🇹🇭🦚มาลาริน🦚🇹🇭หมอ ยง'แนะ5ข้อใส่หน้ากากอนามัยยุคปัจจุบัน/WHOแนะผู้โดยสารเที่ยวบินสวมหน้ากากอนามัย/จีนหันมาเที่ยวไทย

หมอ ยง' แนะนำ 5 ข้อใส่หน้ากากอนามัยยุคปัจจุบัน
11 มกราคม 2566 เวลา 6:42 น.



หมอ ยง' ตอกย้ำ 3 ปีโควิด-19 คนไทยมีภูมิต้านทานถึง 96% ความรุนแรงลดอย่างมาก เสนอแนะ 5 แนวทางในการสวมใส่หน้ากากอนามัย

11 ม.ค.2566 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และราชบัณฑิต โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โควิด 19 เรื่องของหน้ากากอนามัย” ระบุว่า โรคโควิด 19 ครบ 3 ปีแล้ว ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณ 50 ล้านคน รวมทั้ง ฉีดวัคซีน 2 เข็มไปแล้ว ประมาณร้อยละ 80 ฉีด 3 เข็มประมาณร้อยละ 40 ทำให้ประชากรไทยตรวจพบภูมิต้านทานได้ถึงร้อยละ 96
ความรุนแรงของโรคลดลงอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในปีแรก และโรคนี้กำลังเข้าสู่โรคประจำฤดูกาลที่ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกับไวรัสตัวนี้

เรื่องของการใส่หน้ากากอนามัย อยากจะขอแนะนำดังนี้

1.ในเด็กเล็ก รวมทั้งเด็กอนุบาลและประถม อาจไม่จำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย ในโรงเรียน เด็กเล็กไม่สามารถที่จะใส่ได้แบบถูกวิธีตลอดเวลา ต้องมีการเรียนรู้ทั้งภาษาพูดและภาษาท่าทาง สิ่งสำคัญในการป้องกันในโรงเรียน คือการล้างมือที่ถูกต้อง ดูแลสุขอนามัย ความสะอาดและสถานที่ หมั่นทำความสะอาดและให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่สบายหรือป่วย ต้องไม่ไปโรงเรียน

2.เด็กโตหรือผู้ใหญ่ ที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อออกนอกบ้าน

3.ในคนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ในที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทได้ดี เช่น สวนสาธารณะ ท้องถนน ชายทะเล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย และต่อไปเมื่อเข้าสู่โรคประจำฤดูกาลเต็มที่แล้ว ก็คงจะเน้น การใส่หน้ากากอนามัยในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นหลัก

4.ในสถานที่ปิดเช่นการเดินทางด้วยรถขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า หรือสถานที่มีคนหมู่มาก ก็ควรใส่หน้ากากอนามัย

5.ในสภาวะปัจจุบัน การใส่หน้ากากอนามัยเป็นไปด้วยความสมัครใจ ทุกคนก็คงจะต้องประเมินความเสี่ยง และความเหมาะสม ในการใส่หน้ากากอนามัย เรากำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ต่อไป โดยก้าวเดินไปตามความเหมาะสม แบบมีเหตุผล

https://www.thaipost.net/covid-19-news/300252/

น่ากังวล!WHOเร้าโลกแนะผู้โดยสารเที่ยวบินสวมหน้ากาก หลังสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนระบาดหนักในสหรัฐฯ


ประเทศต่างๆควรพิจารณาออกคำแนะนำให้บรรดาผู้โดยสารบนเที่ยวบินระยะไกลสวมหน้ากากอนามัย สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์ย่อยล่าสุดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุในวันอังคาร(10ม.ค.) อย่างไรก็ตามหน่วยงานแห่งนี้ยังไม่ถึงขั้นแนะนำให้ตรวจเชื้อบรรดาผู้โดยสารจากอเมริกา
ในยุโรป ตรวจพบสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย แต่จำนวนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกและเจ้าหน้าที่ยุโรป กล่าวระหว่างแถลงสรุป

แคเทอรีน สมอลวูด เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายฉุกเฉินประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าบรรดาผู้โดยสารควรสวมหน้ากากในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่นเที่ยวบินระยะไกล พร้อมบอกต่อว่า "ควรออกคำแนะนำนี้กับบรรดาผู้โดยสารขาเข้าจากทุกหนทุกแห่ง ดินแดนที่มีการแพร่กระจายของโควิด-19 ในวงกว้าง"

