คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
ใส่ซอง เป็นเงินสด เท่าที่รู้ไม่มีการโอน
ตอนชี้แจงว่าฝากพิเศษเป็นยังไง หมอคนไหนรับบ้าง เรทกี่บาท พยาบาลที่ห้องตรวจฝากครรภ์จะเป็นคนชี้แจงขั้นตอน แต่ยังไม่เก็บตังใดๆ
ตอนฝากครรภ์ ก็มาฝากตามขั้นตอนปกติของโรงพยาบาล ถ้าเป็นรพ.รัฐบาล ก็คือระบบจ่ายเอง ไม่ใช้ประกันสังคมหรือบัตรทอง
จ่ายเงินที่ห้องการเงินรพ.เหมือนคนไข้อื่นๆ ซึ่งตรงนี้ถูกมาก ค่าเจาะเลือดตอนไปฝากครั้งแรก 1000 นิดๆ
ครั้งต่อๆ ไป มีเฉพาะค่าวิตามินบำรุง อาหารเสริม ครั้งละไม่กี่ร้อย
ประมาณ 5 เดือน มีอุลตราซาวน์ 2000 กว่าๆ แล้วแต่ที่
วิธีคลอด อันนี้แล้วแต่จริยธรรมหมอแต่ละคนเลย แต่หลักๆ คือถ้าแม่อยากผ่าก็ตามใจผ่าให้ เพราะประเด็นหลักที่บรรดาแม่ๆ มาฝากพิเศษไม่ใช่อยากได้การดูแลที่มั่นใจขึ้น แต่คืออยากผ่าเท่านั้นเพราะกลัวตอนเจ็บท้องคลอด
จะมีหมอแย่ๆ บางส่วนที่ยัดเยียดข้อบ่งชี้ผ่าคลอดให้เรื่อยเปื่อยจนเกลื่อน เช่น เด็กตัวโต เชิงกรานแคบ รกเกาะต่ำ เพื่อทำให้แม่คิดว่าผ่าๆ ไปเหอะ
หรือบางส่วนก็จะตั้งเงื่อนไข เช่น ถ้าอยากคลอดเองกับหมอ หมอมาทำให้แค่ไม่เกิน 4 ทุ่ม ถ้าเกิน 4 ทุ่มเป็นหมอเวรวันนั้นทำ (ซึ่งเจ้าของเคสก็ไม่เอาตัง นับว่าล้มการฝากพิเศษเป็นฝากธรรมดาไป) ทำให้แม่ที่อยากคลอดกับหมอคนนี้ให้ได้ ตัดสินใจผ่าก็ผ่า เพราะกลัวไปเองว่าหมอคนอื่นมาทำคลอดให้แล้วจะได้หมอที่ไม่เก่ง
พอถึงวันคลอด ไม่ว่าผ่า หรือคลอดเองก็ตาม พอคลอดเสร็จมานอนพักฟื้น พยาบาลตึกหลังคลอด จะเป็นคนรับซอง
ซึ่งส่วนมากบรรดาแม่ๆ จะรู้อยู่แล้วว่าจ่ายตอนนี้ โดยไม่ต้องรอให้ทวง เพราะพยาบาลห้องตรวจฝากครรภ์บอกไว้ตั้งแต่มาตรวจครั้งแรกแล้ว
ราคา ก็ 4000-8000 ขึ้นกับความ popular ของหมอ พื้นที่/จังหวัด/อำเภอ/เจริญ/กันดาร
ซึ่งเงินนี้ "แยกต่างหาก" จากค่าห้อง ค่ายา ค่าห้องผ่าตัด ค่าบล็อคหลัง ค่าตรวจเลือด ซึ่งจ่ายเข้ารพ.ตามระบบราชการ
เงินในซองนี้ พยาบาลตึกหลังคลอดจะรวมให้หมอ
ส่วน % ที่ให้ส่วนแบ่งตามตกลง หมอจะจ่ายให้หัวหน้าตึก/หัวหน้าห้องตรวจเอง เป็นเดือนๆ ไป ตามจำนวนเคสที่จดไว้
แต่น้อยมากๆ แหละ 5000 ชัก 100-200 เอง เหมือนเป็นค่าปิดปากไม่ให้บ่นเยอะ
พยาบาลดมยา หมอดมยา หมอเด็ก พวกนี้ไม่ได้ส่วนแบ่งแน่นอน และหมอสูติคนไหนที่ยังพอมีนิสัยดีเหลืออยู่บ้าง จะเกรงใจ ไม่กล้าซี้ซั้วผ่านอกเวลา เพราะกลัวโดนเขม่น ... ส่วนพยาบาลห้องผ่าตัด อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้ % ด้วยมั้ย
เพราะแม่ที่มาคลอดแบบฝากพิเศษ ส่วนมากไม่ใช่คนไข้ในสังกัดรายหัวของรพ. (หมายถึง รายหัวบัตรทอง แบ่งตามอำเภอ หรือ รายหัวประกันสังคม แบ่งตามที่คนไข้ขึ้นทะเบียนไว้ตอนเข้าทำงาน)
