สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ผมขอก็อปบางส่วนที่เคยไปตอบไว้ใน blognone แล้วก้อแชร์เรื่องราวที่เคยได้สัมผัสมาบ้าง จากที่ได้ยินจากคนรู้จักที่อยู่ใน 3GPP (หน่วยงานกลางที่วางมาตรฐานตั้งแต่ 3G จนถึงปัจจุบัน) นะคับ
เรื่องใครเจ๋งกว่า อันนี้ก้อแล้วแต่คนจะคิดล่ะคับ แต่ละคนก้อมีเทคโนโลยีที่เจ๋งๆ ทั้งนั้นล่ะ เข้าใจว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ perception จาก Huawei มากกว่า เพราะมีครบทั้ง ecosystem ตั้งแต่โครงข่าย เสาส่ง หรือแม้แต่ตัวโทรศัพท์เอง (มีครบวงจรอีกบริษัทหนึ่งก้อน่าจะเป็น Samsung) ในขณะที่ฝั่งยุโรปอเมริกาเองส่วนมากจะเน้น specialize ไปในทางของตัวเองมากกว่า ซึ่งนั่นก้ออาจจะทำให้หลายคนไม่ค่อยคุ้นชื่อ เช่น Qualcomm ที่ผลิตชิปอย่างเดียว แต่เป็นตัวเป้งใน 3GPP หรือแม้แต่ผู้ที่เคยล้มเหลวในการผลิตโทรศัพท์มือถืออย่าง Nokia, Ericsson เองก้อมีเทคโนโลยีอยู่ใน 3GPP ไม่น้อยคับ
กลับมาที่เรื่องวางมาตรฐานต่อ ... คือแต่ละเจ้าก็มีสิทธิบัตรหรือเทคโนโลยีเป็นของตัวเองทั้งนั้นคับ ซึ่งก้อเท่าที่ทุกคนทราบตามข่าวนั่นแหละว่า Huawei มีมากที่สุด แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะถูกบรรจุเข้ามาตรฐานหรือไม่ (สิทธิบัตรที่ได้รวมเข้ากับมาตรฐานจะถูกเรียกว่า Standard Essential Patent: SEP) บางทีมันต้องเกิดจาก collaboration ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี หรือแม้แต่การเมืองคับ เช่น ทำการทดลอง หรือศึกษาในระดับ system-level ร่วมกัน (เช่น Qualcomm ทดลอง mmWave antenna ร่วมกับ Ericsson หรือ Huawei ทดลองเสาส่งร่วมกับ NTT Docomo อะไรประมาณนี้) ซึ่งการยื่น study item ที่เกิดจากหลายหน่วยงานจะดูมีน้ำหนักมากกว่าคับ ส่วนในแง่ของการเมือง ก้อมีทั้งขอกำลังสนับสนุนยกมือ หรือแม้แต่ลอบบี้คับ
ซึ่งการที่ไปบล็อกไม่ให้บริษัทสหรัฐ (ซึ่งส่วนมากเป็นพวกเฉพาะทาง ไม่ค่อยมี ecosystem เต็มรูปแบบ แถมยังมีบางบริษัทที่เน้นขายเทคโนโลยีอย่างเดียว เช่น InterDigital อีกด้วย) วางมาตรฐานร่วมกับจีน ก้อเหมือนตัดแข้งตัดขาตัวเอง แถมไปลดเสียงสนับสนุนตัวเองในการประชุม 3GPP นั่นแหละคับ
แล้วก็ การมีสัดส่วนสิทธิบัตรใน SEP มากๆ นั้น ทำให้บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีสามารถเรียกค่า royalty ได้ในสัดส่วนที่มากขึ้นอีกด้วย หลายๆ บริษัทเลยค่อนข้างให้ความสำคัญกับ SEP มากคับ มีแม้กระทั่งรวมหลายบริษัทเพื่อตั้ง patent pool สำหรับผลักดันเทคโนโลยีเข้า SEP และหารายได้จากส่วนนี้ด้วยคับ
เรื่องใครเจ๋งกว่า อันนี้ก้อแล้วแต่คนจะคิดล่ะคับ แต่ละคนก้อมีเทคโนโลยีที่เจ๋งๆ ทั้งนั้นล่ะ เข้าใจว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ perception จาก Huawei มากกว่า เพราะมีครบทั้ง ecosystem ตั้งแต่โครงข่าย เสาส่ง หรือแม้แต่ตัวโทรศัพท์เอง (มีครบวงจรอีกบริษัทหนึ่งก้อน่าจะเป็น Samsung) ในขณะที่ฝั่งยุโรปอเมริกาเองส่วนมากจะเน้น specialize ไปในทางของตัวเองมากกว่า ซึ่งนั่นก้ออาจจะทำให้หลายคนไม่ค่อยคุ้นชื่อ เช่น Qualcomm ที่ผลิตชิปอย่างเดียว แต่เป็นตัวเป้งใน 3GPP หรือแม้แต่ผู้ที่เคยล้มเหลวในการผลิตโทรศัพท์มือถืออย่าง Nokia, Ericsson เองก้อมีเทคโนโลยีอยู่ใน 3GPP ไม่น้อยคับ
