สวัสดีค่ะ จขกท มีความอัดอั้น เลยขอหนทางระบาย ขอเริ่มจาก ตัว จขกท กับสามี แต่งงานกันได้ 1ปีแล้วค่ะ
พื้นเดิม ตัว จขกท เป็นคนฐานะปานกลางถึงดี ที่บ้านมีธุรกิจเอกชน มีที่ดินมีสวน มีบ้านรถ เป็นของตัวเอง และครอบครัวก็มีบ้านหลายหลังรถหลายคัน บ้าน เป็นคนไทยจีน
สามี ที่บ้านเป็นคนฐานะปานกลาง พ่อแม่ ที่ บ้านเป็นข้าราชการ แม่สามีเป็นครึ่งจีน พ่อสามีเป็นคนใต้ไทยแท้
ก่อนแต่งงาน ตัวเราเองเคยไปบ้านสามีบ้างครั้งแรกที่ไปก็ ที่บ้านสามี พาไปทานข้าว ทุกครั้งแม่สามีเป็นคนจ่าย ตลอด สามีบอกว่าพ่อทำงานได้เงินน้อย เลยไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายทางบ้าน
ซึ่งเรื่องนี้เราเอง ก็รุ้สึกแปลกๆ แต่ก็พยายามเข้าใจเพราะวัฒนธรรมแต่ละบ้านมีความต่างกัน
หลังคบกันได้6ปี สามีมาขอแต่งงาน ตัดสินใจแต่งงานปีที่7 เดิมบ้านเราเป็นห่วงมาก สามี ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ทางบ้านไม่มีสมบัติ มีหนี้คือบ้านของพ่อแม่สามี ที่สามีกำลังช่วยผ่อน ที่บ้านเราเป็นห่วงมากกกกก กลัวเราจะต้องลำบาก แต่สุดท้าย ที่บ้านก็เห็นเรารักเค้าดี และเค้าเองเป็นคนดี เรียบร้อย ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ มีการงานดีอนาคตดี จึงตกลง ให้แต่งงาน
ระหว่างเตรียมแต่งงาน ทางบ้านสามี ไม่มี ยื่นมือมาช่วยเลย สามี เตรียมเงินสินสอด ซึ่งไม่ขอพ่อแม่อยู่แล้วเนื่องจากพ่อแม่ก็ไม่มี ซึ่งก้อเป็นเรื่องดี แต่กลายเป็นเงินจัดงานทั้งหมดตกเป็นหน้าที่เราเอง เราออกเงินจัดงานเกือบ6แสน ซึ่ง ตอนนั้น ที่บ้านผิดสังเกตเพราะเรารับงานรับOT หนักมาก จนป่วย เค้ามารุ้ทีหลังว่าเราออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ ที่บ้านเลยช่วยไปสองแสน ญาติเราก็ช่วย ออกค่าอาหาร ในงานอีก สิ่งนี้ทำให้เราอายที่บ้านมาก พาลไปทะเลาะกับสามี หลายครั้งจนผ่านงานแต่งมาได้
หลังแต่งงาน อย่างที่บอกไว้ตอนแรก สามีไม่มีสมบัติเลย ทางบ้านไม่มีทรัพย์สินสำรองใดๆ มีแต่หนี้สิน หลังแต่ง เรา และสามี ไปอาศัยอยู่หอพักกัน ทางบ้านของเราก็ เวทนาอีกเช่นเคย เลยซื้อบ้านให้ และเช่นเคย บ้านสามีไม่เอ่ยปากจะช่วยเหลือใดๆ ส่วนทางเราต้องโกหกบอกป๊าม๊าว่าทางบ้านสามีจะจัดการเรื่องตกแต่งบ้านให้ เพราะเราไม่อยากให้ทางบ้านเราช่วยเหลือใดๆ อีกแล้วเราอายทางบ้านเรา ซึ่งในความเป็นจริงคือ เราเอาเงินสินสอดมาออกค่าตกแต่งเอง ทางบ้านสามีไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ที่บ้านเราคืนสินสอดทั้งหมดไม่เอาซักบาทให้สินสอดไปตั้งตัว)
ระหว่างทำบ้านเราก็ไปๆมาๆ บ้านสามีและบ้านเรา ตอนไปอยู่บ้านเค้า เราไม่ชอบเลย อึดอัด
พ่อแม่สามีชอบทานอาหารก่อน อาหารที่เหลือ ให้เราและสามีทาน
