เคยมีความคิดในหัวไหม ว่า ถ้าเราไม่เกิดมา ครอบครัวคงจะดีกว่านี้
เราขอท้าวความก่อน เราเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง(เราไม่ใช่เด็กในสถานสงเคราะห์ หรือเด็กกำพร้านะ) คือพ่อและแม่แท้ๆเรา คือลุงและป้าที่เราเรียกเขาตั้งแต่เด็ก คือพ่อกับแม่เราไปขอรับเลี้ยงเราจากพ่อแม่จริงๆของเรา ตอนนั้นยังเด็กมาก เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนเรารู้ความจริงตรงเราไปค้นเจอเอกสาร แล้วเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าเราไปค้นเจอ ใบขอรับบุตรบุญธรรม วันนั้นพ่อกับแม่เลยเรียกเรามาสารภาพความจริง ตั้งแต่นั้นมาเราไม่เคยไว้ใจพวกท่านอีกเลย หลังจากผ่านไปสักพัก พวกท่านพาเราไปพบกับแม่แท้ๆของเรา เราไม่รู้ว่าที่ไหนระยะทางมันไกลและกันดารมาก ครั้งแรกที่เราได้เห็นแม่แท้ๆ เราร้องไห้ คือไม่ต้องบอกว่าคนไหนคือแม่ เราแค่มองตาเขาเราก็พุ่งไปกอด ในใจเราคิดว่าทำไมแม่ไม่เลี้ยงผม แม่มีปัญหาอะไรรึป่าว นั้นคือตรั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้าแม่แท้ๆ เพราะหลังจากนั้นเรากลับมาบ้าน สักพักมีข่าวมาว่า แม่จริงๆเราเสียเพราะป่วยเป็นโรค เราเสียใจมาก โทษแต่ตัวเอง ทำไมไม่กลับไปอยู่ดูแลท่าน พอเวลาผ่านไปสักพัก พ่อกับแม่ที่รับเรามาเลี้ยงหย่ากันแยกกันอยู่ เราเลือกอยู่กับพ่อ จนทั้งคู่ต่างมีคู่ชีวิตใหม่ เรามีน้องโดยฝั่งพ่อมีลูก2คนชาย หญิง ฝั่งแม่ ด้วยความที่สมัยก่อนการแพทย์มันไม่ทันสมัยเท่าสมัยนี้ ตอนนั้นท่านมีลูกไม่ได้เลยเป็นสาเหตุให้เขารับเรามาเลี้ยง แต่ตอนนี้ท่านมีลูกแล้วเป็น ผู้ชาย
เราพยายามทำตัวปกติ เราก็คิดน้อยใจ เราอาจจะคิดไปคนเดียวว่าเหมือนเราเป็นหมาหัวเน่า เหมือนเราหมดคุณค่าแล้ว ทั้งสองก็ต่างมีความสุข ต่างคนต่างมีครอบครัว และเรารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อ เหมือนแม่คนใหม่ทำให้พ่อเปลี่ยนไป ทั้งความคิดและความเป็นตัวเองของพ่อ ทุกวันนี้เขาเหมือนไม่ใช่พ่อเรา ฟังดูเราอาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะ เราแค่ต้องการความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว ตอนนี้เราศึกษาอยู่ในระดับอุดมศีกษา ค่าใช้จ่ายในคณะเรามันสูงมากๆ เราเหมือนเป็นภาระของพ่อจริงๆ เพราะต้องเลี้ยงดูน้อง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนตอนนี้มันมีความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีเรา มันจะดีกว่านี้ไหม พ่อคงจะประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้ และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ทำไมการการุณยฆาตถึงไม่ถูกกฎหมายในไทย เราไม่อยากจะอยู่แล้ว สภาพจิตใจเราตอนนี้มันแย่มากๆ คณะที่เราเรียนมันก็เครียดมากๆ เราแอบอิจฉาที่เห็นเพื่อนในคณะมีบ้านเป็นเซฟโซน หลังจจากจบโปรเจค พวกเขาก็มีที่บ้านให้พูดคุย เราอิจฉามากๆ ครอบครัวที่เราเคยมีความสุขตอนเด็กๆ ตอนนี้มันไม่มีแล้ว เราเหมือนไม่ใช่ลูกเขา เราอยากตายมากๆเลย เราไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปแล้ว
ปล.ถึงมันจะเหมือนเรื่องที่แต่ง แต่มันคือเรื่องจริง เราต้องอยู่กับมันมานานหลายปี และเราไม่เคยมีความสุขเลย คำว่าครอบครัวเราก็พูดได้ไม่เต็มปาก
