หากยังคิดหรือเอะอะก็พูดว่า “เซินเจิ้น” เป็นเมืองของสินค้าก็อป… เราอาจกำลังใช้ความเข้าใจในอดีตมาตัดสินโลกอนาคต
.
และถ้าพูดกับคนจีน เขาจะหัวเราะเยาะกลับมาได้เลย (ในใจคิดว่าคนพูดนี่ทำไมล้าหลัง ล้าสมัย ไม่อัพเดทอะไรขนาดนี้)
.
ในปี 2025 เซินเจิ้นไม่ใช่เมืองก็อปปี้อีกต่อไป แต่สมัยก่อนมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แหละ…
.
ในทศวรรษ 1980–1990 เซินเจิ้นยังเป็นเพียงหมู่บ้านชายแดนติดฮ่องกง ก่อนจะถูกจัดตั้งเป็น “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” แห่งแรกของจีน
.
รัฐบาลจีนเปิดประเทศเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาตั้งโรงงาน ทั้งฮิตาชิ โตชิบา ฟิลิปส์ และฟ็อกซ์คอนน์ ต่างเข้ามาในเมืองนี้
.
คนจีนจำนวนมากเริ่มต้นชีวิตจากการเป็น “แรงงาน” และเรียนรู้วิธีผลิตสินค้าโดยการลอกเลียนแบบ
.
เครื่องเล่น MP3, นาฬิกา, มือถือ ฯลฯ และใช้ตลาดค้าส่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปทั่วประเทศ
.
จนสื่อตะวันตกรายงานข่าวเกี่ยวกับ สินค้า Made in China ที่ส่วนใหญ่มาจากเซินเจิ้นผ่านเข้าฮ่องกงในเวลานั้นไปในแนวทางเดียวกัน
.
ว่าไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton ปลอม, iPhone จีน, หูฟังก็อป ฯลฯ ใช้ 3 วันพัง!
.
และเนื่องจากเซินเจิ้นคือศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับประเทศ ภาพลักษณ์ของ “เมืองแห่งของปลอม” จึงติดตัวไปโดยปริยาย
.
ยิ่งไปกว่านั้น จีนตอนนั้นยังขาดการสื่อสารเชิงรุก ไม่มีนโยบาย Brand China หรือการประชาสัมพันธ์นวัตกรรมของตนเองในระดับโลก
.
ทำให้โลกภายนอกรับรู้เพียงด้านเดียวของเมืองนี้
.
กระทั่งราวปี 2012 เป็นต้นมา โลกเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ แต่รุนแรงในเซินเจิ้น
.
ปรากฏการณ์บริษัทจีนจดสิทธิบัตรมหาศาล เช่น Huawei, DJI, BYD
, Xiaomi หลายคนใช้แล้วสินค้าจีนก็ดีเกินคาดจริง ๆ
.
เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองที่จด สิทธิบัตรระหว่างประเทศมากที่สุดในโลกต่อเนื่องกว่า 10 ปี
.
เมืองนี้มีงบลงทุน R&D สูงถึง 5.8% ของ GDP (สูงกว่าเกาหลีใต้ เยอรมนี หรือแม้แต่สหรัฐ)
.
เฉพาะในเซินเจิ้น มีบริษัทไฮเทคเกิดใหม่วันละ 2.6 บริษัท
.
จากที่เคยขายมือถือปลอม วันนี้คือบ้านเกิดของบริษัทระดับโลก เช่น DJI (โดรนอันดับ 1 ของโลก) หรือ BYD (รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก)
.
แล้วเรายังจะพูดว่า “ขี้ก็อป” อยู่หรือ?
.
การพูดว่า “เซินเจิ้นขี้ก็อป” ในวันนี้ เปรียบได้กับการพูดว่า…
.
“ญี่ปุ่นไม่เคยคิดอะไรเอง มีแต่เลียนแบบตะวันตก”
“เกาหลีใต้ไม่เก่งหรอก ก็แค่ก็อปญี่ปุ่นมาอีกที”
.
ซึ่งอาจเคยจริงในปี 1960 แต่พูดในปี 2025 คือ ไม่ทันโลก ตกเทรนด์อย่างแรง
.
จนคนเซินเจิ้นถ้าได้ยินเขาอาจจะถามกลับได้เลยว่า…
.
“เซินเจิ้นบ้านเราพัฒนาแล้ว แล้วความคิดท่านพัฒนารึยัง!?”
.