อาหารถ้วยเดิม ทานสามมื้อ ทานจนเย็น จนไม่มีเนื้อก็ต้องกินแกงที่ไม่มีเนื้อ ไม่เคยกินอิ่ม บางทีเราหิว ก้อแอบไปซื้อมาม่ามากินดึกๆ
พ่อสามี ชอบกินแล้วทิ้งไว้ ให้เราเก็บ บางทีคายกระดูกคายเศษ อาหาร ลงบนโต๊ะ เรากินแทบไม่ลง
จริงๆก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่จริงเรา พอรับได้ แต่ มันมีเรื่องพีคคือ เราและสามีซื้อ TV และ เครื่องซักผ้ามา ฝาก วางที่บ้านเค้า พ่อแม่สามีขอเอาไปใช้ก่อน แต่พอบ้านเราเสร็จ พ่อสามีบอกว่าขอไม่คืนเพราะว่าเครื่องที่เค้ามีอยู่อันเล็ก ของที่เราซื้อมาอันใหญ่กว่า เลยขอไว้นะ คือแบบนี้ก็ได้หรอเรากับสามี ก้อต้องรวมเงินกันซื้อใหม่
และอื่นๆประปรายเช่น สามีกลับบ้านลืมเอารองเท้าวิ่งมาใช้ จึงขอรองเท้าพ่อสามีมาใส่ แต่ พ่อสามี กลับขายรองเท้าให้สามี ซื้อ (อะไรฟะ) คือต้องซื้อจริงๆนะ ถึงให้ใช้
พ่อสามี ชอบฝากซื้ออาหารแล้วไม่จ่ายเงิน
หลังอยู่ด้วยกัน ก้อพบความลำบากอีก คือ
สามีไม่มีรถ คือ ถ้าเป็นงานขนของ ซื้อของหนัก ซื้อของเยอะ ฝนตก ต้องขับรถไปไกลๆ เราทำหมด เค้าต้องพึ่งเราตลอด
เราไม่ชอบพ่อสามี กลายเป็นว่า ทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อสามี เหมือนเราเห็นบางส่วนหน้าพ่อสามีในสามี แล้วกลายเป็นเราไม่อยากมีsexกับสามี อีกทั้งพาลอารมณ์เสีย หงุดหงิด ตลอด
ตอนนี้ มันลามไปกลายเปนว่า เราตั้งมั่นว่าไม่อยากมีลูกกับเค้า ไม่อยากให้ลูกไปลำบากบ้านพ่อแม่สามีไม่อยากให้ได้เชื้อขี้งกขี้เกียจมาแบบพ่อสามี
ไม่เคยเปิดอกคุยกับสามีตรงๆ เพราะรุ้ว่าเปนเรื่อง sensitive มาก แต่ถามว่ารักสามีมั้ย รัก รักมากเพราะความจิตใจดี และเป็นคนดีของเค้า แต่ตอนนี้ ชักจะคิดว่า เราจะอยู่แบบนี้ต่อไปได้จริงหรอ สงสารเค้าด้วย สงสารตัวเองด้วย น้อยใจ บางครั้งคิดว่า นี่ก้อทำเองได้ นู่นก้อทำเองได้ ทำได้หมด เงิน อยู่คนเดียวสบายกว่าอยุ่สองคนด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องครอบครัวเค้าอีก
ชอบน้อยใจเวลาเห็นแฟนเพื่อนรวยๆ ได้เที่ยวที่ดีๆ ได้กินดีๆ ได้นั่งรถดีๆ เห้ออ ไอเรานี่เก็บเงินเหมือนคนถุงรั่ว อยากได้กระเป๋า เครื่องสำอางค์ดีๆไม่เคยได้เลย เพราะต้องช่วยกันจ่ายหลายอย่าง
ก้อพยายามคิดว่าเราเลือกเค้าแล้ว จะพยายามสู้หน่อย แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ บางครั้งก้อสงสารเค้าเหมือนกันที่ต้องพยายามตะเกียกตะกายให้ อยุ่ระหว่างช่วยเหลือบ้านเค้า และ ทำให้สมกับฐานะบ้านเรา
ขอฝาก คนที่กำลังจะแต่งงาน ไม่ใช่แค่ ศีลเสมอ ทรัพย์เสมอ ก็คือสิ่งสำคัญในการตัดสินใจ ก่อนจะเริ่มชีวิตคู่ ครอบครัวสามีด้วย ศึกษาดีๆ เพราะอยุ่กันอีกยาว
เห้อออ ยาวๆๆๆ
