มันช่างเเปลก เเละช่างไม่มีใครเข้าใจ สิ่งๆนึงที่เกิดกับตัวฉันซึ่งขนาดตัวเองก็ยังเอาเเต่มองว่ามันประหลาด บางทีฉันอาจจะเสียสติ เป็นบ้า หรือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่มันเป็นเเล้วคู่ควรกับอาการของฉันก็นิยามไปเถอะ ฉันมีความคิดที่เเปลกเเละซับซ้อนเกินกว่าจะบอกให้ใครเข้าใจได้ ถ้าให้มานั่งจับเข่าคุยมันจะวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นสามสิบรอบเพราะฉันงงเเละมึนกับคำพูดที่จะสื่อสารเเละบางครั้งฉันก็นึกเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ว่าควรเริ่มอย่างนี้เเล้วไปจบที่ตรงไหน เเล้วจะพูดหรือไม่พูดดี หากฉันมีปากกาเเละสมุดเล่มนึง หรืออะไรที่สามารถเขียนโน๊ตออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ อยากให้รับรู้สิ่งที่ฉันกำลังสื่อจากสิ่งเหล่านี้เเทนเถอะเพราะมันเวิร์คกว่าการพูดห่วยๆของฉันเป็นไหนๆ ฉันพูดได้ว่าสามารถสร้างตัวเองเป็นบุคลิกใดก็ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน จำความได้ว่าตอนโตขึ้นฉันสามารถกลายเป็นคนยิ้มง่าย เฟรนลี่ขี้เล่นกับคนที่ไม่รู้จักได้เมื่อสบโอกาสบวกกับความกล้าที่ผุดมาจากไหนก็ไม่รู้เฉยเลย(ตอนเด็กๆฉันขี้กลัวเเละขี้อายมากค่ะ) เเต่ฉันคิดเเละรู้ตัวอยู่ตลอดนะว่า ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมด เบื้องลึกจิตใจของฉัน มันไม่ได้เป็นคนยิ้มง่ายหรืออารมณ์ดีร่าเริงอะไรอย่างที่เเสดงต่อหน้าผู้คนบางส่วนหรอก ความคิดนึงมันที่เเว๊บเข้ามา คือฉันเเค่ไม่อยากทำตัวหยิ่งให้เป็นปัญหากระอักกระอวนเวลาจะมีเพื่อนเเละสังคมใหม่เพราะฉันเองก็ไม่ชอบมีปัญหา อยากอยู่อย่างสงบมันก็เเค่นั้นเพราะฉันรักความสงบ ความเรียบง่าย บางทีเวลาสับสนกับอะไรเกินจะรับไหวเเถมยังเรื่อง ปสด ต่างๆที่เข้ามา ก็พึ่งเสียงเพลงในเพลลิสต์โปรดตัวเองเนี้ยเเหละหรือทำหน้าตาให้มันว่างๆ ออกไปถ่ายรูปท้องฟ้าบ้าง ถ่ายรถ ถ่ายผู้คน ถ่ายความเป็นอยู่ในเเต่ละที่ อย่างที่มันเป็นผ่านเลนส์กล้อง สองอย่างเนี้ยเเหละเป็นตัวช่วยฮีลสำคัญเเละเป็นความสุขทางใจที่มีอยู่เล็กๆน้อยๆ
เมื่อฉันอยู่กับตัวเองเเบบอยู่คนเดียว ฉันจะกลายเป็นคนมีห้องสี่เหลี่ยมกั้นเอาไว้ เเม้เเต่บางครั้ง เเม้คิดจะทำท่าทางประหลาดเพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวเองในกระจกยังอึดอัดไม่กล้าทำมันออกมา เเม้อยู่กับตัวเอง ฉันก็เหมือนยังไม่ได้เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซนต์อยู่ดี เเต่ฉันกลับเเสดงมุมต่างๆที่ฉันอยากทำได้อย่างสบายใจ เวลาจะทำอะไรมันจะออกมาโฟลวเเละดีเสมอเมื่ออยู่กับตัวเองคนเดียว เเต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนสิ่งนั้นมันกลับดรอปลงเเละหายไปกลายเป็นความประหม่า