#ไทยคำจีนคำ
CR
https://www.facebook.com/share/1CumggiRiH/?mibextid=wwXIfr
ใครยังคิดว่า “เซิ่นเจิ้น” เป็นเมืองแห่งการ Copy อยู่บ้าง?
.
และถ้าพูดกับคนจีน เขาจะหัวเราะเยาะกลับมาได้เลย (ในใจคิดว่าคนพูดนี่ทำไมล้าหลัง ล้าสมัย ไม่อัพเดทอะไรขนาดนี้)
.
ในปี 2025 เซินเจิ้นไม่ใช่เมืองก็อปปี้อีกต่อไป แต่สมัยก่อนมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แหละ…
.
ในทศวรรษ 1980–1990 เซินเจิ้นยังเป็นเพียงหมู่บ้านชายแดนติดฮ่องกง ก่อนจะถูกจัดตั้งเป็น “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” แห่งแรกของจีน
.
รัฐบาลจีนเปิดประเทศเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาตั้งโรงงาน ทั้งฮิตาชิ โตชิบา ฟิลิปส์ และฟ็อกซ์คอนน์ ต่างเข้ามาในเมืองนี้
.
คนจีนจำนวนมากเริ่มต้นชีวิตจากการเป็น “แรงงาน” และเรียนรู้วิธีผลิตสินค้าโดยการลอกเลียนแบบ
.
เครื่องเล่น MP3, นาฬิกา, มือถือ ฯลฯ และใช้ตลาดค้าส่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปทั่วประเทศ
.
จนสื่อตะวันตกรายงานข่าวเกี่ยวกับ สินค้า Made in China ที่ส่วนใหญ่มาจากเซินเจิ้นผ่านเข้าฮ่องกงในเวลานั้นไปในแนวทางเดียวกัน
.
ว่าไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton ปลอม, iPhone จีน, หูฟังก็อป ฯลฯ ใช้ 3 วันพัง!
.
และเนื่องจากเซินเจิ้นคือศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับประเทศ ภาพลักษณ์ของ “เมืองแห่งของปลอม” จึงติดตัวไปโดยปริยาย
.
ยิ่งไปกว่านั้น จีนตอนนั้นยังขาดการสื่อสารเชิงรุก ไม่มีนโยบาย Brand China หรือการประชาสัมพันธ์นวัตกรรมของตนเองในระดับโลก
.
ทำให้โลกภายนอกรับรู้เพียงด้านเดียวของเมืองนี้
.
กระทั่งราวปี 2012 เป็นต้นมา โลกเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ แต่รุนแรงในเซินเจิ้น
.
ปรากฏการณ์บริษัทจีนจดสิทธิบัตรมหาศาล เช่น Huawei, DJI, BYD
, Xiaomi หลายคนใช้แล้วสินค้าจีนก็ดีเกินคาดจริง ๆ
.
เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองที่จด สิทธิบัตรระหว่างประเทศมากที่สุดในโลกต่อเนื่องกว่า 10 ปี
.
เมืองนี้มีงบลงทุน R&D สูงถึง 5.8% ของ GDP (สูงกว่าเกาหลีใต้ เยอรมนี หรือแม้แต่สหรัฐ)
.
เฉพาะในเซินเจิ้น มีบริษัทไฮเทคเกิดใหม่วันละ 2.6 บริษัท
.
จากที่เคยขายมือถือปลอม วันนี้คือบ้านเกิดของบริษัทระดับโลก เช่น DJI (โดรนอันดับ 1 ของโลก) หรือ BYD (รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก)
.
แล้วเรายังจะพูดว่า “ขี้ก็อป” อยู่หรือ?
.
การพูดว่า “เซินเจิ้นขี้ก็อป” ในวันนี้ เปรียบได้กับการพูดว่า…
.
“ญี่ปุ่นไม่เคยคิดอะไรเอง มีแต่เลียนแบบตะวันตก”
“เกาหลีใต้ไม่เก่งหรอก ก็แค่ก็อปญี่ปุ่นมาอีกที”
.
ซึ่งอาจเคยจริงในปี 1960 แต่พูดในปี 2025 คือ ไม่ทันโลก ตกเทรนด์อย่างแรง
.
จนคนเซินเจิ้นถ้าได้ยินเขาอาจจะถามกลับได้เลยว่า…
.
“เซินเจิ้นบ้านเราพัฒนาแล้ว แล้วความคิดท่านพัฒนารึยัง!?”
.
#ไทยคำจีนคำ
CR https://www.facebook.com/share/1CumggiRiH/?mibextid=wwXIfr