สาเหตุที่เขียน สืบเนื่องจากกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/40025941
หากถามชาวกรุงเทพที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ให้หลับตานึกภาพรถเมล์ครีมแดง คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจน ทั้งพื้นทางเดินปูด้วยแผ่นไม้ เบาะนั่งสีน้ำตาล ติดหน้าต่างเปิดรับลมสู้ฝุ่นควันบนท้องถนน และเสียงเปิด-ปิดประตูอันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับผู้เขียนแล้ว ยังมีสถานที่หนึ่งที่ให้ความคุ้นเคยไม่แพ้รถเมล์ครีมแดง ระดับที่สามารถหลับตาอธิบายบรรยากาศ การจัดเรียงสิ่งของเกือบทุกซอกมุม และเดินเล่นได้อย่างสบายใจ สถานที่นั้นคือ ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชดำเนิน
ครั้งแรกสุดเท่าที่ย้อนนึกได้ คือเมื่อครั้งเดินทางไปกับคุณแม่เพื่อซื้อหนังสือเรียนช่วงก่อนเปิดภาคเรียนสมัยประถมต้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวกเพียงสองสถานีรถเมล์ ประกอบกับราคาที่ถูกกว่าซื้อกับทางโรงเรียน ซึ่งนอกจากหนังสือเรียนแล้ว ยังมีสินค้าอื่นขาย เช่นรองเท้านักเรียน แฟ้มใส่เอกสาร สมุดจด และกระเป๋านักเรียน ที่จะลดราคาในช่วงเดียวกัน แต่สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากเป็นพิเศษ คือตู้ขายน้ำแข็งเกล็ดหิมะปั่น ที่หากินได้ยากมาก เพราะสมัยนั้นร้านสะดวกซื้อเจ้าดังยังไม่ทำขายทั่วไป มีน้ำหวานให้เลือกแค่สองรส คือรสโคล่า กับ อีกรสชาติที่จะสลับผลัดเปลี่ยนไปบางช่วงเวลา ก่อนจะซื้อต้องดูว่าน้ำแข็งปั่นจับตัวรึยัง เพื่อให้น้ำแข็งเกล็ดหิมะไหลลงสู่แก้วกระดาษเคลือบเทียนไข แล้วพูนล้นออกมา สามารถใช้ปากงับทานตรงยอดได้
ระหว่างภาคเรียน ผู้เขียนจะได้โอกาสเป็นตัวแทนกลุ่ม ไปซื้อโปสเตอร์ และแผ่นพลาสติกลูกฟูก มาทำบอร์ดหลังห้องเรียน โดยพื้นที่ในส่วนข้างๆที่ขายโปสเตอร์นั้น จะขายกระดาษปกรายงาน หลายหลากสี ลวดลาย และกลิ่นหอม ให้เลือกคู่กับเทปสันปก หรือหากอยากได้รายงานสวยๆ ก็สามารถซื้อสันกระดูกงู เอาไปให้เจ้าหน้าที่เข้าเล่มก็ได้เช่นกัน
หากชอบเล่นกีฬา ก็สามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ในราคาค่อนข้างย่อมเยาว์ และมีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่ราคาถูกไปยังแพง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสลองมาเกือบทุกแบบ เมื่อตอนเพิ่งเริ่มฝึกเล่นปิงปอง ซื้อไม้กับลูกแบบถูกๆก็พอเล่นได้แล้ว แต่เมื่อมาเรียนวิชาพละที่บังคับเรียนตีปิงปองเพื่อวัดคะแนน จึงได้เหตุผลซื้อของที่ราคาแพงขึ้น แค่ลูกปิงปองรุ่นบัตเตอร์ฟลายสามดาวเพียงลูกเดียว ก็มีราคา 21บาทแล้ว แพงกว่าข้าวหนึ่งมื้อในสมัยนั้นเสียอีก
ส่วนที่ต้องไปเดินทุกครั้งที่เข้าไปซื้อของ คือส่วนเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะ ที่มีปากกาหลายแบบหลายยี่ห้อ และมีกระดาษจดให้ลองเขียนเป็นร้านแรกๆในประเทศ การที่ได้ลองเขียนทำให้ได้ปากกาที่ถูกใจ และไม่เหมือนของที่ขายในโรงเรียนที่เพื่อนๆส่วนใหญ่ใช้กัน ภูมิใจที่มีปากกาสีสวยกว่าคนอื่นเขา หารู้ไม่ว่าต้องอดค่าขนมอีกตั้งหลายวัน
นอกจากนี้ส่วนเครื่องเขียน ยังได้ปรับปรุงพื้นที่มุมเล็กๆ มาขายอุปกรณ์ประกอบการใช้งานคอมพิวเตอร์ เช่นเมาส์ คีย์บอร์ด และแผ่นซีดีรอม ในสมัยที่คนยังไม่รู้จักอุปกรณ์สำรองข้อมูลแบบพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟ พื้นที่มุมเล็กๆนี้ช่วยให้ตัวผู้เขียนได้เริ่มมีความสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น ได้ใช้แผ่นซีดีมาเลือกใส่เพลง เล่นกับเครื่องเล่นแบบพกพา นับได้ว่าล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น