ภาระครอบครัว
เราขอท้าวความก่อน เราเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง(เราไม่ใช่เด็กในสถานสงเคราะห์ หรือเด็กกำพร้านะ) คือพ่อและแม่แท้ๆเรา คือลุงและป้าที่เราเรียกเขาตั้งแต่เด็ก คือพ่อกับแม่เราไปขอรับเลี้ยงเราจากพ่อแม่จริงๆของเรา ตอนนั้นยังเด็กมาก เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนเรารู้ความจริงตรงเราไปค้นเจอเอกสาร แล้วเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าเราไปค้นเจอ ใบขอรับบุตรบุญธรรม วันนั้นพ่อกับแม่เลยเรียกเรามาสารภาพความจริง ตั้งแต่นั้นมาเราไม่เคยไว้ใจพวกท่านอีกเลย หลังจากผ่านไปสักพัก พวกท่านพาเราไปพบกับแม่แท้ๆของเรา เราไม่รู้ว่าที่ไหนระยะทางมันไกลและกันดารมาก ครั้งแรกที่เราได้เห็นแม่แท้ๆ เราร้องไห้ คือไม่ต้องบอกว่าคนไหนคือแม่ เราแค่มองตาเขาเราก็พุ่งไปกอด ในใจเราคิดว่าทำไมแม่ไม่เลี้ยงผม แม่มีปัญหาอะไรรึป่าว นั้นคือตรั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้าแม่แท้ๆ เพราะหลังจากนั้นเรากลับมาบ้าน สักพักมีข่าวมาว่า แม่จริงๆเราเสียเพราะป่วยเป็นโรค เราเสียใจมาก โทษแต่ตัวเอง ทำไมไม่กลับไปอยู่ดูแลท่าน พอเวลาผ่านไปสักพัก พ่อกับแม่ที่รับเรามาเลี้ยงหย่ากันแยกกันอยู่ เราเลือกอยู่กับพ่อ จนทั้งคู่ต่างมีคู่ชีวิตใหม่ เรามีน้องโดยฝั่งพ่อมีลูก2คนชาย หญิง ฝั่งแม่ ด้วยความที่สมัยก่อนการแพทย์มันไม่ทันสมัยเท่าสมัยนี้ ตอนนั้นท่านมีลูกไม่ได้เลยเป็นสาเหตุให้เขารับเรามาเลี้ยง แต่ตอนนี้ท่านมีลูกแล้วเป็น ผู้ชาย
เราพยายามทำตัวปกติ เราก็คิดน้อยใจ เราอาจจะคิดไปคนเดียวว่าเหมือนเราเป็นหมาหัวเน่า เหมือนเราหมดคุณค่าแล้ว ทั้งสองก็ต่างมีความสุข ต่างคนต่างมีครอบครัว และเรารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อ เหมือนแม่คนใหม่ทำให้พ่อเปลี่ยนไป ทั้งความคิดและความเป็นตัวเองของพ่อ ทุกวันนี้เขาเหมือนไม่ใช่พ่อเรา ฟังดูเราอาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะ เราแค่ต้องการความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว ตอนนี้เราศึกษาอยู่ในระดับอุดมศีกษา ค่าใช้จ่ายในคณะเรามันสูงมากๆ เราเหมือนเป็นภาระของพ่อจริงๆ เพราะต้องเลี้ยงดูน้อง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนตอนนี้มันมีความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีเรา มันจะดีกว่านี้ไหม พ่อคงจะประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้ และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ทำไมการการุณยฆาตถึงไม่ถูกกฎหมายในไทย เราไม่อยากจะอยู่แล้ว สภาพจิตใจเราตอนนี้มันแย่มากๆ คณะที่เราเรียนมันก็เครียดมากๆ เราแอบอิจฉาที่เห็นเพื่อนในคณะมีบ้านเป็นเซฟโซน หลังจจากจบโปรเจค พวกเขาก็มีที่บ้านให้พูดคุย เราอิจฉามากๆ ครอบครัวที่เราเคยมีความสุขตอนเด็กๆ ตอนนี้มันไม่มีแล้ว เราเหมือนไม่ใช่ลูกเขา เราอยากตายมากๆเลย เราไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปแล้ว
ปล.ถึงมันจะเหมือนเรื่องที่แต่ง แต่มันคือเรื่องจริง เราต้องอยู่กับมันมานานหลายปี และเราไม่เคยมีความสุขเลย คำว่าครอบครัวเราก็พูดได้ไม่เต็มปาก