กลับมาที่เรื่องวางมาตรฐานต่อ ... คือแต่ละเจ้าก็มีสิทธิบัตรหรือเทคโนโลยีเป็นของตัวเองทั้งนั้นคับ ซึ่งก้อเท่าที่ทุกคนทราบตามข่าวนั่นแหละว่า Huawei มีมากที่สุด แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะถูกบรรจุเข้ามาตรฐานหรือไม่ (สิทธิบัตรที่ได้รวมเข้ากับมาตรฐานจะถูกเรียกว่า Standard Essential Patent: SEP) บางทีมันต้องเกิดจาก collaboration ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี หรือแม้แต่การเมืองคับ เช่น ทำการทดลอง หรือศึกษาในระดับ system-level ร่วมกัน (เช่น Qualcomm ทดลอง mmWave antenna ร่วมกับ Ericsson หรือ Huawei ทดลองเสาส่งร่วมกับ NTT Docomo อะไรประมาณนี้) ซึ่งการยื่น study item ที่เกิดจากหลายหน่วยงานจะดูมีน้ำหนักมากกว่าคับ ส่วนในแง่ของการเมือง ก้อมีทั้งขอกำลังสนับสนุนยกมือ หรือแม้แต่ลอบบี้คับ
ซึ่งการที่ไปบล็อกไม่ให้บริษัทสหรัฐ (ซึ่งส่วนมากเป็นพวกเฉพาะทาง ไม่ค่อยมี ecosystem เต็มรูปแบบ แถมยังมีบางบริษัทที่เน้นขายเทคโนโลยีอย่างเดียว เช่น InterDigital อีกด้วย) วางมาตรฐานร่วมกับจีน ก้อเหมือนตัดแข้งตัดขาตัวเอง แถมไปลดเสียงสนับสนุนตัวเองในการประชุม 3GPP นั่นแหละคับ
แล้วก็ การมีสัดส่วนสิทธิบัตรใน SEP มากๆ นั้น ทำให้บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีสามารถเรียกค่า royalty ได้ในสัดส่วนที่มากขึ้นอีกด้วย หลายๆ บริษัทเลยค่อนข้างให้ความสำคัญกับ SEP มากคับ มีแม้กระทั่งรวมหลายบริษัทเพื่อตั้ง patent pool สำหรับผลักดันเทคโนโลยีเข้า SEP และหารายได้จากส่วนนี้ด้วยคับ
แสดงความคิดเห็น
ผมสงสัยเรื่อง 5G ที่ว่า Huawei ถือสิทธิบัตรมากสุด สหรัฐต้องพึ่งพาจริงไหม?
พอดีผมเห็นข่าวตอนเช้าว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยอมแก้กฏ ค้าขายกับ huawei เฉพาะเรื่อง 5G เท่านั้น ไม่รู้ว่าหัวเว่ยตอบตกลงไหม แต่เราอ่านข่าว เลยสงสัยว่า สหรัฐไม่กลัวว่าหัวเว่ยจะปฎิเสธไม่ค้าขายด้วยเหรอ คือประสาคิดตามคนปรกติเลย ในเมื่อไปแบนหัวเว่ยก่อน อีกฝั่งเขาก็ต้องโกรธสิถูกไหม แล้วมันไม่เป็นการเสียหน้าในมุมของสหรัฐหรอกเหรอ
ผมไปอ่านเจอข้อมูลเก่าๆบอกว่า Huawei ถือสิทธิบัตร 5G มากสุด ไม่ทราบว่าจริงไหม พอ + กับข่าวเมื่อเช้า เลยวิเคราะห์เองตามรูปการณ์ว่า ปัจจุบันสหรัฐเองจำเป็นก็ต้องพึ่งสิทธิบัตรเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย ใช่ไหม หรือผมเข้าใจผิด? สามารถบอกได้
ต่อมาในมุมการแข่งขัน ส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อว่า บ.หัวเว่ย รัฐบาลจีนเขาปั้นมานะ แต่คำถามคือ ถ้าจีนต้องการเตะตัดขาคู่แข่งสำคัญอย่างสหรัฐ ซึ่ง 5G ที่อ่านแล้วมันเป็นเทคโนโลยีสำคัญกับโลกอีกหลายสิบปี ถ้าจีนสั่งหัวเว่ยไม่ขายสิทธิบัตรให้ เพราะเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้จีนก้าวนำสหรัฐในเทคโนโลยีหลายๆอย่างได้ ในมุมของสหรัฐมีทางแก้เรื่องนี้ไหม? อย่างไร?
หรือสรุปง่ายๆว่า 5G ของสหรัฐ ที่มีในมือตอนนี้อ่ะ มีระดับไหนเมื่อเทียบหัวเว่ย คือต้องพึ่งหัวเว่ยไหม หรือว่าไม่ต้อง ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความเห็นครับ