แต่ที่เสียดายมากที่สุด คือพื้นที่ส่วนขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ที่มีชุดทดลองมากมาย ตั้งแต่ระดับประถม ไปจนห้องทดลองมหาวิทยาลัย ตัวผู้เขียนมีความชื่นชอบการทดลองเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่ซื้อแว่นขยาย มาเผาใบไม้แห้ง โตมาหน่อยซื้อชุดวงจรมาต่อ มีเสียงออกได้ดีใจมาก ล่าสุดไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปซื้อสารเคมีมาเป็นส่วนผสม ทำการทดลองสอนเด็กมัธยมอีกที
หากมานึกดูแล้ว ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชดำเนิน นับเป็นจุดหมายที่ไปบ่อย รองจากบ้าน และโรงเรียน เป็นสถานที่ที่ต้องแวะเข้าไปทุกครั้งที่เดินผ่าน ถึงแม้จะไม่ได้ซื้ออะไรก็ตาม เพราะให้ความรู้สึกคุ้นเคย เจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มแย้มคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี ถึงแม้ที่แห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยไปตามกาลเวลา แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เดินเข้าไป จนถึงวันปิดปรับปรุงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดี ขอขอบคุณสถานที่แห่งนี้ ที่มีส่วนเติมเต็มชีวิตของผู้เขียน และขอให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นไปในทางที่ดี และก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิม
ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ราชดำเนิน ร้านค้าเคียงคู่นักเรียนไทย
https://pantip.com/topic/40025941
หากถามชาวกรุงเทพที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ให้หลับตานึกภาพรถเมล์ครีมแดง คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจน ทั้งพื้นทางเดินปูด้วยแผ่นไม้ เบาะนั่งสีน้ำตาล ติดหน้าต่างเปิดรับลมสู้ฝุ่นควันบนท้องถนน และเสียงเปิด-ปิดประตูอันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับผู้เขียนแล้ว ยังมีสถานที่หนึ่งที่ให้ความคุ้นเคยไม่แพ้รถเมล์ครีมแดง ระดับที่สามารถหลับตาอธิบายบรรยากาศ การจัดเรียงสิ่งของเกือบทุกซอกมุม และเดินเล่นได้อย่างสบายใจ สถานที่นั้นคือ ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชดำเนิน
ครั้งแรกสุดเท่าที่ย้อนนึกได้ คือเมื่อครั้งเดินทางไปกับคุณแม่เพื่อซื้อหนังสือเรียนช่วงก่อนเปิดภาคเรียนสมัยประถมต้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวกเพียงสองสถานีรถเมล์ ประกอบกับราคาที่ถูกกว่าซื้อกับทางโรงเรียน ซึ่งนอกจากหนังสือเรียนแล้ว ยังมีสินค้าอื่นขาย เช่นรองเท้านักเรียน แฟ้มใส่เอกสาร สมุดจด และกระเป๋านักเรียน ที่จะลดราคาในช่วงเดียวกัน แต่สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากเป็นพิเศษ คือตู้ขายน้ำแข็งเกล็ดหิมะปั่น ที่หากินได้ยากมาก เพราะสมัยนั้นร้านสะดวกซื้อเจ้าดังยังไม่ทำขายทั่วไป มีน้ำหวานให้เลือกแค่สองรส คือรสโคล่า กับ อีกรสชาติที่จะสลับผลัดเปลี่ยนไปบางช่วงเวลา ก่อนจะซื้อต้องดูว่าน้ำแข็งปั่นจับตัวรึยัง เพื่อให้น้ำแข็งเกล็ดหิมะไหลลงสู่แก้วกระดาษเคลือบเทียนไข แล้วพูนล้นออกมา สามารถใช้ปากงับทานตรงยอดได้