ซึ่งตรงนี้รพ.จะเรียกว่าสิทธิ์จ่ายเอง พยาบาลมักไม่ชอบ เพราะเป็นภาระงานส่วนเกินที่ต้องจำยอมรับมา
แผนกอายุรกรรม ศัลยกรรม กุมาร ไม่ค่อยมีประเด็นนี้ให้พยาบาลหงุดหงิด เพราะการรักษาโรคเจ็บป่วย คนไข้มักไปตามสิทธิ์ที่ตัวเองสังกัดเพื่อรักษาฟรี
ระบบฝากพิเศษนี้ มีเฉพาะในรพ.รัฐบาล ทั้งสังกัดสาธารณสุข, กทม., มหาลัย, กองทัพ
รพ.ไหน มั่นใจว่าไม่มีแน่ๆ ใสสะอาด คงเพราะผอ./หัวหน้าสูติ เด็ดขาด เอาจริง
รพ.มหาลัยดังๆ topๆ ที่แยกตึก premium ออกมา (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) อาจเคลียร์ปัญหานี้ได้หมด ด้วยการเอาแม่ๆ ที่เต็มใจ/เรียกร้องหาการฝากพิเศษเอง ไปไว้ตึก premium เลย ไม่มาปนส่วนสามัญที่มีแพทย์ฝึกหัด แล้วบริหารการเงินแบบเอกชน คิดแพงได้เต็มที่เหมือนเอกชน เก็บค่าการผ่าตัด 10,000-20,000 เข้าระบบการเงินรพ.เลย แล้วไปจ่ายให้แพทย์บวกจากเงินเดือนตามรอบ
ซึ่งรพ.ได้กำไรตรงส่วนนี้ด้วย ก็เอาเข้ามูลนิธิ ไว้รักษาคนไข้โรคยากๆ แพงๆ โดยไม่คิดเงิน
ส่วนรพ.เอกชน ไม่มีการฝากพิเศษอยู่ในสาระบบ เพราะทุกเคสของเอกชน ก็เหมือนพิเศษอยู่แล้ว คือเลือกหมอได้และต้องเสียค่าธรรมเนียมให้หมอเป็นปกติ
ตอนชี้แจงว่าฝากพิเศษเป็นยังไง หมอคนไหนรับบ้าง เรทกี่บาท พยาบาลที่ห้องตรวจฝากครรภ์จะเป็นคนชี้แจงขั้นตอน แต่ยังไม่เก็บตังใดๆ
ตอนฝากครรภ์ ก็มาฝากตามขั้นตอนปกติของโรงพยาบาล ถ้าเป็นรพ.รัฐบาล ก็คือระบบจ่ายเอง ไม่ใช้ประกันสังคมหรือบัตรทอง
จ่ายเงินที่ห้องการเงินรพ.เหมือนคนไข้อื่นๆ ซึ่งตรงนี้ถูกมาก ค่าเจาะเลือดตอนไปฝากครั้งแรก 1000 นิดๆ
ครั้งต่อๆ ไป มีเฉพาะค่าวิตามินบำรุง อาหารเสริม ครั้งละไม่กี่ร้อย
ประมาณ 5 เดือน มีอุลตราซาวน์ 2000 กว่าๆ แล้วแต่ที่
วิธีคลอด อันนี้แล้วแต่จริยธรรมหมอแต่ละคนเลย แต่หลักๆ คือถ้าแม่อยากผ่าก็ตามใจผ่าให้ เพราะประเด็นหลักที่บรรดาแม่ๆ มาฝากพิเศษไม่ใช่อยากได้การดูแลที่มั่นใจขึ้น แต่คืออยากผ่าเท่านั้นเพราะกลัวตอนเจ็บท้องคลอด
จะมีหมอแย่ๆ บางส่วนที่ยัดเยียดข้อบ่งชี้ผ่าคลอดให้เรื่อยเปื่อยจนเกลื่อน เช่น เด็กตัวโต เชิงกรานแคบ รกเกาะต่ำ เพื่อทำให้แม่คิดว่าผ่าๆ ไปเหอะ
หรือบางส่วนก็จะตั้งเงื่อนไข เช่น ถ้าอยากคลอดเองกับหมอ หมอมาทำให้แค่ไม่เกิน 4 ทุ่ม ถ้าเกิน 4 ทุ่มเป็นหมอเวรวันนั้นทำ (ซึ่งเจ้าของเคสก็ไม่เอาตัง นับว่าล้มการฝากพิเศษเป็นฝากธรรมดาไป) ทำให้แม่ที่อยากคลอดกับหมอคนนี้ให้ได้ ตัดสินใจผ่าก็ผ่า เพราะกลัวไปเองว่าหมอคนอื่นมาทำคลอดให้แล้วจะได้หมอที่ไม่เก่ง
พอถึงวันคลอด ไม่ว่าผ่า หรือคลอดเองก็ตาม พอคลอดเสร็จมานอนพักฟื้น พยาบาลตึกหลังคลอด จะเป็นคนรับซอง