จนถึงตอนนี้ XBB.1.5 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ที่แพร่กระจายไวที่สุดเท่าที่เคยพบมา โดยมันคิดเป็นสัดส่วน 27.6% ของเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ สำหรับช่วงสัปดาห์จนถึงวันที่ 7 มกราคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุ
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า XBB.1.5 จะก่อระลอกคลื่นการแพร่ระบาดของตนเองไปทั่วโลกหรือไม่ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังคงสามารถป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง เข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ได้อยู่

"ประเทศต่างๆจำเป็นมองที่พื้นฐานด้านหลักฐานพยาน สำหรับการตรวจเชื้อก่อนออกเดเนทาง และหากพิจารณาแล้วว่าจะดำเนินการ มาตรการต่างๆด้านการเดินทางควรบังคับใช้ในแนวทางที่ไม่เลือกปฏิบัติ" สมอลวูดกล่าว
เธอเน้นย้ำว่าในขั้นนี้ ข้อเสนอแนะไม่ได้หมายความว่าทางองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ตรวจเชื้อบรรดาผู้โดยสารจากสหรัฐฯ

สมอลวูด ระบุว่ามาตรการต่างๆที่จะนำมาใช้ ในนั้นรวมถึงการเฝ้าระวังด้านจีโนม (Genomic Surveillance) และเล็งเป้าอย่างเฉพาะเจาะจงผู้โดยสารจากประเทศอื่นๆ ตราบใดที่มันไม่เบี่ยงเบนทรัพยากรของชาตินั้นๆไปจากระบบเฝ้าระวังภายในประเทศ ขณะที่ในส่วนอื่นๆอาจรวมไปถึงการตรวจตราน้ำเสีย ณ ด่านขาเข้าต่างๆ อย่างเช่นสนามบิน

XBB.1.5 อีกหนึ่งสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายไวที่สุดและวลานี้กลายเป็นตัวกลายพันธุ์หลักของโลก มันแตกหน่อออกมาจากสายพันธุ์ย่อย XBB ที่ตรวจพบครั้งแรกในเดือนตุลาคม ซึ่งตัวมันเป็นเองเป็นตัวผสมของสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนอื่นๆ 2 ตัว

มีความกังวลว่า XBB.1.5 กำลังโหมกระพือเคสผู้ติดเชื้อปริมาณมหาศาลระลอกใหม่ในสหรัฐฯและที่อื่นๆ ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน หลังจากปักกิ่งละทิ้งนโยบายโควิดเป็นศูนย์เมื่อเดือนที่แล้ว

จากข้อมูลที่รายงานไปยังองค์การอนามัยโลกเมื่อช่วงต้นเดือน ผลวิเคราะห์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีน พบว่าสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5.2 และ BF.7 เป็นสายพันธุ์หลักของบรรดาผู้ติดเชื้อภายในชุมชน

สำนักงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป(EASA) กับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป(ECDC) ในวันอังคาร(10ม.ค.) ออกคำแนะนำต่างๆสำหรับเที่ยวบินระหว่างจีนกับอียู เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส ในนั้นรวมถึงสวมหน้ากากและตรวจเชื้อนักเดินทาง เช่นเดียวกับตรวจตราน้ำเสีย ในฐานะเครื่องมือแจ้งเตือนล่วงหน้า สำหรับตรวจหาตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆ

หน่วยงานทั้ง 2 ออกคำแนะนำว่าอาจมีการสุ่มตรวจตัวอย่างของบรรดาผู้โดยสารขาเข้า ปรับปรุงมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนเครื่องบิน ในเที่ยวบินที่บินในเส้นทางดังกล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มบูรณาการทางการเมืองเพื่อตอบสนองวิกฤตของอียู(IPCR) องค์กรที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากรัฐบาล 27 ชาติสมาชิกอียู ได้ออกคำแนะนำเช่นกันว่า ผู้โดยสารทุกคนบนเที่ยวบินที่จะเดินทางไปจีนหรือมาจากจีน ควรสวมหน้ากาก และควรมีการสุ่มตรวจเชื้อบรรดาผู้โดยสารขาเข้าจากจีน

พวกนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ในนั้นรวมถึงจากองค์การอนามัยโลก เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จีนจะรายงานขอบเขตการแพร่ระบาดต่ำกว่าความเป็นจริง

เวลานี้ประเทศต่างๆมากมายหลายสิบชาติทั่วโลก ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ กำหนดมาตรการบังคับตรวจเชื้อโควิด-19 นักเดินทางจากจีน
(ที่มา:รอยเตอร์)

https://mgronline.com/around/detail/9660000002856

สื่อนอกเผย นักท่องเที่ยวจีนไม่พอใจมาตรการท่องเที่ยวบางประเทศ ส่งผลให้มาเที่ยวไทยมากขึ้น



สื่อดังอเมริกันเผยนักท่องเที่ยวจีนไม่พอใจบางประเทศที่เลือกปฏิบัติ ส่งผลให้เลือกเดินทางมาเที่ยวไทยแทน เผยนักเที่ยวจีนค้นหาข้อมูลมาไทย เพิ่มขึ้น 176%

สำนักข่าว CNBC สื่อดังของสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์ผลของมาตรการจำกัดการเดินทางของบางประเทศที่มีต่อนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังเปิดพรมแดนอีกครั้ง ชาวจีนมีความเห็นว่า “แม้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ยุติธรรม” โดยปฏิกิริยาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ให้สัมภาษณ์กับ CNBC นั้นมีหลากหลาย ทั้งสับสนไปจนถึงโกรธแค้น

ปัจจุบัน มีประเทศกว่าสิบประเทศประกาศกฎระเบียบใหม่สำหรับผู้เดินทางออกจากประเทศจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น สหภาพยุโรปแนะนำให้ประเทศสมาชิกกำหนดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทางเข้าประเทศ
“การตรวจโควิดไม่ใช่ปัญหา แต่นโยบายเหล่านี้กลับมุ่งตรงไปที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนต่างเลือกเดินทางไปยังประเทศไทย และสิงคโปร์ แทน เพราะเป็นประเทศที่ต้อนรับพวกเรา” Shaun Rein กรรมการผู้จัดการของ China Market Research Group กล่าว

โดยในบรรดาจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ชาวจีนค้นหาหลังจากการประกาศเปิดพรมแดนอีกครั้ง มีเพียงไทยกับสิงคโปร์ที่ไม่ได้กำหนดข้อจำกัดหรือเพิ่มมาตรการใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน



ตามข้อมูลจาก trip.com ในการค้นหาเที่ยวบินขาออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ เพิ่มขึ้นถึง 83% ในช่วง 11 วันหลังการประกาศ เทียบกับ 14 วันก่อนหน้า ซึ่งในช่วงเวลานี้ ความสนใจในการค้นหาของชาวจีน คือ ประเทศไทย และสิงคโปร์ ที่เพิ่มขึ้น 176% และ 93% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ความตึงเครียดของความสัมพันธ์อันเกิดจากมาตรการจำกัดด้านท่องเที่ยว ทำให้จีนประกาศในวันอังคาร (10 ม.ค.) ที่ผ่านมา ระงับการออกวีซ่าระยะสั้นเป็นการชั่วคราวให้ผู้เดินทางจากเกาหลีใต้ ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวและที่อยู่ในภาคธุรกิจ รวมทั้งมีรายงานว่าใช้มาตรการนี้กับผู้เดินทางจากญี่ปุ่นด้วย เหมือนจะเป็นการตอบโต้เอาคืนประเทศเหล่านี้ ซึ่งตั้งข้อกำหนดจำกัดการเดินทางของผู้ที่ออกมาจากแดนมังกร ซึ่งปักกิ่งมองว่าเป็นการกีดกันเลือกปฏิบัติ

https://mgronline.com/travel/detail/9660000003128

ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13


มาตรการสาธารณสุขในการเข้าประเทศไทย สำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติ
Public Health Measures for Foreign Travelers Entering Thailand

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02GtABKx5uxooEtjS3cQMn9vV7QQdyrMiaaHHpAxYr3rsiFA1AfFHNMhqnJiDbQGYjl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่