ระหว่างภาคเรียน ผู้เขียนจะได้โอกาสเป็นตัวแทนกลุ่ม ไปซื้อโปสเตอร์ และแผ่นพลาสติกลูกฟูก มาทำบอร์ดหลังห้องเรียน โดยพื้นที่ในส่วนข้างๆที่ขายโปสเตอร์นั้น จะขายกระดาษปกรายงาน หลายหลากสี ลวดลาย และกลิ่นหอม ให้เลือกคู่กับเทปสันปก หรือหากอยากได้รายงานสวยๆ ก็สามารถซื้อสันกระดูกงู เอาไปให้เจ้าหน้าที่เข้าเล่มก็ได้เช่นกัน
หากชอบเล่นกีฬา ก็สามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ในราคาค่อนข้างย่อมเยาว์ และมีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่ราคาถูกไปยังแพง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสลองมาเกือบทุกแบบ เมื่อตอนเพิ่งเริ่มฝึกเล่นปิงปอง ซื้อไม้กับลูกแบบถูกๆก็พอเล่นได้แล้ว แต่เมื่อมาเรียนวิชาพละที่บังคับเรียนตีปิงปองเพื่อวัดคะแนน จึงได้เหตุผลซื้อของที่ราคาแพงขึ้น แค่ลูกปิงปองรุ่นบัตเตอร์ฟลายสามดาวเพียงลูกเดียว ก็มีราคา 21บาทแล้ว แพงกว่าข้าวหนึ่งมื้อในสมัยนั้นเสียอีก
ส่วนที่ต้องไปเดินทุกครั้งที่เข้าไปซื้อของ คือส่วนเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะ ที่มีปากกาหลายแบบหลายยี่ห้อ และมีกระดาษจดให้ลองเขียนเป็นร้านแรกๆในประเทศ การที่ได้ลองเขียนทำให้ได้ปากกาที่ถูกใจ และไม่เหมือนของที่ขายในโรงเรียนที่เพื่อนๆส่วนใหญ่ใช้กัน ภูมิใจที่มีปากกาสีสวยกว่าคนอื่นเขา หารู้ไม่ว่าต้องอดค่าขนมอีกตั้งหลายวัน
นอกจากนี้ส่วนเครื่องเขียน ยังได้ปรับปรุงพื้นที่มุมเล็กๆ มาขายอุปกรณ์ประกอบการใช้งานคอมพิวเตอร์ เช่นเมาส์ คีย์บอร์ด และแผ่นซีดีรอม ในสมัยที่คนยังไม่รู้จักอุปกรณ์สำรองข้อมูลแบบพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟ พื้นที่มุมเล็กๆนี้ช่วยให้ตัวผู้เขียนได้เริ่มมีความสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น ได้ใช้แผ่นซีดีมาเลือกใส่เพลง เล่นกับเครื่องเล่นแบบพกพา นับได้ว่าล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น
แต่ที่เสียดายมากที่สุด คือพื้นที่ส่วนขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ที่มีชุดทดลองมากมาย ตั้งแต่ระดับประถม ไปจนห้องทดลองมหาวิทยาลัย ตัวผู้เขียนมีความชื่นชอบการทดลองเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่ซื้อแว่นขยาย มาเผาใบไม้แห้ง โตมาหน่อยซื้อชุดวงจรมาต่อ มีเสียงออกได้ดีใจมาก ล่าสุดไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปซื้อสารเคมีมาเป็นส่วนผสม ทำการทดลองสอนเด็กมัธยมอีกที
หากมานึกดูแล้ว ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชดำเนิน นับเป็นจุดหมายที่ไปบ่อย รองจากบ้าน และโรงเรียน เป็นสถานที่ที่ต้องแวะเข้าไปทุกครั้งที่เดินผ่าน ถึงแม้จะไม่ได้ซื้ออะไรก็ตาม เพราะให้ความรู้สึกคุ้นเคย เจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มแย้มคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี ถึงแม้ที่แห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยไปตามกาลเวลา แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เดินเข้าไป จนถึงวันปิดปรับปรุงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดี ขอขอบคุณสถานที่แห่งนี้ ที่มีส่วนเติมเต็มชีวิตของผู้เขียน และขอให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นไปในทางที่ดี และก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิม