ว่าด้วยเรื่องการกัดเซาะชายฝั่งและการที่พบสันทรายในน้ำน้อยลง

🌊 ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งคืออะไร?
การกัดเซาะชายฝั่ง คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการกัดเซาะของคลื่น ลม และกระแสน้ำ ทำให้ตะกอนถูกพัดพาออกจากบริเวณเดิม และแนวชายฝั่งมีการเปลี่ยนแปลงหรือถอยร่นเข้าสู่แผ่นดินค่ะ
🔬 สาเหตุหลักของการกัดเซาะชายฝั่ง
การกัดเซาะชายฝั่งเกิดได้จากทั้งสาเหตุตามธรรมชาติและจากกิจกรรมของมนุษย์ค่ะ
• สาเหตุตามธรรมชาติ:
• คลื่นและกระแสน้ำ: เป็นปัจจัยหลักที่กัดเซาะและพัดพาตะกอน
• ลม: ทำให้เกิดคลื่นและพัดพาทราย
• การทรุดตัวของแผ่นดิน: โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยมีการสูบน้ำบาดาลมาก่อน
• การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล: เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ทำให้น้ำทะเลรุกเข้าสู่แผ่นดินมากขึ้น
• สาเหตุจากการกระทำของมนุษย์:
• การสร้างโครงสร้างริมชายฝั่ง: เช่น เขื่อนกันคลื่น (Breakwater), กำแพงกันคลื่น (Seawall), หรือคันดักทราย (Groin) ซึ่งอาจไปขัดขวางการไหลเวียนของตะกอนตามธรรมชาติ ทำให้อีกพื้นที่ถูกกัดเซาะมากขึ้น
• การสร้างเขื่อนหรือฝายกั้นแม่น้ำ: ทำให้ปริมาณตะกอนที่พัดพามาสู่ชายฝั่งลดลง
• การดูดทรายในแม่น้ำหรือทะเล
📉 ผลกระทบที่เกิดขึ้น
• ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ: ทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการเสียหาย รวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ
• ความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ: การสูญเสียป่าชายเลนและพื้นที่อาศัยของสัตว์ทะเล
• การสูญเสียพื้นที่: แนวชายฝั่งถอยร่น แผ่นดินถูกน้ำทะเลรุกเข้า
💡 แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น
มีการดำเนินการแก้ไขหลากหลายวิธี ทั้งการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมและการใช้มาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
• โครงสร้างทางวิศวกรรม:
• การสร้างกำแพงกันคลื่น, คันดักทราย, เขื่อนกันทรายและคลื่น (ควรศึกษาผลกระทบข้างเคียงอย่างรอบคอบ)
• การสร้างหาดใหม่ (Beach Nourishment)
• มาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
• การปลูกป่าชายเลน
• การสร้างแนวป้องกันหรือแนวสลายคลื่นจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่
• การบังคับใช้กฎหมายการใช้ที่ดินอย่างเคร่งครัช

*การเปรี่ยนแปรงจากเมื่อก่อนที่จะเห็นหาดในน้ำบ่อยและยาว แต่ตอนนี้ไม่ค่อยพบเห็นบ่งบอกถึงปัญหา*

ที่คุณสังเกตเห็นนั้น ถูกต้องตามหลักการของปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน เลยค่ะ
ในอดีต ชายหาดจะมี "วัฏจักรตามฤดูกาล" หรือ "สมดุลพลวัต (Dynamic Equilibrium)" คือ:
1. ช่วงมรสุม/คลื่นแรง: คลื่นจะมีลักษณะกัดเซาะ (Erosional Wave) ที่พัดพาทรายจากหาดออกไปเก็บไว้ในทะเลเป็นสันทรายใต้น้ำ
2. ช่วงปลอดมรสุม/คลื่นสงบ: คลื่นจะมีลักษณะสร้างสรรค์ (Constructive Wave) ที่พัดพาทรายจากสันทรายใต้น้ำกลับเข้ามาชดเชยที่ชายหาด ทำให้หาดกลับมากว้างเหมือนเดิม
แต่ปัจจุบัน สมดุลนี้ถูกทำลายลง ทำให้ตะกอนทรายไหลออกมากกว่าไหลกลับ จนเกิดเป็นการ "กัดเซาะเรื้อรัง (Chronic Erosion)" สาเหตุหลัก ๆ มาจากปัจจัยที่มนุษย์สร้างขึ้นและปัจจัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นค่ะ
🧐 ทำไมสมดุลของทรายจึงเสียไป?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรายถูกพัดออกไปอย่างเดียวและไม่พัดกลับมาเพียงพอ มีดังนี้ค่ะ
1. 🏞️ การขาดแคลนตะกอนทรายมาหล่อเลี้ยงชายหาด
• การสร้างเขื่อนและฝายกั้นแม่น้ำ:
• แม่น้ำเป็นแหล่งสำคัญที่พัดพาตะกอนทรายและดินลงสู่ทะเล เพื่อไปหล่อเลี้ยงชายหาดบริเวณปากแม่น้ำและชายฝั่งข้างเคียง
• เมื่อสร้างเขื่อน ตะกอนเหล่านี้จะถูกกักเก็บไว้ที่ด้านบนของเขื่อน ทำให้ ปริมาณตะกอนใหม่ที่จะมาเสริมชายหาดลดลงอย่างมาก
• การดูดทรายในแม่น้ำและทะเล:
• การทำเหมืองทรายหรือดูดทรายเพื่อการก่อสร้าง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ลดปริมาณทรายในระบบนิเวศชายฝั่ง
2. 🚧 การก่อสร้างโครงสร้างริมชายฝั่ง (Hard Structures)
• กำแพงกันคลื่น (Seawall) หรือเขื่อนหิน:
• วัตถุประสงค์คือเพื่อป้องกันสิ่งปลูกสร้าง แต่กำแพงจะ สะท้อนพลังงานคลื่นกลับออกไปอย่างรุนแรง
• คลื่นสะท้อนเหล่านี้จะไปรบกวนการเคลื่อนที่ของตะกอนบริเวณหน้ากำแพง และกัดเซาะทรายบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้หาดด้านหน้ากำแพงหายไป
• คันดักทราย (Groin) หรือเขื่อนกันทรายและคลื่น (Breakwater):
• โครงสร้างเหล่านี้จะดักทรายที่พัดมาตามกระแสน้ำชายฝั่ง (Longshore Current) ทำให้หาดด้านต้นน้ำ (Up-current) กว้างขึ้น
• แต่ในขณะเดียวกัน หาดด้านปลายน้ำ (Down-current) ที่ควรจะได้ทรายไปหล่อเลี้ยง จะขาดแคลนตะกอนอย่างหนัก และถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงแทน
3. 🌀 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
• ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น:
• เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น น้ำจะรุกเข้ามาในแผ่นดินมากขึ้น ทำให้คลื่นสามารถซัดไปถึงพื้นที่ที่เคยเป็นหลังหาด (Backshore) และพาทรายออกไปได้ง่ายขึ้น
• พายุและความรุนแรงของคลื่น:
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดพายุที่ถี่และรุนแรงมากขึ้น ทำให้คลื่นที่มีลักษณะกัดเซาะมีความถี่และพลังทำลายที่สูงกว่าเดิมมาก
สรุปคือ: การที่ทรายถูกพัดออกไปอย่างเดียว จนชายหาดเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ นั้น เป็นเพราะ ปริมาณทรายที่ควรจะมาเสริมชายหาด (Input) ลดลงอย่างมาก ในขณะที่ พลังงานในการกัดเซาะและพัดพาทรายออกไป (Output) กลับเพิ่มสูงขึ้น จนระบบไม่สามารถกลับคืนสู่สมดุลตามธรรมชาติได้เหมือนในอดีตค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่