ใครเจอเรื่องคล้ายๆเรามาคุยกันได้
อยากระบาย ครอบครัวสามีจน ไม่ชอบพ่อสามี
พื้นเดิม ตัว จขกท เป็นคนฐานะปานกลางถึงดี ที่บ้านมีธุรกิจเอกชน มีที่ดินมีสวน มีบ้านรถ เป็นของตัวเอง และครอบครัวก็มีบ้านหลายหลังรถหลายคัน บ้าน เป็นคนไทยจีน
สามี ที่บ้านเป็นคนฐานะปานกลาง พ่อแม่ ที่ บ้านเป็นข้าราชการ แม่สามีเป็นครึ่งจีน พ่อสามีเป็นคนใต้ไทยแท้
ก่อนแต่งงาน ตัวเราเองเคยไปบ้านสามีบ้างครั้งแรกที่ไปก็ ที่บ้านสามี พาไปทานข้าว ทุกครั้งแม่สามีเป็นคนจ่าย ตลอด สามีบอกว่าพ่อทำงานได้เงินน้อย เลยไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายทางบ้าน
ซึ่งเรื่องนี้เราเอง ก็รุ้สึกแปลกๆ แต่ก็พยายามเข้าใจเพราะวัฒนธรรมแต่ละบ้านมีความต่างกัน
หลังคบกันได้6ปี สามีมาขอแต่งงาน ตัดสินใจแต่งงานปีที่7 เดิมบ้านเราเป็นห่วงมาก สามี ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ทางบ้านไม่มีสมบัติ มีหนี้คือบ้านของพ่อแม่สามี ที่สามีกำลังช่วยผ่อน ที่บ้านเราเป็นห่วงมากกกกก กลัวเราจะต้องลำบาก แต่สุดท้าย ที่บ้านก็เห็นเรารักเค้าดี และเค้าเองเป็นคนดี เรียบร้อย ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ มีการงานดีอนาคตดี จึงตกลง ให้แต่งงาน
ระหว่างเตรียมแต่งงาน ทางบ้านสามี ไม่มี ยื่นมือมาช่วยเลย สามี เตรียมเงินสินสอด ซึ่งไม่ขอพ่อแม่อยู่แล้วเนื่องจากพ่อแม่ก็ไม่มี ซึ่งก้อเป็นเรื่องดี แต่กลายเป็นเงินจัดงานทั้งหมดตกเป็นหน้าที่เราเอง เราออกเงินจัดงานเกือบ6แสน ซึ่ง ตอนนั้น ที่บ้านผิดสังเกตเพราะเรารับงานรับOT หนักมาก จนป่วย เค้ามารุ้ทีหลังว่าเราออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ ที่บ้านเลยช่วยไปสองแสน ญาติเราก็ช่วย ออกค่าอาหาร ในงานอีก สิ่งนี้ทำให้เราอายที่บ้านมาก พาลไปทะเลาะกับสามี หลายครั้งจนผ่านงานแต่งมาได้
หลังแต่งงาน อย่างที่บอกไว้ตอนแรก สามีไม่มีสมบัติเลย ทางบ้านไม่มีทรัพย์สินสำรองใดๆ มีแต่หนี้สิน หลังแต่ง เรา และสามี ไปอาศัยอยู่หอพักกัน ทางบ้านของเราก็ เวทนาอีกเช่นเคย เลยซื้อบ้านให้ และเช่นเคย บ้านสามีไม่เอ่ยปากจะช่วยเหลือใดๆ ส่วนทางเราต้องโกหกบอกป๊าม๊าว่าทางบ้านสามีจะจัดการเรื่องตกแต่งบ้านให้ เพราะเราไม่อยากให้ทางบ้านเราช่วยเหลือใดๆ อีกแล้วเราอายทางบ้านเรา ซึ่งในความเป็นจริงคือ เราเอาเงินสินสอดมาออกค่าตกแต่งเอง ทางบ้านสามีไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ที่บ้านเราคืนสินสอดทั้งหมดไม่เอาซักบาทให้สินสอดไปตั้งตัว)
ระหว่างทำบ้านเราก็ไปๆมาๆ บ้านสามีและบ้านเรา ตอนไปอยู่บ้านเค้า เราไม่ชอบเลย อึดอัด
พ่อแม่สามีชอบทานอาหารก่อน อาหารที่เหลือ ให้เราและสามีทาน
