รู้ไว้ก่อนซื้อปูอลาสก้าจะได้ไม่โดนหลอกขาย??
มีคนถามเข้ามามากมาย ทำไมเนื้อมันต่างกันมาก วันนี้เลยเอามาเปรียบเทียบ ให้ได้ดูกันจะๆไปเลยรูปแรกคือ ปูอลาสก้า รูปที่สองคือ ปูชิลี ปู2ชนิดนี้คนละสายพันธุ์ ทั้งรสชาติ ราคาก็ต่างกันด้วย และปูยักษ์ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น ปูอลาสก้า ลักษณะรูปร่างภายนอก อาจจะคล้ายกันอย่างกับแกะ นั้นก็คือ ปูยักษ์ชิลี
ปูยักษ์ชิลี (Chilean King Crab)
จะมีลักษณะภายนอกหนามจะยาว ถ้าจับตัวอาจมีทิ่มมือเจ็บแน่นอน ขนาดจะมีขนาดเล็กตั้งแต่ 500กรัม ขึ้นไป ดูรูปเปรียบเทียบได้เลย ถิ่นกำเนิดตอนใต้ของชิลี เป็นปูทะเลน้ำอุ่น มีจุดแตกต่างก็คือ และราคาถูกกว่าปูอลาสก้า ส่วนใหญ่ในไทยที่กินกันเยอะๆ และเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็น ปูอลาสก้า แท้จริงมันคือปูยักษ์จากประเทศชิลี ในประเทศไทย ไม่มีตัวสดๆเพราะมันตายง่าย จับขึ้นมาจากน้ำทะเล 3-5ชั่วโมงมันก็สิ้นใจตายแล้ว เนื่องจากปูพวกนี้มีจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องต้มไว้ เพื่อรักษาคุณภาพเนื้อให้คงรสชาติ ไว้ได้นานเเรมปี ใครโชคดีหน่อยก็จะได้กินตัวพึ่งนำเข้า ก็เลยพอได้ลิ้มรสชาติปู แต่ใครโชคร้ายได้ตัวฟรีซนาน แกะมาเนื้อปูแห้งก็จะเหมือนกินกระดาษ รสชาติจืดไปหมด ตอนนี้ในไทยยังไม่สามารถนำตัวเป็นเข้ามาได้ จะมีแต่นำไปต้มแล้วนำมาแช่แข็ง หากินได้ง่ายตามห้างใหญ่ หรือโรงแรมที่เขาจัดบุฟเฟ่ราคาถูกๆนั้นเอง
ดั้งนั้นก่อนจะซื้อดูให้ดีๆก่อนนะจ๊ะ บางร้านทำเนียนบอกกว่าปูอลาสก้า ราคาพิเศษ โปรลดระเบิดฟินกระจาย เดี๋ยวร้องไห้ฟูมฟายเรื่องรสชาติอีก
#เราเตือนคุณด้วยความหวังดี เสียทั้งทีต้องได้ของดีไปเลย
ปูอลาสก้า (Alaska King Crab)
จะมีลักษะภายนอกหนามจะสั้น ขนาดตัวที่ใหญ่กว่า น้ำหนักอยู่ที่ ตัวล่ะ 2กิโลขึ้นไป ตัวเล็กก็มีแต่กฎหมายประเทศนั้น ระบุไว้ชัดเจนว่าให้จับขนาดไหนความยาวเท่าไหร่น้ำหนักเท่าไหร่ถ้าจับขึ้นมาไม่ได้ขนาดก็ต้องโยนกลับทะเลไป ในไทยนำเข้ามามีทั้งตัวเป็นๆดิ้นได้ และแช่แข็ง ถ้าปูตัวใหญ่เนื้อจะแน่นเยอะ ประกอบอาหารรสชาติดีทำให้ผู้คนนิยมทานจึงมีราคาค่อนข้างสูง
ในเมื่อราคาที่ถูกกว่าแถมลักษณะคล้ายกัน ย่อมมีคนนำมาขายในราคาเดียวกันแน่นอน เป็นไงบ้างพอรู้แล้วใช่ไหมว่า ปูอลาสก้า กับ ปูชิลี ต่างกันยังไง ส่วนเรื่องรสชาติก็คงต้องเป็นของสด เนื้อปูจะเด้ง หวานฉ่ำ ได้รสสัมผัสไปเต็มๆ และก็คงอร่อยกว่าแบบแช่แข็งแน่นอน
รู้ไว้ก่อนซื้อ ปูอลาสก้า จะได้ไม่โดนหลอก?