ซึ่งส่วนมากบรรดาแม่ๆ จะรู้อยู่แล้วว่าจ่ายตอนนี้ โดยไม่ต้องรอให้ทวง เพราะพยาบาลห้องตรวจฝากครรภ์บอกไว้ตั้งแต่มาตรวจครั้งแรกแล้ว
ราคา ก็ 4000-8000 ขึ้นกับความ popular ของหมอ พื้นที่/จังหวัด/อำเภอ/เจริญ/กันดาร
ซึ่งเงินนี้ "แยกต่างหาก" จากค่าห้อง ค่ายา ค่าห้องผ่าตัด ค่าบล็อคหลัง ค่าตรวจเลือด ซึ่งจ่ายเข้ารพ.ตามระบบราชการ
เงินในซองนี้ พยาบาลตึกหลังคลอดจะรวมให้หมอ
ส่วน % ที่ให้ส่วนแบ่งตามตกลง หมอจะจ่ายให้หัวหน้าตึก/หัวหน้าห้องตรวจเอง เป็นเดือนๆ ไป ตามจำนวนเคสที่จดไว้
แต่น้อยมากๆ แหละ 5000 ชัก 100-200 เอง เหมือนเป็นค่าปิดปากไม่ให้บ่นเยอะ
พยาบาลดมยา หมอดมยา หมอเด็ก พวกนี้ไม่ได้ส่วนแบ่งแน่นอน และหมอสูติคนไหนที่ยังพอมีนิสัยดีเหลืออยู่บ้าง จะเกรงใจ ไม่กล้าซี้ซั้วผ่านอกเวลา เพราะกลัวโดนเขม่น ... ส่วนพยาบาลห้องผ่าตัด อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้ % ด้วยมั้ย
เพราะแม่ที่มาคลอดแบบฝากพิเศษ ส่วนมากไม่ใช่คนไข้ในสังกัดรายหัวของรพ. (หมายถึง รายหัวบัตรทอง แบ่งตามอำเภอ หรือ รายหัวประกันสังคม แบ่งตามที่คนไข้ขึ้นทะเบียนไว้ตอนเข้าทำงาน)
ซึ่งตรงนี้รพ.จะเรียกว่าสิทธิ์จ่ายเอง พยาบาลมักไม่ชอบ เพราะเป็นภาระงานส่วนเกินที่ต้องจำยอมรับมา
แผนกอายุรกรรม ศัลยกรรม กุมาร ไม่ค่อยมีประเด็นนี้ให้พยาบาลหงุดหงิด เพราะการรักษาโรคเจ็บป่วย คนไข้มักไปตามสิทธิ์ที่ตัวเองสังกัดเพื่อรักษาฟรี
ระบบฝากพิเศษนี้ มีเฉพาะในรพ.รัฐบาล ทั้งสังกัดสาธารณสุข, กทม., มหาลัย, กองทัพ
รพ.ไหน มั่นใจว่าไม่มีแน่ๆ ใสสะอาด คงเพราะผอ./หัวหน้าสูติ เด็ดขาด เอาจริง
รพ.มหาลัยดังๆ topๆ ที่แยกตึก premium ออกมา (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) อาจเคลียร์ปัญหานี้ได้หมด ด้วยการเอาแม่ๆ ที่เต็มใจ/เรียกร้องหาการฝากพิเศษเอง ไปไว้ตึก premium เลย ไม่มาปนส่วนสามัญที่มีแพทย์ฝึกหัด แล้วบริหารการเงินแบบเอกชน คิดแพงได้เต็มที่เหมือนเอกชน เก็บค่าการผ่าตัด 10,000-20,000 เข้าระบบการเงินรพ.เลย แล้วไปจ่ายให้แพทย์บวกจากเงินเดือนตามรอบ
ซึ่งรพ.ได้กำไรตรงส่วนนี้ด้วย ก็เอาเข้ามูลนิธิ ไว้รักษาคนไข้โรคยากๆ แพงๆ โดยไม่คิดเงิน
ส่วนรพ.เอกชน ไม่มีการฝากพิเศษอยู่ในสาระบบ เพราะทุกเคสของเอกชน ก็เหมือนพิเศษอยู่แล้ว คือเลือกหมอได้และต้องเสียค่าธรรมเนียมให้หมอเป็นปกติ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ของเราตอนท้อง พยาบาลก็ถามนะว่าฝากพิเศษไหม เรางงทำไมต้องฝากพิเศษ ฝากพิเศษดีกว่าฝากธรรมดายังไงจึงถามไป พยาบาลบอกรวมๆว่าดูแลดีกว่า เราจึงตอบไปว่าขอแบบธรรมดาดีกว่า ไม่ใช่ไม่มีตังค์ เพราะหากเราสนับสนุน ฝากพิเศษกันเยอะๆ คนที่เขาไม่มีเงินเขาก็จะไม่ได้รับการดูแลหรือ เราว่ามันเป็นหน้าที่ที่เข
าต้องรับผิดชอบให้ดีอยู่แล้ว
แต่เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ หมอรับเงินไปแต่ไม่ได้สนใจหลังคลอดเลยว่าเด็กจะเป็นอะไรไหม ขอให้ได้ผ่าๆ ตามใจคุณแม่ ไม่สนใจจรรยาบรรณของอาชีพตนเอง
ซึ่งจากกระทู้ทำให้เรารู้ว่าเราคิดถูกที่ไม่เลือกฝากพิเศษ เราว่าแจ้งสภาเลยค่ะ
าต้องรับผิดชอบให้ดีอยู่แล้ว
แต่เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ หมอรับเงินไปแต่ไม่ได้สนใจหลังคลอดเลยว่าเด็กจะเป็นอะไรไหม ขอให้ได้ผ่าๆ ตามใจคุณแม่ ไม่สนใจจรรยาบรรณของอาชีพตนเอง
ซึ่งจากกระทู้ทำให้เรารู้ว่าเราคิดถูกที่ไม่เลือกฝากพิเศษ เราว่าแจ้งสภาเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
จริงๆแล้วอาจเข้าข่ายทุจริต
ข้าราชการอื่นเรียกรับเงินยังผิดเลยคุณ
ขนส่ง ที่ดิน อำเภอ ตำรวจ และอื่นๆ เรียกรับเงินเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นเรื่องผิด
หมอโรงพยาบาลรัฐบาลเรียกรับเงินคนไข้มันก็ผิดเหมือนกัน
ผมไม่เคยเห็นหมอแผนกอื่นเรียกรับเงินจนเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนหมอสูติ
ลองแจ้งปปช.ทำเป็นคดีตัวอย่างดูครับ
จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่ามันถูกต้องสมควรหรือไม่
ข้าราชการอื่นเรียกรับเงินยังผิดเลยคุณ
ขนส่ง ที่ดิน อำเภอ ตำรวจ และอื่นๆ เรียกรับเงินเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นเรื่องผิด
หมอโรงพยาบาลรัฐบาลเรียกรับเงินคนไข้มันก็ผิดเหมือนกัน
ผมไม่เคยเห็นหมอแผนกอื่นเรียกรับเงินจนเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนหมอสูติ
ลองแจ้งปปช.ทำเป็นคดีตัวอย่างดูครับ
จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่ามันถูกต้องสมควรหรือไม่
ความคิดเห็นที่ 58
ปัญหาเรื่องแบบนี้มีมานานมากแล้วครับ เคยเขียนตอบกระทู้หนึ่งไว้นานมากแล้ว
ปัญหาหลักอยู่ที่หมอสูติบางท่าน คิดว่าทำได้ ก็ทำๆกันแบบนี้เรื่อยมา สอนกันมาตั้งแต่เทรน resident ว่าจบไปมันมีวิธีแบบนี้นะๆ หรือบางทีก็อาจารย์ด้วยซ้ำที่ทำเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อีกสาเหตุก็คุณพ่อคุณแม่คนไทยนี่แหละครับ ตบมือข้างเดียวจะดังได้ยังไง
คนไทยชอบของถูกและดี เสียแค่ไม่กี่พันบาท ความสบายใจเกือบเทียบเท่าเอกชน ใครล่ะจะไม่เอา เลือกหมอได้ อยากผ่าก็ได้ผ่า ห้องพิเศษก็พร้อมนอน หมอสูติฯ รพ.รัฐ (บางคน) ก็ยิ้มล่ะสิ คนรวยจริงๆเขาไม่มีปัญหากันหรอก ไปเอกชนตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกรวยไม่จริงนะสิ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศซะด้วย ชาวบ้านตาดำๆก็รับเคราะห์กันไป เคยมีไส้ติ่งแตกหน้าห้องผ่าตัดก็มีมาแล้ว เพราะต้องรอคิวห้องผ่า ต้องเสียคิวให้กับพวกที่ไม่มีข้อบ่งชี้ คุณหมอคะปวดท้องมากค่ะ ทนไม่ไหวแล้วขอผ่าคลอดนะคะ ขอลัดคิวตอนนี้เลยค่ะ หนูฝากพิเศษกับหมอแต่แรกที่คลินิกเลยนะคะ หนูไม่อยากเจ็บค่ะ ดมยาให้สลบไปเลย ตื่นมาก็เห็นหน้าลูกสวยๆค่ะ อ้อ ขอตามหมอเฉพาะทางเด็กมาดูลูกหนูด้วยนะคะ กลัวเด็กมีปัญหาตอนออกมาค่ะ เสียแค่ 5000-7000 เอง เสียครั้งเดียวจ่ายได้ค่ะ ไม่ได้มาคลอดทุกวันหนิ ใช่ไหม... คุณหมอตอบได้จ้าาาา พรุ่งนี้เตรียมซองเลยนะ พยาบาลห้องผ่าตัด หมอศัลย์ หมอดมยา ลุงไส้ติ่งแตก ทุกคน เบ้ปาก มองบนรัวๆ สรุปแม่กับหมอได้ Win win แต่ประเทศเสียหาย ถ้าเกิดว่าไปเอกชนแต่แรก ใช้ขาหยั่งทองคำฝังเพชร จะไม่มีใครว่าเลย Win ทั้งประเทศ แต่ก็นะ ทำให้รู้ว่าของถูกและดีมีอยู่จริงในโลก โดยเฉพาะประเทศไทยแลนด์ เคยคิดว่า 30 บาทดีแล้วนะ ฝากครรภ์-คลอด ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่นี่คือ ดีย์ในดีย์
เคยมีครั้งนึง ว่าที่ขุ่นแม่ฝากครรภ์ที่คลินิกอาจารย์โรงเรียนแพทย์ อันนี้ไม่ว่ากันเพราะจ่ายเองทุกกระบวนท่า ทั้งๆที่ใช้สิทธิ์ 30 บาทที่ รพ.ชุมชนก็ได้ พอเจ็บท้องคลอดขึ้นมาก็มาที่ รพ.ชุมชน จะให้รถ รพ. ไปส่ง รร.แพทย์ และขอให้ออกใบส่งตัวในตอนนั้นเลย พร้อมขอพยาบาลไปด้วย ต้องการไปคลอดที่ รร. แพทย์ กับอาจารย์ท่านนั้น ข้ามเขตจังหวัดซะด้วย แต่แพทย์ที่ รพช. ประเมินแล้วว่าสามารถ คลอดปกติได้ ไม่มีความเสี่ยง เลยไม่ส่ง อธิบายคนไข้อยู่นาน จนคนไข้ร้องไห้ ไม่ยอม สุดท้ายแพทย์ทนไม่ไหว คนไข้คนอื่นก็ต้องไปดู เลยเดินบิดตูดออกห้องรอคลอดไป ทิ้งให้พยาบาลเวรเป็นคนทำคลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร กลับบ้านปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เข้าใจนะว่าต้องการสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ตัวกับลูก แต่มาตรฐานก็คือมาตรฐาน สิ่งที่เกินมาตรฐาน ก็ต้องหาเอง วางแผนเอง และจ่ายเองนะจ๊ะ ครรภ์หน้าหากใกล้กำหนดคลอดเรียนเชิญไปเช่าบ้านติดกับโรงเรียนแพทย์เลยนะจ๊ะ และต้องทราบว่าที่จริงแล้ว นอกเหนือสิทธิ์ ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ให้ส่งตัวหรือให้ทำบลาๆๆ หากอยากได้อยากโดนเพิ่มก็ต้องจ่ายเองทั้งหมด แพทย์ที่ดีไม่เพียงแต่ต้องรักษาโรคแต่ต้องคอยบริหารทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดด้วย โดยเฉพาะในบางประเทศ ถ้าต่างคนต่างจะเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งทั้งคนไข้หรือแม้กระทั่งแพทย์บางคนเอง สักวันนึงทุกอย่างก็จะบู้มมมกลายเป็นโกโก้ครั้นท์ได้ ส่วนใครเงินถึงไปเอกชนเถอะครับ คิวต่อไป เชิญ!!
