ปรากฎการณ์พิศวงใต้โลก

ศูนย์กลางของจักรวาลในทัลซา



ตั้งชื่อตามเทศกาลดนตรีที่กำลังขยายตัวของเมือง ศูนย์กลางของจักรวาลนี้อยู่ในตัวเมืองทัลซาในรัฐโอคลาโฮมาของสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดประกอบด้วยวงกลมคอนกรีตที่ชำรุดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 นิ้ว ที่อยู่ตรงกลางของวงกลมอีก 8 ฟุต  มีเส้นผ่านศูนย์ประกอบด้วย
อิฐ 13 แถว
วงกลมนี้ตั้งอยู่บนสะพานคนเดิน Boston Avenue ระหว่าง Archer และ 1st Street สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือเมื่อมีคนยืนอยู่ตรงกลางของวงกลม จะหันหน้าไปทางใดก็ได้ และทำเสียงดัง   เสียงนั้นจะดังก้องขึ้นหลายครั้งกว่าที่ทำในตอนแรก  ใครที่ยืนอยู่ในวงกลมก็จะได้ยินเสียงนี้ด้วย ส่วนคนที่อยู่นอกวงกลมจะไม่สามารถได้ยิน

ไม่มีใครสามารถค้นหาความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ได้แม้แต่สถาปนิกที่ออกแบบสะพาน  อาจเป็นความผิดปกติของอะคูสติกที่ถูกสร้างขึ้นโดยบังเอิญในปี 1980 เมื่อวิศวกรสร้างส่วนของสะพานคนเดินนี้ขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มันถูกไฟไหม้รุนแรง

“ สิ่งที่มันเป็นอาจเป็นความบังเอิญ” สตีฟ Childers รองประธานของ Downtown Tulsa Unlimited กล่าว
สถาปนิกคาดการณ์ว่าเสียงก้องนี้เกิดจากการต่อขยายหรือมุมเหล็กที่ฝังอยู่ตามแยกที่อยู่ด้านใน แต่คนทั่วไปคิดว่าเสียงที่ก้องกังวานแบบที่เป็นนั้นมาจากการตัดครึ่งวงกลมและยกสูงขึ้นเล็กน้อยจากวงกลมรอบนอก



Cr.ภาพ  C Jill Reed / Flickr / mapio.net
ที่มา  ความลึกลับสากล / ทัลโลก
        https://board.postjung.com/1223022
Cr.https://www.amusingplanet.com/2015/11/the-center-of-universe-in-tulsa.html / โดยKaushik Patowary

สนามพลังแม่เหล็ก ลาดัคห์ 


ในภูมิภาคของลาดัคห์ ใกล้เทือกเขาหิมาลัย มีเนินเขาประหลาดเนินหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “ภูเขาสนามพลังแม่เหล็ก” (The Magnetic Hill Of Ladakh)
หากจอดรถอยู่บนถนน ปล่อยเกียร์ว่าง รอสักพักรถก็จะแล่นไปข้างหน้า (ด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง หรือ 12.4 ไมล์ต่อชั่วโมง) ทั้งที่ถนนยังเป็นถนน “ขึ้นเขาที่สูงชัน”  ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ได้รับความนิยมจากนักเดินทางเป็นอย่างมาก 
 
ในประเทศไทยก็มีเนินเขาพิศวงอยู่ในจังหวัดแพร่  อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 68 สายตาก-แม่สอด มีลักษณะเป็นทางขึ้นเนินที่แปลก คือเมื่อนำรถไปจอดไว้ตรงทางขึ้นเนินโดยไม่ได้ติดเครื่องรถจะไหลขึ้นเนินไปเอง โดยเป็นเนินพิศวงแห่งที่ 2 ของจังหวัดตากซึ่งมีพื้นที่เป็นเนินเขา เมื่อนำรถยนต์ไปจอด ดับเครื่องยนต์ ปลดเกียร์ว่าง และเปิดไฟฉุกเฉิน ณ จุดทดสอบซึ่งเป็นทางขึ้นเนิน รถยนต์จะวิ่งขึ้นเนินไปเอง

ที่มาแห่งความพิศวง สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากภาพลวงตา เพราะในความเป็นจริง เมื่อวัดระดับความสูงของพื้นที่สองจุดแล้ว ความสูงของเนินจะมีระดับต่ำกว่าช่วงที่เป็นทางขึ้นเนิน อย่างไรก็ตาม เนินพิศวงมิได้มีเฉพาะแต่ในจังหวัดตากเท่านั้น ในประเทศไทยสามารถพบเนินพิศวงได้ในจังหวัดอื่นๆด้วย

รวมแล้วมีเนินพิศวงทั้งสิ้น 5 จุดด้วยกันได้แก่ - บริเวณตรงกลางกิโลเมตรที่ 17.5 ถนนสายนางั่ว-สะเดาะพง (หมายเลข 2258) - บริเวณทางขึ้นเนินอยู่ถนนสายตาก-แม่สอด ตรงหลักกิโลเมตรที่ 68 - บริเวณทางไปจังหวัดแพร่ประมาณ กิโลเมตรที่.49 บนเส้นทางถนนสายแพร่-ลอง - บริเวณตำบลบ้านพระ อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีซึ่งเนินพิศวงนี้อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ น้ำตกเขาอีโต้ และอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ - เนินพิศวงอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 
Cr.ภาพ medium.com/
ที่มา https://youtu.be/gfDYuhpfZ4w
Cr.https://thai.tourismthailand.org/Attraction/เนินพิศวง

กองทัพคลื่นในแม่น้ำอเมซอน


ปรากฏการ์ณธรรมชาติที่จะเกิดประมาณ สองปีครั้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม จากการที่น้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก ( Atlantic Ocean ) ไหลย้อนขึ้นมาในแม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ คลื่นน้ำที่วิ่งต่อๆกันมายาวที่สุดในโลกบริเวณปากแม่น้ำ

ปรากฏการณ์นี้ได้ชื่อว่า ” Pororoca ” มาจากภาษาพื้นเมืองของชนเผ่าTupi ที่แปลว่า มหาเสียงกัมปนาท “great destructive noise” เนื่องจากเสียงจากการเกิดคลื่นนี้สามารถได้ยินล่วงหน้ากว่า 30นาที ก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนตัวมาถึง และยังทรงไปด้วยอนุภาพในการทำลายล้าง ทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ บ้านชาวพื้นเมืองรวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง

มนุษย์ที่หลงไหลในพลกำลังของมัน ได้รวมตัวกันโต้คลื่นโดยเริ่มตั้งแต่ปี 1999  ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย เนื่องจากคลื่นน้ำนั้นจะมีเศษไม้ซุงจำนวนมาก  พร้อมจะเข้ามากระแทรกนักโต้คลื่นได้ทุกเวลา จากการบันทึก นักโต้คลื่นชาวบราซิลเรี่ยน  Picuruta Salazar สามารถโต้คลื่นนี้ได้เป็นระยะทางกว่า 12.5 กิโลเมตร เป็นเวลากว่า 37 นาที  ยังมีนักโต้คลื่นอีกเป็นจำนวนมากที่หลงใหลในคลื่น Pororoca และพร้อมจะเสี่ยงเพื่อสัมผัสมัน 
ที่มา pod.allblogthai.com
Cr.http://nature-about-our.blogspot.com/2011/08/pororoca.html / เขียนโดย Cockroach_man 

กระแสเหล็กเหลวขนาดมหึมา


นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีเหล็กเหลวขนาดมหึมากำลังไหลเหมือนแม่น้ำที่ระดับลึกลงไปใต้ผิวโลกราว 3,000 กม. ตรงบริเวณอลาสกาและไซบีเรีย และมันกำลังมีความเร็วเพิ่มขึ้น 
กระแสของเหล็กหลอมเหลวขนาดใหญ่กว้างประมาณ 240 กม. อุณหภูมิสูงมากเกือบเท่าผิวของดวงอาทิตย์ มีความเร็วเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในช่วงเวลาไม่ถึงสองทศวรรษ และขณะนี้กำลังมุ่งหน้าไปด้านตะวันตกสู่ทวีปยุโรปด้วยความเร็ว 40 – 45 กม.ต่อปี ซึ่งเร็วกว่าของเหลวอื่นๆในแก่นโลกชั้นนอกสามเท่า 