เเละผู้คนส่วนใหญ่รู้จักฉันจากสิ่งนั้นมาตลอดจึงไม่รู้ว่าฉันเป็นยังไงกันเเน่เเต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พูดถึงเรื่องการยิ้มร่าเริงเเล้วก็ไม่วายบางครั้งฉันก็มักปั้นหน้านิ่งไม่ไหวติงเสมอ เวลาอยู่กับที่ๆไม่คุ้นเคยเเม้ในใจของฉันจะหวั่นเกรงต่อสิ่งใดก็ตามที่อยู่ตรงหน้า เเต่การกระทำกับไม่ใช่อย่างนั้นโดยสิ้นเชิง กำเเพงห้องตัวนั้นทำหน้าที่ปกป้องจนต้องเเสดงท่าทีเหล่านั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ต่างจากสิ่งที่ฉันเองอยากเเสดงออกมาเสมอจนเกือบมีคนหมั่นไส้ปฏิกิริยาเเละท่าทีเหล่านั้น ฉันสัมผัสได้ เเต่มันดีจริงๆเเล้วใช่ไหมที่ปกป้องกันอย่างนี้ เวลาขาดสติเมื่อถึงจุดที่อะไรก็เเก้ไม่ถูกโลกรวนไปหมด ฉันมักท่องเตือนใจตัวเองตลอดว่า สามารถอ่อนเเอออกมาได้ ผิดหวังได้ เหนื่อยได้ ร้องไห้เป็น เเกก็มนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาครั้งนึง มีความรู้สึกทุกด้านได้เหมือนกันกับคนอื่นๆทั่วไปทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นเเต่สิ่งประหลาดเหล่านั้นมันเกิดขึ้นกับฉันมานานนับจำความได้ ฉันตายด้านเเละด้านชา ต่อสิ่งเร้า มันหมดไฟเเถมยังไม่สามารถรีเเอคตัวเองได้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกเป็นยังไงเเม้คราวจะเศร้า ก็ไม่รู้สึกเศร้าอย่างที่ควรเป็น คราวจะยิ้มมีความสุข เเต่ใจฉันมันกลับเเสดงความเฉยๆออกมาเสียมากกว่า เเต่คราวยามน้ำตาไหล ก็กลับไม่รู้ ว่ากำลังเสียใจอยู่กับเรื่องไหน เพราะในหัวมันตีกัน ฉันงงว่าตัวเองกำลังเป็นคนยังไงกันเเน่เเละฉันไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร ฉันไม่เข้าใจทำไมตัวเองถึงต้องเเปลกไปจากคนอื่น ฉันเเค่ไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเล่นตลกกับฉัน เเต่ใครจะเข้าใจ มันจะมีใครรับรู้ถึงความเป็นฉันได้บ้างอย่างน้อยขนาดตัวเองยังสับสนขนาดนี้ จะเอาอะไรกับการไปตั้งคำถามนี้กับคนอื่นจริงไหม? หากมันจะได้รับหนทางเเก้ไขไม่ว่าทางใด ฉันจะยอมรับมันก็ได้ ถึงพูดตรงๆว่าเป็นใครก็ต้องรู้สึกอายที่ต้องเล่าเรื่องประหลาดของนิสัยตัวเองอย่างนี้เเต่หากเเลกกับการต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด ก็ขอยอมอายต่อไปก็เเล้วกัน
ปล.อยากออกไปจากห้องนี้สักที ช่วยเเนะนำวิธีเเก้ให้วัยรุ่นตาดำๆทีเด้อ
ใครก็ได้ช่วยเปิดไฟห้องนี้ทีค่ะ