อ้อ...ที่จริงการกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นการทำให้รัฐเสียหายนะครับ เพราะถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ **ย้ำ "ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้" ถือว่าคุณใช้ทรัพยากรของชาติเพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ไม่ว่าทรัพยากรบุคคล เครื่องมือ ค่าแอร์ห้องผ่าตัด ค่าไฟ เป็นของรัฐ กระทั่งยามหน้าโรงพยาบาลที่โบกรถให้คุณเข้ามาผ่าตัดดึกๆดื่นๆโดยไม่จำเป็น และอีกนัยหนึ่ง ถึงจะมีข้อบ่งชี้จริงและคุณได้รักษาตามมาตฐานแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกเก็บซองจากคนไข้นะครับ เพราะคุณได้เงินเดือนจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว และถ้าฝากพิเศษอะไรก็แล้วแต่ ควรทำที่คลินิก และเมื่อถึงเวลาผ่า เชิญนัดกันไปผ่าที่เอกชนดีกว่าครับ


พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
อ่านๆดูแล้วน่าจะเข้าข่ายอยู่นะครับ ถ้าโดนสรรพากรเรียกคิดว่าน้อยไป อาจจะมีความผิดทางอาญาด้วยซ้ำไป
ถ้าเกิดว่าผิดอาญาจริง... คุณแม่ๆจะผิดด้วยไหม เข้าข่ายสินบนมั้ย เพราะรู้ทั้งรู้ก็ยังเต็มใจให้ จะอ้างว่าให้ด้วยความสิเน่หา เป็นความคิดของคุณแม่ล้วนๆ แค่อยากจะขอบคุณคุณหมอ ไม่ได้มีการตกลงอะไรไว้เล้ยยย... อ้างแบบนี้จะได้มั้ยน้อ เพราะปกติ ตามที่ผมเข้าใจมั่วๆไปเอง ข้าราชการรับกระเช้าปีใหม่ยังห้ามกันเลย อันนี้เงินสดๆตั้ง 7000 บาทแหนะ นี่ยังไม่รวมวอร์ดกับห้องผ่าตัดที่ได้ส่วนแบ่งนะ... คิดแล้วก็อยากให้มีคดีตัวอย่างไปเลย แต่ก็ได้แค่ฝัน เพราะลืมไปว่า "นี่ที่...ประเทศไทย" (ไม่ได้ประชดนะครับ อยู่ดีๆก็นึกถึงรายการเก่า ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์"กองทัพบก" ช่อง 5 อุ้ย!! อะไรจะพอดีกันซะขนาดน้านนน)
ปัญหาหลักอยู่ที่หมอสูติบางท่าน คิดว่าทำได้ ก็ทำๆกันแบบนี้เรื่อยมา สอนกันมาตั้งแต่เทรน resident ว่าจบไปมันมีวิธีแบบนี้นะๆ หรือบางทีก็อาจารย์ด้วยซ้ำที่ทำเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อีกสาเหตุก็คุณพ่อคุณแม่คนไทยนี่แหละครับ ตบมือข้างเดียวจะดังได้ยังไง
คนไทยชอบของถูกและดี เสียแค่ไม่กี่พันบาท ความสบายใจเกือบเทียบเท่าเอกชน ใครล่ะจะไม่เอา เลือกหมอได้ อยากผ่าก็ได้ผ่า ห้องพิเศษก็พร้อมนอน หมอสูติฯ รพ.รัฐ (บางคน) ก็ยิ้มล่ะสิ คนรวยจริงๆเขาไม่มีปัญหากันหรอก ไปเอกชนตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกรวยไม่จริงนะสิ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศซะด้วย ชาวบ้านตาดำๆก็รับเคราะห์กันไป เคยมีไส้ติ่งแตกหน้าห้องผ่าตัดก็มีมาแล้ว เพราะต้องรอคิวห้องผ่า ต้องเสียคิวให้กับพวกที่ไม่มีข้อบ่งชี้ คุณหมอคะปวดท้องมากค่ะ ทนไม่ไหวแล้วขอผ่าคลอดนะคะ ขอลัดคิวตอนนี้เลยค่ะ หนูฝากพิเศษกับหมอแต่แรกที่คลินิกเลยนะคะ หนูไม่อยากเจ็บค่ะ ดมยาให้สลบไปเลย ตื่นมาก็เห็นหน้าลูกสวยๆค่ะ อ้อ ขอตามหมอเฉพาะทางเด็กมาดูลูกหนูด้วยนะคะ กลัวเด็กมีปัญหาตอนออกมาค่ะ เสียแค่ 5000-7000 เอง เสียครั้งเดียวจ่ายได้ค่ะ ไม่ได้มาคลอดทุกวันหนิ ใช่ไหม... คุณหมอตอบได้จ้าาาา พรุ่งนี้เตรียมซองเลยนะ พยาบาลห้องผ่าตัด หมอศัลย์ หมอดมยา ลุงไส้ติ่งแตก ทุกคน เบ้ปาก มองบนรัวๆ สรุปแม่กับหมอได้ Win win แต่ประเทศเสียหาย ถ้าเกิดว่าไปเอกชนแต่แรก ใช้ขาหยั่งทองคำฝังเพชร จะไม่มีใครว่าเลย Win ทั้งประเทศ แต่ก็นะ ทำให้รู้ว่าของถูกและดีมีอยู่จริงในโลก โดยเฉพาะประเทศไทยแลนด์ เคยคิดว่า 30 บาทดีแล้วนะ ฝากครรภ์-คลอด ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่นี่คือ ดีย์ในดีย์