ยังไม่มีใครทราบว่าทำไมกระแสเหล็กเหลวนี้จึงไหลเร็วขึ้น ทีมงานที่ค้นพบคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีมานานนับพันล้านปี และสามารถช่วยให้เราเข้าใจการเกิดขึ้นของสนามแม่เหล็กโลกที่ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีคอสมิคและลมสุริยะ  องค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency: ESA) ได้ส่งดาวเทียมสามดวงที่เรียกว่า Swarm ขึ้นสู่วงโคจรในปี 2013 เพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก
 
ความแตกต่างของอุณหภูมิ ความดัน และองค์ประกอบของแก่นโลกชั้นนอกนี้ทำให้เกิดการเคลื่อนที่และวังวนของโลหะเหลว ร่วมกับการหมุนของโลก ทำให้มันสร้างกระแสไฟฟ้า และตามมาด้วยการสร้างสนามแม่เหล็กโลกขึ้น



 
เมื่อนักวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลของดาวเทียมจากบริเวณแก่นโลกชั้นนอกด้านซีกโลกเหนือ พวกเขาได้พบกับกระเปาะของเส้นแรงแม่เหล็กลักษณะแปลกประหลาดบริเวณอลาสกาและไซบีเรีย แต่กระเปาะของเส้นแรงแม่เหล็กก็ไม่ได้อยู่กับที่ มันเคลื่อนที่ไปทางทวีปยุโรป ทีมงานบอกว่ามันกำลังถูกดันด้วยกระแสของเหล็กเหลว เนื่องจากการเคลื่อนไหวของมันเกิดจากการเคลื่อนที่ของเหล็กเหลว กระเปาะของเส้นแรงแม่เหล็กจึงทำหน้าที่เหมือนกับเป็นเครื่องบ่งชี้ให้นักวิจัยสามารถติดตามการไหลของเหล็กเหลวได้

นักวิจัย บอกว่ากระแสของเหล็กเหลวเกิดจากการเคลื่อนที่ของเหล็กเหลวรอบแก่นโลกชั้นใน ติดกับแก่นโลกชั้นในมีวังวนของเหล็กเหลวรูปทรงกระบอกแนวเหนือใต้ในแก่นโลกชั้นนอก ตรงจุดที่กระบอกวังวนเจอกับแก่นโลกชั้นในมันจะเป็นเหมือนลูกกลิ้งรีดเหล็กเหลวด้านข้างทำให้เกิดกระแสเหล็กเหลวขึ้น และทำให้เกิดสนามแม่เหล็กลักษณะเป็นกระเปาะที่ดาวเทียมได้ค้นพบ
 
ทีมวิจัยพบว่ากระแสเหล็กเหลวมีความเร็วเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงตอนนี้มันเคลื่อนที่เร็วเป็นสามเท่าของส่วนประกอบอื่นในแก่นโลกชั้นนอก และเร็วกว่านับแสนเท่าเมื่อเทียบกับการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก  ในตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมกระแสเหล็กเหลวจึงเคลื่อนที่เร็วขึ้น นักวิจัยคาดว่ามันเป็นวัฏจักรตามธรรมชาติภายในของโลกที่เกิดขึ้นนับพันล้านปีมาแล้ว
ข้อมูลและภาพจาก  esa, sciencealert
Cr.https://www.takieng.com/stories/2879

Stone of Davasko ในอาร์เจนตินา


หินขนาดใหญ่มีรูปร่างคล้ายลูกบาศก์ มีน้ำหนักมากประมาณสิบเอ็ดตัน แต่สามารถตั้งบนขอบหน้าผาได้ แถมยังสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนนั้นได้อีกด้วย เหตุผลหลักๆ มาจากการวางน้ำหนักที่สมดุลสัมพันธ์กับศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงโลก แต่ชาวบ้านจำนวนมากกลับเชื่อว่าก้อนหินนี้มีพลังงานและสิ่งลึกลับอาศัยอยู่ 
 ในปี ค.ศ. 1912 หินของดาแวสโก้ได้ถล่มลงมาโดยไม่คาดคิด จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซม โดยการใช้เชือกเกี่ยวก้อนหินเอาไว้บริเวณขอบหน้าผาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้คนรุ่นหลังยังสามารถระลึกถึงความมหัศจรรย์ของหินก้อนนี้ได้         
ที่มา teepr
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR
Cr.http://www.liekr.com/post09035771008668

