวดเร็วและห่างไกลออกไป เหมือนถูกดึงขึ้นจากห้วงทะเลลึกมืดดำสู่ความสว่างเบื้องบน ทันทีที่โผล่พ้นผิวน้ำได้ก็รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นานะในวัยสิบแปดปีลืมตาตื่นขึ้นจากฝันร้ายในตอนนั้น น้ำตาที่ไหลอาบแก้มในความฝันไม่มีบนใบหน้าของเธอในโลกแห่งความจริงแม้ว่าจะอยากร้องไห้จนแทบใจสลาย ภาพที่นั่งและผู้โดยสารบนรถไฟขบวนหนึ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวขยับตัวเมื่อรู้สึกตื่นเต็มที่  ใช้มือดันกรอบแว่นให้เข้ากับใบหน้าก่อนมองไปรอบๆ บนรถไฟขบวนนี้เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าในวัยไล่เลี่ยกับเธอ แต่ไม่มีแม่

นานะรู้ดี แม่ไม่ได้อยู่กับเธอมานานแล้ว....

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันร้าย เธอฝันซ้ำ ๆ แบบนี้ทุกคืนจนกลาย เป็นคนกลัวการเข้านอน จิตแพทย์บอกเธอแบบนั้น เธอจะพยายามไม่เผลอหลับอีก ไม่อยากฝันถึงมันอีกแล้ว 

อีกนานแค่ไหนรถไฟขบวนนี้จะไปถึงมหาชัย

(อ่านต่อด้านล่าง)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่