มีคนถามเข้ามามากมาย ทำไมเนื้อมันต่างกันมาก วันนี้เลยเอามาเปรียบเทียบ ให้ได้ดูกันจะๆไปเลยรูปแรกคือ ปูอลาสก้า รูปที่สองคือ ปูชิลี ปู2ชนิดนี้คนละสายพันธุ์ ทั้งรสชาติ ราคาก็ต่างกันด้วย และปูยักษ์ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น ปูอลาสก้า ลักษณะรูปร่างภายนอก อาจจะคล้ายกันอย่างกับแกะ นั้นก็คือ ปูยักษ์ชิลี
ปูยักษ์ชิลี (Chilean King Crab)
จะมีลักษณะภายนอกหนามจะยาว ถ้าจับตัวอาจมีทิ่มมือเจ็บแน่นอน ขนาดจะมีขนาดเล็กตั้งแต่ 500กรัม ขึ้นไป ดูรูปเปรียบเทียบได้เลย ถิ่นกำเนิดตอนใต้ของชิลี เป็นปูทะเลน้ำอุ่น มีจุดแตกต่างก็คือ และราคาถูกกว่าปูอลาสก้า ส่วนใหญ่ในไทยที่กินกันเยอะๆ และเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็น ปูอลาสก้า แท้จริงมันคือปูยักษ์จากประเทศชิลี ในประเทศไทย ไม่มีตัวสดๆเพราะมันตายง่าย จับขึ้นมาจากน้ำทะเล 3-5ชั่วโมงมันก็สิ้นใจตายแล้ว เนื่องจากปูพวกนี้มีจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องต้มไว้ เพื่อรักษาคุณภาพเนื้อให้คงรสชาติ ไว้ได้นานเเรมปี ใครโชคดีหน่อยก็จะได้กินตัวพึ่งนำเข้า ก็เลยพอได้ลิ้มรสชาติปู แต่ใครโชคร้ายได้ตัวฟรีซนาน แกะมาเนื้อปูแห้งก็จะเหมือนกินกระดาษ รสชาติจืดไปหมด ตอนนี้ในไทยยังไม่สามารถนำตัวเป็นเข้ามาได้ จะมีแต่นำไปต้มแล้วนำมาแช่แข็ง หากินได้ง่ายตามห้างใหญ่ หรือโรงแรมที่เขาจัดบุฟเฟ่ราคาถูกๆนั้นเอง
ดั้งนั้นก่อนจะซื้อดูให้ดีๆก่อนนะจ๊ะ บางร้านทำเนียนบอกกว่าปูอลาสก้า ราคาพิเศษ โปรลดระเบิดฟินกระจาย เดี๋ยวร้องไห้ฟูมฟายเรื่องรสชาติอีก
#เราเตือนคุณด้วยความหวังดี เสียทั้งทีต้องได้ของดีไปเลย
จะมีลักษะภายนอกหนามจะสั้น ขนาดตัวที่ใหญ่กว่า น้ำหนักอยู่ที่ ตัวล่ะ 2กิโลขึ้นไป ตัวเล็กก็มีแต่กฎหมายประเทศนั้น ระบุไว้ชัดเจนว่าให้จับขนาดไหนความยาวเท่าไหร่น้ำหนักเท่าไหร่ถ้าจับขึ้นมาไม่ได้ขนาดก็ต้องโยนกลับทะเลไป ในไทยนำเข้ามามีทั้งตัวเป็นๆดิ้นได้ และแช่แข็ง ถ้าปูตัวใหญ่เนื้อจะแน่นเยอะ ประกอบอาหารรสชาติดีทำให้ผู้คนนิยมทานจึงมีราคาค่อนข้างสูง
ในเมื่อราคาที่ถูกกว่าแถมลักษณะคล้ายกัน ย่อมมีคนนำมาขายในราคาเดียวกันแน่นอน เป็นไงบ้างพอรู้แล้วใช่ไหมว่า ปูอลาสก้า กับ ปูชิลี ต่างกันยังไง ส่วนเรื่องรสชาติก็คงต้องเป็นของสด เนื้อปูจะเด้ง หวานฉ่ำ ได้รสสัมผัสไปเต็มๆ และก็คงอร่อยกว่าแบบแช่แข็งแน่นอน