เมื่อฉันอยู่กับตัวเองเเบบอยู่คนเดียว ฉันจะกลายเป็นคนมีห้องสี่เหลี่ยมกั้นเอาไว้ เเม้เเต่บางครั้ง เเม้คิดจะทำท่าทางประหลาดเพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวเองในกระจกยังอึดอัดไม่กล้าทำมันออกมา เเม้อยู่กับตัวเอง ฉันก็เหมือนยังไม่ได้เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซนต์อยู่ดี เเต่ฉันกลับเเสดงมุมต่างๆที่ฉันอยากทำได้อย่างสบายใจ เวลาจะทำอะไรมันจะออกมาโฟลวเเละดีเสมอเมื่ออยู่กับตัวเองคนเดียว เเต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนสิ่งนั้นมันกลับดรอปลงเเละหายไปกลายเป็นความประหม่า เเละผู้คนส่วนใหญ่รู้จักฉันจากสิ่งนั้นมาตลอดจึงไม่รู้ว่าฉันเป็นยังไงกันเเน่เเต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พูดถึงเรื่องการยิ้มร่าเริงเเล้วก็ไม่วายบางครั้งฉันก็มักปั้นหน้านิ่งไม่ไหวติงเสมอ เวลาอยู่กับที่ๆไม่คุ้นเคยเเม้ในใจของฉันจะหวั่นเกรงต่อสิ่งใดก็ตามที่อยู่ตรงหน้า เเต่การกระทำกับไม่ใช่อย่างนั้นโดยสิ้นเชิง กำเเพงห้องตัวนั้นทำหน้าที่ปกป้องจนต้องเเสดงท่าทีเหล่านั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ต่างจากสิ่งที่ฉันเองอยากเเสดงออกมาเสมอจนเกือบมีคนหมั่นไส้ปฏิกิริยาเเละท่าทีเหล่านั้น ฉันสัมผัสได้ เเต่มันดีจริงๆเเล้วใช่ไหมที่ปกป้องกันอย่างนี้ เวลาขาดสติเมื่อถึงจุดที่อะไรก็เเก้ไม่ถูกโลกรวนไปหมด ฉันมักท่องเตือนใจตัวเองตลอดว่า สามารถอ่อนเเอออกมาได้ ผิดหวังได้ เหนื่อยได้ ร้องไห้เป็น เเกก็มนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาครั้งนึง มีความรู้สึกทุกด้านได้เหมือนกันกับคนอื่นๆทั่วไปทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นเเต่สิ่งประหลาดเหล่านั้นมันเกิดขึ้นกับฉันมานานนับจำความได้ ฉันตายด้านเเละด้านชา ต่อสิ่งเร้า มันหมดไฟเเถมยังไม่สามารถรีเเอคตัวเองได้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกเป็นยังไงเเม้คราวจะเศร้า ก็ไม่รู้สึกเศร้าอย่างที่ควรเป็น คราวจะยิ้มมีความสุข เเต่ใจฉันมันกลับเเสดงความเฉยๆออกมาเสียมากกว่า เเต่คราวยามน้ำตาไหล ก็กลับไม่รู้ ว่ากำลังเสียใจอยู่กับเรื่องไหน เพราะในหัวมันตีกัน ฉันงงว่าตัวเองกำลังเป็นคนยังไงกันเเน่เเละฉันไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร ฉันไม่เข้าใจทำไมตัวเองถึงต้องเเปลกไปจากคนอื่น ฉันเเค่ไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเล่นตลกกับฉัน เเต่ใครจะเข้าใจ มันจะมีใครรับรู้ถึงความเป็นฉันได้บ้างอย่างน้อยขนาดตัวเองยังสับสนขนาดนี้ จะเอาอะไรกับการไปตั้งคำถามนี้กับคนอื่นจริงไหม? หากมันจะได้รับหนทางเเก้ไขไม่ว่าทางใด ฉันจะยอมรับมันก็ได้ ถึงพูดตรงๆว่าเป็นใครก็ต้องรู้สึกอายที่ต้องเล่าเรื่องประหลาดของนิสัยตัวเองอย่างนี้เเต่หากเเลกกับการต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด ก็ขอยอมอายต่อไปก็เเล้วกัน
ปล.อยากออกไปจากห้องนี้สักที ช่วยเเนะนำวิธีเเก้ให้วัยรุ่นตาดำๆทีเด้อ