 "ต้นไม้พ่นน้ำ" แห่งมอนเตเนโกร


ภายในหมู่บ้านเล็กๆ Dinoša ประเทศมอนเตเนโกร เกิดปรากฎการณ์แปลกประหลาดกับต้นมัลเบอร์รี่ต้นหนึ่ง ที่กลายมาเป็นน้ำพุธรรมชาติทุกครั้ง หลังจากที่มีฝนตกหนักในบริเวณดังกล่าวจนกลายเป็นแอ่ง   ตามปกติทั่วไปแล้ว ต้นไม้จะไม่พ่นน้ำออกมาในแบบลักษณะน้ำพุเช่นนี้ อย่างไรก็ตามคำอธิบายปรากฎการณ์ดังกล่าว ถูกบอกเล่าผ่านในคลิปวิดีโอของเว็บไซต์ Radio Free Europe
 
เมื่อพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ทุ่งหญ้าที่ต้นมัลเบอร์รี่เติบโต จะพบว่ามีหลุมน้ำซับเป็นจำนวนมาก (Underground Spring การไหลของน้ำใต้ดินที่ตัดกับผิวดินโดยธรรมชาติ) ซึ่งในพื้นที่บริเวณนี้มักเกิดน้ำท่วมขังทุกครั้งเมื่อมีฝนตกหนัก   ด้วยแรงของน้ำซับที่สามารถผุดออกมาจากผิวดินได้โดยแรงโน้มถ่วง จึงเกิดเป็นแรงดันน้ำแทรกซึมขึ้นตรงกลางลำต้น รวมไปถึงผุดออกมาจากหลุมบนพื้นดินทั่วบริเวณ
 
ชาวบ้านในท้องถิ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ต้นมัลเบอร์รี่ต้นนี้ มีอายุมากกว่า 100 ปี หรืออาจจะ 150 ปี และปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องมานาน 20 – 25 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครเข้าไปทำให้เกิดขึ้น  หรือใส่อะไรไว้ข้างในต้นไม้ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ ด้วยเหตุผลของแรงดันจากน้ำซับและเป็นพื้นที่แอ่งน้ำในช่วงฝนตกหนัก
ที่มา: rferl, odditycentral
Cr. https://www.catdumb.com/fountain-water-tree-290/  By เหมียวเลเซอร์


แม่น้ำทั้งสายสาบสูญหลังเกิดแผ่นดินไหว


เว็บไซต์ Earthquake-report.com รายงานว่าหลังเกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกที่คอสตาริกา ชาวบ้านแถบนั้นพบว่าแม่น้ำกัวคาลิโต แห้งเหือดไป
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าน้ำในแม่น้ำหายได้อย่างไร แต่มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 กรณีคือ อาจเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่หลังแผ่นดินไหวหรือว่าแรงสั่นสะเทือนจากธรณีพิโรธก่อสิ่งกีดขวางทางน้ำจนทำให้แม่น้ำซึ่งอยู่ใกล้ภูเขาไฟมิราวัลเลสแห้งเหือด ขณะที่ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ติดชายแดนนิการากัว ใกล้ๆกับภูเขาไฟแห่งนี้

น้ำในแม่น้ำแห้งเหือดเป็นเรื่องแปลกแต่จริง และเหตุการณ์นี้ก็ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้น ในปี 2010 แม่น้ำอิสกา ในสโลวาเกีย เหือดแห้งแบบไร้ร่องรอย หลังชาวบ้านได้ยินเสียงโครมครามดังสนั่นตอนกลางคืน ก่อนที่ในเช้าวันต่อมาก็พบว่าแม่น้ำทั้งสายหายไป เหลือไว้เพียงเหล่าปลาและสัตว์น้ำอื่นๆที่นอนเกลื่อนเส้นทางน้ำ  สันนิษฐานกันว่าน้ำในแม่น้ำแห่งนี้ได้ไหลลงสู่รอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้เส้นทางน้ำ 

และยังมีน้ำในอ่างกักเก็บน้ำในฮันต์สบิวรี ของนิวซีแลนด์ กว่า 36 ล้านลิตรหายไป ตามหลังแผ่นดินไหวระดับ 6.3 เขย่าไครส์ตเชิร์ช เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
Cr.  https://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=397792        

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่