เคยมีครั้งนึง ว่าที่ขุ่นแม่ฝากครรภ์ที่คลินิกอาจารย์โรงเรียนแพทย์ อันนี้ไม่ว่ากันเพราะจ่ายเองทุกกระบวนท่า ทั้งๆที่ใช้สิทธิ์ 30 บาทที่ รพ.ชุมชนก็ได้ พอเจ็บท้องคลอดขึ้นมาก็มาที่ รพ.ชุมชน จะให้รถ รพ. ไปส่ง รร.แพทย์ และขอให้ออกใบส่งตัวในตอนนั้นเลย พร้อมขอพยาบาลไปด้วย ต้องการไปคลอดที่ รร. แพทย์ กับอาจารย์ท่านนั้น ข้ามเขตจังหวัดซะด้วย แต่แพทย์ที่ รพช. ประเมินแล้วว่าสามารถ คลอดปกติได้ ไม่มีความเสี่ยง เลยไม่ส่ง อธิบายคนไข้อยู่นาน จนคนไข้ร้องไห้ ไม่ยอม สุดท้ายแพทย์ทนไม่ไหว คนไข้คนอื่นก็ต้องไปดู เลยเดินบิดตูดออกห้องรอคลอดไป ทิ้งให้พยาบาลเวรเป็นคนทำคลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร กลับบ้านปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เข้าใจนะว่าต้องการสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ตัวกับลูก แต่มาตรฐานก็คือมาตรฐาน สิ่งที่เกินมาตรฐาน ก็ต้องหาเอง วางแผนเอง และจ่ายเองนะจ๊ะ ครรภ์หน้าหากใกล้กำหนดคลอดเรียนเชิญไปเช่าบ้านติดกับโรงเรียนแพทย์เลยนะจ๊ะ และต้องทราบว่าที่จริงแล้ว นอกเหนือสิทธิ์ ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ให้ส่งตัวหรือให้ทำบลาๆๆ หากอยากได้อยากโดนเพิ่มก็ต้องจ่ายเองทั้งหมด แพทย์ที่ดีไม่เพียงแต่ต้องรักษาโรคแต่ต้องคอยบริหารทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดด้วย โดยเฉพาะในบางประเทศ ถ้าต่างคนต่างจะเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งทั้งคนไข้หรือแม้กระทั่งแพทย์บางคนเอง สักวันนึงทุกอย่างก็จะบู้มมมกลายเป็นโกโก้ครั้นท์ได้ ส่วนใครเงินถึงไปเอกชนเถอะครับ คิวต่อไป เชิญ!!
อ้อ...ที่จริงการกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นการทำให้รัฐเสียหายนะครับ เพราะถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ **ย้ำ "ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้" ถือว่าคุณใช้ทรัพยากรของชาติเพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ไม่ว่าทรัพยากรบุคคล เครื่องมือ ค่าแอร์ห้องผ่าตัด ค่าไฟ เป็นของรัฐ กระทั่งยามหน้าโรงพยาบาลที่โบกรถให้คุณเข้ามาผ่าตัดดึกๆดื่นๆโดยไม่จำเป็น และอีกนัยหนึ่ง ถึงจะมีข้อบ่งชี้จริงและคุณได้รักษาตามมาตฐานแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกเก็บซองจากคนไข้นะครับ เพราะคุณได้เงินเดือนจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว และถ้าฝากพิเศษอะไรก็แล้วแต่ ควรทำที่คลินิก และเมื่อถึงเวลาผ่า เชิญนัดกันไปผ่าที่เอกชนดีกว่าครับ


พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
อ่านๆดูแล้วน่าจะเข้าข่ายอยู่นะครับ ถ้าโดนสรรพากรเรียกคิดว่าน้อยไป อาจจะมีความผิดทางอาญาด้วยซ้ำไป