อาหารถ้วยเดิม ทานสามมื้อ ทานจนเย็น จนไม่มีเนื้อก็ต้องกินแกงที่ไม่มีเนื้อ ไม่เคยกินอิ่ม บางทีเราหิว ก้อแอบไปซื้อมาม่ามากินดึกๆ
พ่อสามี ชอบกินแล้วทิ้งไว้ ให้เราเก็บ บางทีคายกระดูกคายเศษ อาหาร ลงบนโต๊ะ เรากินแทบไม่ลง
จริงๆก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่จริงเรา พอรับได้ แต่ มันมีเรื่องพีคคือ เราและสามีซื้อ TV และ เครื่องซักผ้ามา ฝาก วางที่บ้านเค้า พ่อแม่สามีขอเอาไปใช้ก่อน แต่พอบ้านเราเสร็จ พ่อสามีบอกว่าขอไม่คืนเพราะว่าเครื่องที่เค้ามีอยู่อันเล็ก ของที่เราซื้อมาอันใหญ่กว่า เลยขอไว้นะ คือแบบนี้ก็ได้หรอเรากับสามี ก้อต้องรวมเงินกันซื้อใหม่
และอื่นๆประปรายเช่น สามีกลับบ้านลืมเอารองเท้าวิ่งมาใช้ จึงขอรองเท้าพ่อสามีมาใส่ แต่ พ่อสามี กลับขายรองเท้าให้สามี ซื้อ (อะไรฟะ) คือต้องซื้อจริงๆนะ ถึงให้ใช้
พ่อสามี ชอบฝากซื้ออาหารแล้วไม่จ่ายเงิน
หลังอยู่ด้วยกัน ก้อพบความลำบากอีก คือ
สามีไม่มีรถ คือ ถ้าเป็นงานขนของ ซื้อของหนัก ซื้อของเยอะ ฝนตก ต้องขับรถไปไกลๆ เราทำหมด เค้าต้องพึ่งเราตลอด
เราไม่ชอบพ่อสามี กลายเป็นว่า ทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อสามี เหมือนเราเห็นบางส่วนหน้าพ่อสามีในสามี แล้วกลายเป็นเราไม่อยากมีsexกับสามี อีกทั้งพาลอารมณ์เสีย หงุดหงิด ตลอด
ตอนนี้ มันลามไปกลายเปนว่า เราตั้งมั่นว่าไม่อยากมีลูกกับเค้า ไม่อยากให้ลูกไปลำบากบ้านพ่อแม่สามีไม่อยากให้ได้เชื้อขี้งกขี้เกียจมาแบบพ่อสามี
ไม่เคยเปิดอกคุยกับสามีตรงๆ เพราะรุ้ว่าเปนเรื่อง sensitive มาก แต่ถามว่ารักสามีมั้ย รัก รักมากเพราะความจิตใจดี และเป็นคนดีของเค้า แต่ตอนนี้ ชักจะคิดว่า เราจะอยู่แบบนี้ต่อไปได้จริงหรอ สงสารเค้าด้วย สงสารตัวเองด้วย น้อยใจ บางครั้งคิดว่า นี่ก้อทำเองได้ นู่นก้อทำเองได้ ทำได้หมด เงิน อยู่คนเดียวสบายกว่าอยุ่สองคนด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องครอบครัวเค้าอีก
ชอบน้อยใจเวลาเห็นแฟนเพื่อนรวยๆ ได้เที่ยวที่ดีๆ ได้กินดีๆ ได้นั่งรถดีๆ เห้ออ ไอเรานี่เก็บเงินเหมือนคนถุงรั่ว อยากได้กระเป๋า เครื่องสำอางค์ดีๆไม่เคยได้เลย เพราะต้องช่วยกันจ่ายหลายอย่าง
ก้อพยายามคิดว่าเราเลือกเค้าแล้ว จะพยายามสู้หน่อย แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ บางครั้งก้อสงสารเค้าเหมือนกันที่ต้องพยายามตะเกียกตะกายให้ อยุ่ระหว่างช่วยเหลือบ้านเค้า และ ทำให้สมกับฐานะบ้านเรา
ขอฝาก คนที่กำลังจะแต่งงาน ไม่ใช่แค่ ศีลเสมอ ทรัพย์เสมอ ก็คือสิ่งสำคัญในการตัดสินใจ ก่อนจะเริ่มชีวิตคู่ ครอบครัวสามีด้วย ศึกษาดีๆ เพราะอยุ่กันอีกยาว
เห้อออ ยาวๆๆๆ
ใครเจอเรื่องคล้ายๆเรามาคุยกันได้