อย่าไปหวังว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะ ยุคนี้ แต่ละประเทศ เขารณรงค์ให้เที่ยวในประเทศแทนกันทุกประเทศ -- เป็นรูปแบบของ new normal
ที่จะเกิดกับทุกประเทศทั่วโลก ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง ต้องทำใจ ปรับตัว ว่า จะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกนาน เพราะว่า ไม่มีใครกล้าเดินทางออกมาจากบ้านเกิด
คิดตาม common sense ถ้าเราเกิดติดเชื้อ เรารักษาในประเทศดีกว่า เดินทางไปรักษาในต่างประเทศ เพราะในประเทศตัวเอง มีสิทธิการรักษาพยาบาลดีกว่าตามสิทธิของพลเมืองชาตินั้นๆ เพราะ หากติดเชื้อ จะต้องนอน รพ ยาวนานหลายวัน หรือ เป็นเดือนๆ ดังนั้น โอกาสที่จะบินไปรักษาต่างประเทศ จะยากมาก เพราะ ค่าใช้จ่ายแพง นอน รพ นาน
ส่วนคนที่ยังไม่ติดเชื้อ แน่นอนว่า จะไม่อยากเดินทางไปต่างประเทศอยู่ดี เพราะ การอยู่เฉยๆ ในบ้านตัวเอง ย่อมดีกว่า การเดินทางไปติดเชื้อในต่างประเทศอย่างแน่นอน ดังนั้น จะหวังคนท่องเที่ยวส่วนนี้ คงต้องทำใจ ยาวๆๆๆ ว่า แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงนี้แน่ๆ
วันก่อน อ่านบทวิเคราะห์นอก พบว่า new normal เรื่องท่องเที่ยว จะเปลี่ยนไป ดังนี้
- เน้นการเที่ยวในประเทศแทน เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศสนับสนุนให้เที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้น ศก. จีนเป็นตัวอย่างในข้อนี้ รัฐบาลจีน หันมาสนับสนุนให้ประชากรจีนเที่ยวในประเทศกันเอง เนื่องจาก มีประชากรมากถึง 1300 ล้านคน ถ้าช่วยกัน จะหลุดพ้นช่วง ศก เลวร้ายนี้ไปได้ ต่างจากไทย ที่มีคนเพียง 70 ล้านคน การกระตุ้นเที่ยวในประเทศจะไม่บูมเหมือนแบบที่จีนทำ ข้อเสียบ้านเรา คือ คนน้อยเกินไป
- โรงแรม ที่พัก ปรับตัวตาม นิว นอร์มอล เน้นการจัดการด้านสุขอนามัย การทำความสะอาดสถานที่ส่วนรวม
- คนท่องเที่ยวเอง แทน เที่ยวทัวร์ หลังท่องเที่ยวกลับมาในปี 2565 คนท่องเที่ยวจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก คือ เที่ยวกันเอง บริษัททัวร์จะปิดกิจการจำนวนมาก เพราะการเที่ยวทัวร์แบบหมู่คณะ มีความเสี่ยงในการปะปนเชื้อ มากกว่า การเที่ยวเดี่ยวแบบไปกันเอง ... แนะบริษัททัวร์ไปตัวไปทำธุรกิจอื่นแทน
- หน้ากากอนามัย กลายเป็น อุปกรณ์สำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องนำติดตัวไปท่องเที่ยวด้วยเสมอ แบบลืมไม่ได้ จนกลายเป็น new normal
- การตรวจโรค ฉัดวัคซีนป้องกัน และการทำประกันท่องเที่ยว กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอ เวลาท่องเที่ยวต่างประเทศ
- แต่ละประเทศ เริ่มมีมาตรการยกเลิกการยกเว้นวีซ่า
จำได้แค่นี้...
ย้ำ...เปิดประเทศเมื่อไหร่ โควิดรอบสองมาทันที แต่ละประเทศเริ่มกลับไปปิดเมืองกันอีกรอบแล้ว
ที่จะเกิดกับทุกประเทศทั่วโลก ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง ต้องทำใจ ปรับตัว ว่า จะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกนาน เพราะว่า ไม่มีใครกล้าเดินทางออกมาจากบ้านเกิด
คิดตาม common sense ถ้าเราเกิดติดเชื้อ เรารักษาในประเทศดีกว่า เดินทางไปรักษาในต่างประเทศ เพราะในประเทศตัวเอง มีสิทธิการรักษาพยาบาลดีกว่าตามสิทธิของพลเมืองชาตินั้นๆ เพราะ หากติดเชื้อ จะต้องนอน รพ ยาวนานหลายวัน หรือ เป็นเดือนๆ ดังนั้น โอกาสที่จะบินไปรักษาต่างประเทศ จะยากมาก เพราะ ค่าใช้จ่ายแพง นอน รพ นาน
ส่วนคนที่ยังไม่ติดเชื้อ แน่นอนว่า จะไม่อยากเดินทางไปต่างประเทศอยู่ดี เพราะ การอยู่เฉยๆ ในบ้านตัวเอง ย่อมดีกว่า การเดินทางไปติดเชื้อในต่างประเทศอย่างแน่นอน ดังนั้น จะหวังคนท่องเที่ยวส่วนนี้ คงต้องทำใจ ยาวๆๆๆ ว่า แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงนี้แน่ๆ
วันก่อน อ่านบทวิเคราะห์นอก พบว่า new normal เรื่องท่องเที่ยว จะเปลี่ยนไป ดังนี้
- เน้นการเที่ยวในประเทศแทน เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศสนับสนุนให้เที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้น ศก. จีนเป็นตัวอย่างในข้อนี้ รัฐบาลจีน หันมาสนับสนุนให้ประชากรจีนเที่ยวในประเทศกันเอง เนื่องจาก มีประชากรมากถึง 1300 ล้านคน ถ้าช่วยกัน จะหลุดพ้นช่วง ศก เลวร้ายนี้ไปได้ ต่างจากไทย ที่มีคนเพียง 70 ล้านคน การกระตุ้นเที่ยวในประเทศจะไม่บูมเหมือนแบบที่จีนทำ ข้อเสียบ้านเรา คือ คนน้อยเกินไป
- โรงแรม ที่พัก ปรับตัวตาม นิว นอร์มอล เน้นการจัดการด้านสุขอนามัย การทำความสะอาดสถานที่ส่วนรวม
- คนท่องเที่ยวเอง แทน เที่ยวทัวร์ หลังท่องเที่ยวกลับมาในปี 2565 คนท่องเที่ยวจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก คือ เที่ยวกันเอง บริษัททัวร์จะปิดกิจการจำนวนมาก เพราะการเที่ยวทัวร์แบบหมู่คณะ มีความเสี่ยงในการปะปนเชื้อ มากกว่า การเที่ยวเดี่ยวแบบไปกันเอง ... แนะบริษัททัวร์ไปตัวไปทำธุรกิจอื่นแทน
- หน้ากากอนามัย กลายเป็น อุปกรณ์สำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องนำติดตัวไปท่องเที่ยวด้วยเสมอ แบบลืมไม่ได้ จนกลายเป็น new normal
- การตรวจโรค ฉัดวัคซีนป้องกัน และการทำประกันท่องเที่ยว กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอ เวลาท่องเที่ยวต่างประเทศ
- แต่ละประเทศ เริ่มมีมาตรการยกเลิกการยกเว้นวีซ่า
จำได้แค่นี้...