ถ้าเกิดว่าผิดอาญาจริง... คุณแม่ๆจะผิดด้วยไหม เข้าข่ายสินบนมั้ย เพราะรู้ทั้งรู้ก็ยังเต็มใจให้ จะอ้างว่าให้ด้วยความสิเน่หา เป็นความคิดของคุณแม่ล้วนๆ แค่อยากจะขอบคุณคุณหมอ ไม่ได้มีการตกลงอะไรไว้เล้ยยย... อ้างแบบนี้จะได้มั้ยน้อ เพราะปกติ ตามที่ผมเข้าใจมั่วๆไปเอง ข้าราชการรับกระเช้าปีใหม่ยังห้ามกันเลย อันนี้เงินสดๆตั้ง 7000 บาทแหนะ นี่ยังไม่รวมวอร์ดกับห้องผ่าตัดที่ได้ส่วนแบ่งนะ... คิดแล้วก็อยากให้มีคดีตัวอย่างไปเลย แต่ก็ได้แค่ฝัน เพราะลืมไปว่า "นี่ที่...ประเทศไทย" (ไม่ได้ประชดนะครับ อยู่ดีๆก็นึกถึงรายการเก่า ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์"กองทัพบก" ช่อง 5 อุ้ย!! อะไรจะพอดีกันซะขนาดน้านนน)
แสดงความคิดเห็น
เราเป็นหมอเด็ก ในรพ.ที่หมอสูติรับฝากพิเศษ ผ่าคลอดตามอำเภอใจเยอะมาก ทิ้งปัญหาให้คนอื่นตามแก้ ถ้าเราแก้เผ็ดแบบนี้ดีไหม
เราอยู่แผนกเด็กรพ.รัฐบาล หมอสูติที่รพ.มี 7 คน ทีนี้ 3 คนในนั้น รับฝากพิเศษเยอะมาก
แต่ละคนผ่าคลอดเฉลี่ยสัปดาห์ละ 10-20 เคส
คนที่รับเยอะสุด ชื่อดังระดับจังหวัดในหมู่แม่ๆ ค่าฝาก 7000
อีกสองคนเด็กกว่า ยังไม่ดังมาก ค่าฝาก 5000
ทีนี้เดือนไหนที่เรารับผิดชอบตึกทารกแรกเกิดป่วย จะเจอปัญหาตลอดว่าหมอสูติจะผ่าเคสที่เด็กมีปัญหา หรือยังไม่ครบกำหนดคลอดออกมาให้ได้ ทั้งๆที่ฝั่งเด็กก็บอกแล้วว่าตู้อบเด็กเต็ม / เครื่องช่วยหายใจหมดคลัง
ไม่ใช่ว่าเราขี้เกียจทำงาน แต่เอาเด็กคลอดก่อนกำหนดออกมาโดยไม่มีตู้ ไม่มีเครื่อง จะให้เราทำยังไง
แล้วไม่จบแค่นั้น พอเด็กเข้าตึกเด็กป่วย ไม่ได้อยู่กับแม่หลังคลอด ญาติก็มาโวยใส่หมอเด็กอีก
ว่า "จ่ายค่าฝากพิเศษตั้งแพง ดูแลยังไงให้หลานชั้นออกมามีปัญหา"
ซึ่งเราไม่มีส่วนได้อะไรตรงนี้เลย หมอสูติโน่น รับไปเต็มๆ แบ่งให้พยาบาลวอร์ด 5%
มันใช่เรื่องหรอ ที่เรานอกจากงานเพิ่มแล้วยังต้องมารับหน้าแทน แถมต้องระวังคำพูดที่อธิบายญาติ เพื่อ protect ไม่ให้หมอสูติโดนฟ้องอีก
เพราะมันก็มีบางครั้งที่พลาดจากฝั่งเค้าเอง ตามใจแม่ ผ่าคลอดให้ตามฤกษ์ที่ดูมา จนได้เด็กที่อ่อนกว่าอายุครรภ์ออกมา แล้วต้องเข้าตู้อบ เช่นสมุดฝากครรภ์บันทึกไว้ว่า 37 สัปดาห์ หมอเลยผ่าให้ตามแม่ขอ แต่เด็กออกมาปอดมีปัญหา ต้องใส่ท่อ เราประเมินอายุเด็กได้แค่ 35 สัปดาห์
(ทางปฏิบัติมันคลาดเคลื่อนกันได้ เช่นแม่นับประจำเดือนผิด หรืออุลตราซาวประเมินอายุครรภ์คลาดเคลื่อนเพราะเด็กตัวใหญ่)
เคยแจ้งตอนประชุมองค์กรแพทย์ก็ไม่เป็นผล เพราะผอ.ปัจจุบันเป็นหมอสูติ เลยไม่แน่ใจว่ามีการถือหางกันหรือไม่
และคิดว่าเรื่องรับฝากพิเศษ สธ. แพทยสภา ราชวิทยาลัย ก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นกันทั้งประเทศ
พอดีมาเห็นช่องทางนึงในเว็บสรรพากร เอาไว้แจ้งเบาะแสคน หรือกิจการที่รายได้เยอะๆ แต่ไม่ยื่นภาษี น้องสาวเราจบบัญชีบอกว่าช่องทางเว็บนี้พวกกิจการที่เป็นคู่แข่งกันเค้าชอบเอาไว้แอบเล่นงานกันเงียบๆ และสรรพากรก็เด็ดขาด เช็คบิลย้อนหลังจริง ซึ่งเราก็เชื่อในความเด็ดขาดเรื่องรีดภาษีของสรรพากร
http://interapp61.rd.go.th/taxcomplain/complain.php
ถ้าเราอยากแก้เผ็ดพวกนี้ เราลองเอาชื่อ นามสกุล สถานที่ทำงาน กรอกลงในเว็บดีมั้ย พร้อมกับแกล้งประเมินรายได้คร่าวๆ ชี้แหล่งนับเคสจากสมุดวอร์ดไปให้เลย
เช่น 15 เคส/สัปดาห์ = 780 เคส/ปี
= 5,460,000 บาท/ปี ซึ่งเข้ากับฐานภาษี 35% แน่นอน
เพราะในสมุด admit nursery เราพอรู้อยู่ว่าเดือนๆ นึงเคสใครกี่เคส และพยาบาลก็กาดอกจันไว้ให้ทุกเคสที่เป็นฝากพิเศษ แถมยังมีสมุดลับของหัวหน้าวอร์ดพิเศษสูติอีก คอยจดบัญชีที่รับซองมาให้ พร้อมกับหักส่วนแบ่งเข้าวอร์ด
คิดว่าสรรพากรจะเอาจริงรึเปล่า ถ้าโดนย้อนหลัง พวกเค้าจะเลิกพฤติกรรมแบบนี้กันมั้ย